Review: Sully (Clint Eastwood, 2016) เขียนโดย Form Corleone

Sully (Clint Eastwood, 2016)  คะแนน B+



By Form Corleone

#ไม่มีสปอย

" บอกเล่าเรื่องราว 'ฮีโร่' ที่มีเนื้อมีหนังจับต้องได้ " บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดเป็นที่รู้และเข้าใจกันได้ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้นำเสนอคือมุมมองความเป็นฮี่โร่เดินดินทั่วๆไปได้อย่างเชิงลึก พาคนดูสำรวจจิตใจของตัวละครได้ตลอดทั้งเรื่อง หนังไม่ได้พยายามสร้างสิ่งแวดล้อมให้ตัวละครกลายเป็นฮี่โร่แบบยัดเยียดจนออกนอกหน้า สิ่งที่หนังทำคือการค่อยๆขยายเรื่องราวทั้งหมดอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนบางครั้งเรากลับไม่รู้สึกว่าตัวละครในเรื่องเป็นฮีโร่จริงๆด้วยซ้ำ ตัวละครอาจเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มุมมองที่มีต่อหนังเลยสะท้อนเข้าถึงคนทั่วไปได้ง่าย เมื่อหนังจบลงเราทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบแตกต่างกันไป บางคนอาจมีหน้าที่ภาระต้องดูแลคนอื่นในทางตรงหรือบางคนดูแลผู้คนในทางอ้อม ไม่ว่าเราจะอยู่ในภาวะหน้าที่รูปแบบไหน เราเพียงระลึกถึง+กระทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดอย่างมีสติ เหมือนตัวละครในเรื่องที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม และเมื่อนั้นเราทุกคนก็จะเป็น 'ฮีโร่' ของใครสักคนเช่นกัน บ่อยครั้งที่เราต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางข้างหน้าที่กำลังเข้ามาในชีวิต เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ณ ตอนนั้นสิ่งที่เราเลือกจะส่งผลยังไง เราเพียงรู้ว่าสิ่งที่เราเลือก ณ เวลานั้นมันดีที่สุด ณ ห้วงเวลานั้น แม้มองย้อนกลับไป ณ ตอนนั้นมันอาจจะไม่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ก็ตามที เราคิดว่าประสบการณ์มีอำนาจต่อการตัดสินใจในชีวิต 'กัปตันซัลลี่' เลือกใช้ประสบการณ์ที่ตัวเองมีมาในการตัดสินใจช่วงวินาทีชีวิต ที่จะเอาเครื่องบินลงจอดในแม่น้ำฮัดสัน ฟังดูเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงจอด แต่เมื่อกัปตันซัลลี่เลือกเส้นทางนั้นแล้ว ตัวเขาเองแทบไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงผู้ช่วยกัปตัน แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่งมักให้ผลที่เกินขาด (อย่างมีสติ)



การแสดงของ 'ทอม แฮงค์ส' ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็สามารถที่จะลบภาพเรื่องเก่าๆที่เคยแสดงได้เกือบทั้งหมด เราเชื่อแบบสนิทใจตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงช่วงสุดท้ายว่าเขาคือชายที่ชื่อ 'ซัลลี่' กัปตันที่เอาเครื่องบินลงจอดในแม่น้ำฮัดสัน ผู้ช่วยชีวิตลูกเรือ 155 คน 'ทอม แฮงค์ส' แสดงสภาวะความกังวลใจผ่านสีหน้า แววตา สภาวะอารมณ์ของความเครียด เรียบง่ายชวนมีพลัง เป็นการแสดงที่ดีงามอีกครั้งหนึ่ง วิธีดำเนินเรื่องของหนังเป็นแบบเส้นตรงที่สอดประสานช่วงเวลาในอดีตได้อย่างเข้มข้น ด้วยภาพและโทนสีรวมไปถึงดนตรีประกอบ+ตัวละครที่น้อย ทำให้เราสามารถที่จะพินิจพิเคราะห์ตัวละครได้ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งนักแสดงนอกเหนือจาก 'ทอม แฮงค์ส' ก็สามารถที่จะควบคุมจังหวะหนักเบาได้ทั้งหมด



คนแบบ 'ซัลลี่' คือตัวอย่างที่ดี ที่เราสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆจากตัวละครตัวนี้ได้เยอะมาก นอกเหนือจากการทำหน้าที่กัปตันได้ดีถึงที่สุดแล้ว หน้าทีเสาหลักของครอบครัวก็ทำได้ดีเช่นกัน วิธีการจัดการกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปหลังจากเป็นฮีโร่ ก็ดูจะเป็นรูปแบบพื้นๆที่คนทั่วไปสามารถทำได้ สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของหนังคือมุมมองต่อตัวละครที่หนังนำเสนอนั้น ไม่ได้มีเพียงมุมมองเดียวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้องค์รวมของเหตุการณ์ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อดีย่อมมีข้อเสียในตัวของมันเอง ด้วยความเนิบช้าของหนังอาจทำให้ใครหลายคนเบื่อได้ หนังสามารถที่จะกระชับเรื่องราวแต่งเติมบางสิ่งได้มากกว่านี้ ซึ่งหนังเลือกที่จะหยิบประเด็นความสัมพันธ์ของลูกเรือมาแต่งเติมช่วงเวลาที่เนิบช้าเยอะไปนิด อาจเป็นความพยายามที่จะให้คนดูซึบซับว่า 'ซัลลี่' ได้ช่วยคนเหล่านี้ไว้นะ สำหรับเราคิดว่าไม่จำเป็นเพราะภาพรวมของหนังช่วยให้เราเข้าใจแง่มุมนั้นอยู่แล้ว ยิ่งตอน 'end credit' มี 'ซัลลี่' ตัวจริงกับลูกเรือตัวจริงมาปรากฏด้วยแล้วนั้น ยิ่งทำให้เหตุการณ์ความสัมพันธ์ของลูกเรือที่หนังเล่าดูเบาไปเลย



สุดท้าย 'Sully' คือหนังที่นำเสนอมุมมอง 'ฮี่โร่' ต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เจ้าตัวก็ไม่คิดว่าจะได้เป็นฮีโร่ เขาเพียงทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ใครที่ชอบหนังของปู่คลินต์ ต้องบอกว่าสมการรอคอย ปู่แกยังคงอิงทำหนังแนวนี้ได้อย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง แอบลุ้นว่าจะมีชื่อติด 'ออสการ์' ปีนี้หรือเปล่า 'ทอม แฮงค์ส' จะมีลุ้นเข้าชิงนำชายมั้ย?? คงต้องรอดูกัน แต่สำหรับเรานั้นงานนี้สมควรแก่การรับชมครับ



ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ ยิ้ม

ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่