ตามนั้นครับ อันนี้เป็นประสบการ์ณส่วนตัวที่เจอมานะครับ ผมเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ ชอบอ่านหนังสือหนังหาแต่เด็ก
ต่อมาก็ได้ไปเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ ของ ม แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ย้ายที่เรียน ย้ายคณะไปสาขาประวัติศาสตร์ เรียนปรัชญา
เป็นวิชาเสริม ตอนนี้ก็ผ่านมาจนจะจบ เรื่องอาชีพก็วางแผนฝึกฝนตัวเองใว้แล้วครับ
ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลื่ยนไป เปลื่ยนไปมากเหลือเกิน
1.ไม่เชื่อในศีลธรรมแบบตายตัว เพราะเรียนปรัชญา เขาก็จะสอนให้คนเรารู้ซึ้ง ถึงความถูกความผิด อะไรหลายๆอย่าง
ตามหลายแนวคิด บางปรัชญาก็ไปใกลถึงขั้นบอกใว้ว่า การฆ่าคนให้ตายอาจถูกต้อง ถ้าทำให้คนจำนวนมากกว่าปลอดภัย และมีอนาคตที่ดีขึ้น
ทำให้เวลาที่สังคมออกมาดราม่า บางครั้งผมรู้สึกว่าสังคมช่างมีความคิดที่แคบเหลือเกิน
2.ชอบวิเคราะห์ ชอบตรวจสอบ ชอบค้นชอบคว้า ถึงขั้นระแวงหน่อยๆ เวลาจะรับสารอะไร ต้องอ่าน และตรวจสอบหลายๆแหล่ง
บางครั้งแม้แต่คำพูดของคนในครอบครัว ก็ทำให้ผมหวาดระแวง เพราะว่าวิทยาศาสตร์เทียมบางครั้ง
ก็ใช้ประโยชน์จากคนจำนวนมาก หรืออ้างความใกล้ชิด เป็นต้น
3.เป็นคนที่สามารถเสพสื่อบันเทิงได้หลากหลายพอควร และมักจะเข้าใจการกระทำ ที่ขัดกับจารีต และวิธีประชา
เช่นการสังหารคนในครอบครัว เพราะบุคคลที่ยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์บางคน ก็ทำเช่นนี้มาแล้ว
บางครั้งเวลาเห็นคนอื่นพูดจาด่าการกระทำบางอย่างว่าชั่ว ด่าคนในอดีตว่าเลว ผมก็หัวเราะในใจ ว่าคนนั้นไม่เข้าใจบริบท
ทางประวัติศาสตร์ และภูมิหลังเลยสักนิด
4.ผมมักชอบสนทนากับคนที่เป็นคนมีบุคลิกแบบนักวิชาการ หรือคนที่อ่านหนังสือเยอะๆ บางครั้งชอบคน
พวกนี้มากกว่าคนในครอบครัวในแง่แนวคิดซะอีก เพราะเวลาที่ผมพูดอะไรที่เป็นเชิงวิทย์
หรือเชิงประวัติศาสตร์ ทำนองว่าความถูกความผิดมีบริบทของมัน หรือว่าคนเราก็คือเครื่องจักรที่ถูกควบคุมด้วยเคมี
และวิวัฒนการ ความเห็นแก่ตัวเป็นของปกติ ก็มักจะโดนว่า จนไม่อยากคุยด้วย
ท่านเชื่อมั้ยครับ แล้วเคยรู้สึกมั้ยว่าการศึกษามันทำใจคนเปลื่ยนได้
เชือมั้ยครับ ว่าการศึกษาอะไรมากๆ โดยเฉพาะสายประวัติศาสตร์ ปรัชญา หรือวิทย์ มันทำให้เรามองโลกเปลื่ยนไป
ต่อมาก็ได้ไปเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ ของ ม แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ย้ายที่เรียน ย้ายคณะไปสาขาประวัติศาสตร์ เรียนปรัชญา
เป็นวิชาเสริม ตอนนี้ก็ผ่านมาจนจะจบ เรื่องอาชีพก็วางแผนฝึกฝนตัวเองใว้แล้วครับ
ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลื่ยนไป เปลื่ยนไปมากเหลือเกิน
1.ไม่เชื่อในศีลธรรมแบบตายตัว เพราะเรียนปรัชญา เขาก็จะสอนให้คนเรารู้ซึ้ง ถึงความถูกความผิด อะไรหลายๆอย่าง
ตามหลายแนวคิด บางปรัชญาก็ไปใกลถึงขั้นบอกใว้ว่า การฆ่าคนให้ตายอาจถูกต้อง ถ้าทำให้คนจำนวนมากกว่าปลอดภัย และมีอนาคตที่ดีขึ้น
ทำให้เวลาที่สังคมออกมาดราม่า บางครั้งผมรู้สึกว่าสังคมช่างมีความคิดที่แคบเหลือเกิน
2.ชอบวิเคราะห์ ชอบตรวจสอบ ชอบค้นชอบคว้า ถึงขั้นระแวงหน่อยๆ เวลาจะรับสารอะไร ต้องอ่าน และตรวจสอบหลายๆแหล่ง
บางครั้งแม้แต่คำพูดของคนในครอบครัว ก็ทำให้ผมหวาดระแวง เพราะว่าวิทยาศาสตร์เทียมบางครั้ง
ก็ใช้ประโยชน์จากคนจำนวนมาก หรืออ้างความใกล้ชิด เป็นต้น
3.เป็นคนที่สามารถเสพสื่อบันเทิงได้หลากหลายพอควร และมักจะเข้าใจการกระทำ ที่ขัดกับจารีต และวิธีประชา
เช่นการสังหารคนในครอบครัว เพราะบุคคลที่ยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์บางคน ก็ทำเช่นนี้มาแล้ว
บางครั้งเวลาเห็นคนอื่นพูดจาด่าการกระทำบางอย่างว่าชั่ว ด่าคนในอดีตว่าเลว ผมก็หัวเราะในใจ ว่าคนนั้นไม่เข้าใจบริบท
ทางประวัติศาสตร์ และภูมิหลังเลยสักนิด
4.ผมมักชอบสนทนากับคนที่เป็นคนมีบุคลิกแบบนักวิชาการ หรือคนที่อ่านหนังสือเยอะๆ บางครั้งชอบคน
พวกนี้มากกว่าคนในครอบครัวในแง่แนวคิดซะอีก เพราะเวลาที่ผมพูดอะไรที่เป็นเชิงวิทย์
หรือเชิงประวัติศาสตร์ ทำนองว่าความถูกความผิดมีบริบทของมัน หรือว่าคนเราก็คือเครื่องจักรที่ถูกควบคุมด้วยเคมี
และวิวัฒนการ ความเห็นแก่ตัวเป็นของปกติ ก็มักจะโดนว่า จนไม่อยากคุยด้วย
ท่านเชื่อมั้ยครับ แล้วเคยรู้สึกมั้ยว่าการศึกษามันทำใจคนเปลื่ยนได้