หากใครเป็นคนต่างจังหวัด และเข้ามาเผชิญชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครเพียงลำพัง คงมี "ความเหงา" เข้ามาเยี่ยมเยียนไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะชายรักชายอย่าง "ผม" และอีกหลายๆ คนที่คุ้นเคยกับความเหงาไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าสังคมปัจจุบันจะทลายกำแพงที่ปิดกั้นชายรักชายออกไปแล้ว แต่กำแพงค่านิยมเรื่อง "สเป็ค" ก็ยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับ "คนที่ไม่น่ามอง"
ซึ่งต้องยอมรับว่ามันยากมากที่จะปีนข้ามไปหาคนที่ใครๆ ก็หมายปองได้ ผมเคยลองปีนขึ้นไปหลายครั้ง แต่ก็ตกลงมาบาดเจ็บสาหัสทุกครั้งไป
ในขณะที่ใครหลายคนก็พยายามปีนกำแพงที่ผมสร้างกั้นตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกผมผลักตกลงไปบาดเจ็บเช่นกัน และผมเชื่อว่านี่คือสาเหตุ
สำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ชายรักชายหลายคนยังอยู่กับความโสดและความเหงาเช่นกันกับผม
สำหรับผม ย่างเข้าสู่ปีที่ 5 ของการใช้ชีวิตวัยทำงานในกรุงเทพมหานคร อายุก็ย่างใกล้เลขสามไปเรื่อยๆ นอกจากความท้าทายในการปรับตัว
ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนหลายหลากมากรูปแบบ ความเหนื่อย ความท้อแท้ในการทำงาน และความคิดถึงบ้านแล้ว ความโสดและความเหงา
ก็เป็นเรื่องท้าทายที่ผมต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่ออยู่กับมันให้ได้เช่นกัน
วันทำงาน ชีวิตในวันทำงานของผมเริ่มต้นจากการตื่นนอนแต่เช้าตรู่ รีบอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อออกไปรอรถประจำทางสายเดิมๆ
ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนกับรถราจำนวนมหาศาลไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ได้พบเจอคนแปลกหน้าจำนวนมากที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกันมาก่อน
เคยคิดเล่นๆ ว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เราได้เจอใครหลายๆ คน ซึ่งอาจได้เจอเพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่เรากลับไม่เข้าไปพูดจาทักทาย
หรือส่งรอยยิ้มเพื่อทำความรู้จักเขา มันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่สังคมมองว่ามันคือสิ่งผิดปกติจนน้อยคนที่จะกล้าทำ
ถึงที่ทำงานก็มุ่งมั่นทำหน้าที่ ทุ่มเททั้งแรง ความคิด และลมหายใจเพื่อแลกกับค่าจ้างที่ช่วยลดความลำบากในการใช้ชีวิตไปได้บ้าง
เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขเฉกเช่นเพื่อนสนิทหรือเพื่อนตอนเรียนในสถาบันการศึกษ เมื่องานจบความสัมพันธ์ก็จบ
และแยกย้ายกันไปตามวิถีของตนเอง การไม่ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชา ใต้กฎระเบียบ หรือใต้ภาระหน้าที่ขององค์กร คือเวลาที่ได้ลมหายใจ
ของตัวเองกลับคืน หอบเอาร่างเหนื่อยๆ ขึ้นรถประจำทางเพื่อกลับที่พัก หาซื้ออาหารซ้ำๆ เดิมๆ ทานเพื่อสนองความต้องการของร่างกาย
ให้เวลากับการผ่อนคลายด้วยสื่อและเทคโนโลยี และเข้านอนโดยปราศจากคำว่าราตรีสวัสดิ์จากใครสักคนที่ยังหากันไม่เจอ
วันหยุด คือ สิ่งที่รอคอยและภาวนาให้มาถึงเร็วๆ หากว่างเว้นจากกิจธุระอื่นใด มันคือเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ
ภายใต้เวลาอันมีจำกัด คนโสดอย่างผม จำเป็นต้องตัดทุกกิจกรรมที่มีคนรักเข้ามาเกี่ยวข้อง และเปลี่ยนเป็นการปลอบโยนตัวเองด้วยการ
ทำงานบ้านไปพร้อมกับเสียงเพลงลูกทุ่งเศร้าๆ ที่ชื่นชอบ ทำอาหารที่ไม่เคยทำโดยมียูทูบเป็นครูสอน ดูรายการทีวีที่ให้เสียงหัวเราะ
ดูหนังในเว็บไซต์ ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้คนและสังในโซเชียล อ่านนิยาย yaoi จากเว็บไซต์เจ้าประจำ หากเบื่อๆ ไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้อง
ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่น ทานอาหาร หรือดูหนังในห้างสรรพสินค้า บางวันก็เดินตลาดนัด หรือไม่ก็คว้าโทรศัพท์และหูฟังขึ้นรถเมล์
นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจปลายทาง นานๆ ครั้งจะนัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนสักครั้ง ช่วงวันหยุดยาวๆ อาจมีไปเที่ยวต่างจังหวัด
หรือกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างนานๆ ครั้ง วนเวียนและโดดเดี่ยวอยู่เช่นนี้จนบางทีก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวเหมือนกัน
สำหรับคนที่ไม่มีใคร แม้จะเคยชินกับการอยู่คนเดียวมานาน
แต่บางทีความเหงามันก็รุนแรงเกินที่ภูมิต้านทานของเราจะรับไหว...ว่ามั้ยครับ
แล้วชีวิตประจำวันของคุณๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง แตกต่างไปจากผมมากน้อยแค่ไหน
อยากลองให้นำมาแบ่งปันกัน เผื่อผมจะได้นำไปปรับใช้ได้บ้างครับ ขอบคุณครับ
ชีวิต "เกย์โสดในมหานคร" เป็นอย่างไรกันบ้างครับ
โดยเฉพาะชายรักชายอย่าง "ผม" และอีกหลายๆ คนที่คุ้นเคยกับความเหงาไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าสังคมปัจจุบันจะทลายกำแพงที่ปิดกั้นชายรักชายออกไปแล้ว แต่กำแพงค่านิยมเรื่อง "สเป็ค" ก็ยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับ "คนที่ไม่น่ามอง"
ซึ่งต้องยอมรับว่ามันยากมากที่จะปีนข้ามไปหาคนที่ใครๆ ก็หมายปองได้ ผมเคยลองปีนขึ้นไปหลายครั้ง แต่ก็ตกลงมาบาดเจ็บสาหัสทุกครั้งไป
ในขณะที่ใครหลายคนก็พยายามปีนกำแพงที่ผมสร้างกั้นตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกผมผลักตกลงไปบาดเจ็บเช่นกัน และผมเชื่อว่านี่คือสาเหตุ
สำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ชายรักชายหลายคนยังอยู่กับความโสดและความเหงาเช่นกันกับผม
สำหรับผม ย่างเข้าสู่ปีที่ 5 ของการใช้ชีวิตวัยทำงานในกรุงเทพมหานคร อายุก็ย่างใกล้เลขสามไปเรื่อยๆ นอกจากความท้าทายในการปรับตัว
ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนหลายหลากมากรูปแบบ ความเหนื่อย ความท้อแท้ในการทำงาน และความคิดถึงบ้านแล้ว ความโสดและความเหงา
ก็เป็นเรื่องท้าทายที่ผมต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่ออยู่กับมันให้ได้เช่นกัน
วันทำงาน ชีวิตในวันทำงานของผมเริ่มต้นจากการตื่นนอนแต่เช้าตรู่ รีบอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อออกไปรอรถประจำทางสายเดิมๆ
ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนกับรถราจำนวนมหาศาลไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ได้พบเจอคนแปลกหน้าจำนวนมากที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกันมาก่อน
เคยคิดเล่นๆ ว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เราได้เจอใครหลายๆ คน ซึ่งอาจได้เจอเพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่เรากลับไม่เข้าไปพูดจาทักทาย
หรือส่งรอยยิ้มเพื่อทำความรู้จักเขา มันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่สังคมมองว่ามันคือสิ่งผิดปกติจนน้อยคนที่จะกล้าทำ
ถึงที่ทำงานก็มุ่งมั่นทำหน้าที่ ทุ่มเททั้งแรง ความคิด และลมหายใจเพื่อแลกกับค่าจ้างที่ช่วยลดความลำบากในการใช้ชีวิตไปได้บ้าง
เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขเฉกเช่นเพื่อนสนิทหรือเพื่อนตอนเรียนในสถาบันการศึกษ เมื่องานจบความสัมพันธ์ก็จบ
และแยกย้ายกันไปตามวิถีของตนเอง การไม่ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชา ใต้กฎระเบียบ หรือใต้ภาระหน้าที่ขององค์กร คือเวลาที่ได้ลมหายใจ
ของตัวเองกลับคืน หอบเอาร่างเหนื่อยๆ ขึ้นรถประจำทางเพื่อกลับที่พัก หาซื้ออาหารซ้ำๆ เดิมๆ ทานเพื่อสนองความต้องการของร่างกาย
ให้เวลากับการผ่อนคลายด้วยสื่อและเทคโนโลยี และเข้านอนโดยปราศจากคำว่าราตรีสวัสดิ์จากใครสักคนที่ยังหากันไม่เจอ
วันหยุด คือ สิ่งที่รอคอยและภาวนาให้มาถึงเร็วๆ หากว่างเว้นจากกิจธุระอื่นใด มันคือเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ
ภายใต้เวลาอันมีจำกัด คนโสดอย่างผม จำเป็นต้องตัดทุกกิจกรรมที่มีคนรักเข้ามาเกี่ยวข้อง และเปลี่ยนเป็นการปลอบโยนตัวเองด้วยการ
ทำงานบ้านไปพร้อมกับเสียงเพลงลูกทุ่งเศร้าๆ ที่ชื่นชอบ ทำอาหารที่ไม่เคยทำโดยมียูทูบเป็นครูสอน ดูรายการทีวีที่ให้เสียงหัวเราะ
ดูหนังในเว็บไซต์ ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้คนและสังในโซเชียล อ่านนิยาย yaoi จากเว็บไซต์เจ้าประจำ หากเบื่อๆ ไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้อง
ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่น ทานอาหาร หรือดูหนังในห้างสรรพสินค้า บางวันก็เดินตลาดนัด หรือไม่ก็คว้าโทรศัพท์และหูฟังขึ้นรถเมล์
นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจปลายทาง นานๆ ครั้งจะนัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนสักครั้ง ช่วงวันหยุดยาวๆ อาจมีไปเที่ยวต่างจังหวัด
หรือกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างนานๆ ครั้ง วนเวียนและโดดเดี่ยวอยู่เช่นนี้จนบางทีก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวเหมือนกัน
แต่บางทีความเหงามันก็รุนแรงเกินที่ภูมิต้านทานของเราจะรับไหว...ว่ามั้ยครับ
แล้วชีวิตประจำวันของคุณๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง แตกต่างไปจากผมมากน้อยแค่ไหน
อยากลองให้นำมาแบ่งปันกัน เผื่อผมจะได้นำไปปรับใช้ได้บ้างครับ ขอบคุณครับ