คนสองคนไปไหนด้วยกัน... ทำไมไม่เรียก ๑ ต่อ ๑ แต่กลับเรียก ๒ ต่อ ๒ ครับผม... ?, 
ทำไมไม่เรียกไป ๑ ต่อ ๑ ?
เพราะถ้าดูจากสถานการณ์จริง
๑ คนไปดูหนังกับอีก ๑ คน รวมกันเป็น ๒ คน แบบนี้เป็นที่รู้กัน
๒ คนไปดูหนังกับอีก ๒ คน รวมกันเป็น ๔ คน แบบนี้ไปกับเพื่อนฝูง
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ 
อีกนิดครับ... เกี่ยวกับการซ้อนมอไซค์
คนขับกับคนซ้อน... ถ้าอ่านจากตรงนี้ ดูไม่น่าจะใช่คนเดียวกันนะ
ฉะนั้น... 
คนขับ ๑ คน คนซ้อน ๑ คน เท่ากับตอนนี้บนรถมอไซค์มี ๒ คน
เวลาบอกซ้อน ๓... ก็เท่ากับว่า ตอนนี้บนรถมอไซค์มี ๔ คน...
(คนขับ ๑ คน คนซ้อน ๓ คน รวมเป็น ๔ คน)
.
ผมต้องการความเข้าใจที่ชัดเจน จะได้สื่อสารได้ชัดตรงครับ... 
ขอบคุณทุกท่านครับ
ป.ล. ผมเห็นในกรณีนักสู้กัน ๒ คน... ไปไฟท์กันทีนี้ล่ะ เรียก ๑ ต่อ ๑ 
แต่พอนำมาใช้ในลักษณะหนุ่มสาวจีบกัน กลับเรียก ๒ ต่อ ๒ ซะงั้น... ป๊าดโธะ!																																	
  
							 
						
คนสองคนไปไหนด้วยกัน... ทำไมไม่เรียก ๑ ต่อ ๑ แต่กลับเรียก ๒ ต่อ ๒ ครับผม... ?
ทำไมไม่เรียกไป ๑ ต่อ ๑ ?
เพราะถ้าดูจากสถานการณ์จริง
๑ คนไปดูหนังกับอีก ๑ คน รวมกันเป็น ๒ คน แบบนี้เป็นที่รู้กัน
๒ คนไปดูหนังกับอีก ๒ คน รวมกันเป็น ๔ คน แบบนี้ไปกับเพื่อนฝูง
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
อีกนิดครับ... เกี่ยวกับการซ้อนมอไซค์
คนขับกับคนซ้อน... ถ้าอ่านจากตรงนี้ ดูไม่น่าจะใช่คนเดียวกันนะ
ฉะนั้น...
คนขับ ๑ คน คนซ้อน ๑ คน เท่ากับตอนนี้บนรถมอไซค์มี ๒ คน
เวลาบอกซ้อน ๓... ก็เท่ากับว่า ตอนนี้บนรถมอไซค์มี ๔ คน...
(คนขับ ๑ คน คนซ้อน ๓ คน รวมเป็น ๔ คน)
.
ผมต้องการความเข้าใจที่ชัดเจน จะได้สื่อสารได้ชัดตรงครับ...
ขอบคุณทุกท่านครับ
ป.ล. ผมเห็นในกรณีนักสู้กัน ๒ คน... ไปไฟท์กันทีนี้ล่ะ เรียก ๑ ต่อ ๑
แต่พอนำมาใช้ในลักษณะหนุ่มสาวจีบกัน กลับเรียก ๒ ต่อ ๒ ซะงั้น... ป๊าดโธะ!