ภายใต้ความพ่ายแพ้ในการออกเสียงร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 สิงหาคม เสียงเงียบที่ดังกึกก้องในหมู่ผู้รักประชาธิปไตยคือการแสดงออกเชิงตัดพ้อและประชดประเทียดสังคมประเภท “ประเทศนี้ไม่ต้องการประชาธิปไตย”, “สังคมไทยตรรกะวิบัติ”, “เสียงส่วนใหญ่ไบโพลาร์” ฯลฯ
จนหลังวันที่ 7 สิงหาคม เกิดสภาพที่ฝ่ายชนะการออกเสียงเริ่มกำหนดวาระการเมืองได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ดี ผลการออกเสียงวันที่ 7 สิงหาคม ไม่ได้สะท้อนความพ่ายแพ้ของประชาธิปไตยมากเท่ากับสะท้อนความล้มเหลวของฝ่ายรณรงค์ “ไม่รับ” ในการเสนอภาพประชาธิปไตยเฉพาะในแง่อุดมการณ์และสถาบันการเมือง
ซึ่งกล่าวอีกนัยคือสะท้อนข้อจำกัดในการอภิปรายประชาธิปไตยตามมุมมองของนักกฎหมายมหาชน
ขณะที่การรณรงค์เรื่องร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยในปี 2559 ให้น้ำหนักไปที่การอธิบายประชาธิปไตยในแง่อุดมคติและการเปิดโปงความไม่เป็นประชาธิปไตยในสถาบันการเมือง
https://www.matichonweekly.com/column/article_7001
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ : ฝ่ายประชาธิปไตยแพ้ เพราะไม่ “แปล” ประชาธิปไตย
จนหลังวันที่ 7 สิงหาคม เกิดสภาพที่ฝ่ายชนะการออกเสียงเริ่มกำหนดวาระการเมืองได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ดี ผลการออกเสียงวันที่ 7 สิงหาคม ไม่ได้สะท้อนความพ่ายแพ้ของประชาธิปไตยมากเท่ากับสะท้อนความล้มเหลวของฝ่ายรณรงค์ “ไม่รับ” ในการเสนอภาพประชาธิปไตยเฉพาะในแง่อุดมการณ์และสถาบันการเมือง
ซึ่งกล่าวอีกนัยคือสะท้อนข้อจำกัดในการอภิปรายประชาธิปไตยตามมุมมองของนักกฎหมายมหาชน
ขณะที่การรณรงค์เรื่องร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยในปี 2559 ให้น้ำหนักไปที่การอธิบายประชาธิปไตยในแง่อุดมคติและการเปิดโปงความไม่เป็นประชาธิปไตยในสถาบันการเมือง
https://www.matichonweekly.com/column/article_7001