สวัสดีค่ะทุกคน

พอหลังเสร็จสิ้นฟุตบอลยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศสไปแล้วเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลายคนสงสัยว่าเจ้าภาพครั้งต่อไปจะจัดที่ประเทศไหน คำตอบก็คือประเทศในโซนยุโรปที่เป็นสมาชิกของยูฟ่า ตามสนองนโยบายของมิเชล พาตินี่ อดีตประธานยูฟ่าในตอนนั้น เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี ฟุตบอลยูโร ตามให้จำกัดความว่า “โรแมนติก” ด้วยการกระจายแข่งขันตามเมืองใหญ่ๆในหลายประเทศทั่วทวีปยุโรป ซึ่งคัดเลือกจาก 19 สนาม 19 เมือง 16 ประเทศ แล้วประกาศสนามอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2014 ซึ่งได้ 13 สนาม 13 เมือง 12 ประเทศ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ส่วนวันเวลาการแข่งขันต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการในภายหลัง แต่ที่แน่ๆแข่งช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2020 ส่วนโลโก้และมาสคอตอย่างเป็นทางการในฟุตบอลยูโร 2020 อาจจะเปิดตัวในภายหลัง
ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเลือกเหลือ 24 ทีมสุดท้าย ซึ่งขอบอกว่าซับซ้อน และชวนปวดหัวมาก รวมทั้งมีบางกลุ่มไม่เห็นด้วยตามเจตนารมณ์ของพลาตินี่ วิธีการในการเข้ารอบ 24 ทีมสุดท้ายคือ แข่งรอบคัดเลือกในช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายนปี 2019 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 10 กลุ่ม โดย 4 กลุ่ม มี 6 ทีม และ 6 กลุ่มมี 5 ทีม แชมป์และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะได้สิทธิเข้ารอบสุดท้ายทันที รวม 20 ทีม ไม่มีการจัดทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดเข้ารอบสุดท้ายเหมือนกับคราว ยูโร 2016 ส่วนโควต้าที่เหลืออีก 4 ทีม จะมาจากยูฟ่า เนชั่นส์ลีกที่แข่งในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2018 และมิถุนายน 2019
หลายคนสงสัยว่ายูฟ่า เนชั่นส์ลีกคืออะไร เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอด 4 ทีมแต่ต้องแข่งขันอีก เพื่อเข้ารอบ 24 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลยูโร วิธีการแข่งขันใช้เวลาแข่งขัน 2 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก แข่งขันระบบพบกันหมดในกลุ่มย่อยแบบเหย้า-เยือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายนในปีที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ ส่วนช่วงที่สอง รอบชิงแชมป์ลีก จะให้ทีมแชมป์กลุ่มย่อย 4 ทีมของลีกเอ มาแข่งขันกันในระบบน็อกเอาต์ในเดือนมิถุนายนปีที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ เพื่อหาแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก
สำหรับโควต้า 4 ทีมสุดท้ายจากยูฟ่า เนชั่นส์ลีกนั้น จะให้สิทธิทีมที่อันดับดีที่สุดในแต่ละดิวิชั่น 4 ทีมซึ่งยังไม่ได้โควต้าจากการแข่งขันรอบคัดเลือกตามปกติมาเพลย์ออฟกัน โดยทีมที่มีสถิติดีที่สุดพบทีมอันดับ 4 ส่วนทีมสถิติดีอันดับ 2 พบอันดับ 3 ให้สิทธิชาติที่สถิติดีกว่าได้เล่นในบ้าน เตะแบบน็อกเอาต์หาผู้ชนะเข้าไปชิงโควต้าของแต่ละลีก โดยกรณีที่ลีกใดลีกหนึ่งมีทีมที่ได้โควต้าไปครบถ้วนแล้วก็ให้สิทธิทีมสถิติดีสุดของดิวิชั่นถัดไปได้โควต้าที่เหลือแทน
ทั้งนี้ การแข่งขันรอบเพลย์ออฟดังกล่าวกำหนดไว้ในเดือนมีนาคมปี 2020 หรือก่อนแข่งยูโร 2020 รอบสุดท้ายประมาณ 3 เดือน
ส่วนฟุตบอลยูโร 2024 มีความเป็นไปได้ที่กลับมาใช้การเลือกเจ้าภาพประเทศเดียวหรือเจ้าภาพร่วม 2 ประเทศ หรือมากกว่านั้นอีกครั้ง ในตอนนี้มี 5 แห่งที่นำเสนอเป็นเจ้าภาพได้แก่ เยอรมัน,ตุรกี,ประเทศโซนนอร์ดิช (ฟีนแลนด์,สวีเดน,นอร์เวย์ และเดนมาร์ก) เนเธอร์แลนด์ และประเทศแถวยุโรปตะวันออก (เอสโตเนีย และรัสเซีย) จะเป็นประกาศประเทศที่เป็นเจ้าภาพในปี 2018 ส่วนการแข่งขันรอบคัดเลือก มีความเป็นไปได้ว่าจะกลับมาใช้วิธีเดียวเหมือนช่วงฟุตบอลยูโร 2016 โดยคัดเลือกเหลือ 24 ทีมสุดท้าย โดยทีมที่อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มต้องไปแข่งเพลย์ออพ แต่มีบางกลุ่มอยากให้กลับมาใช้คัดเลือกเหลือ 16 ทีมสุดท้ายเหมือนครั้งก่อน
เอาล่ะคราวนี้มาทำความรู้จักกับสนาม 13 แห่ง 13 เมือง 12 ประเทศสำหรับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 มีบางที่เปิดใช้แล้ว และมีบางที่กำลังก่อสร้าง โดยเฉพาะ 3 สนามแห่งใหม่ว่ามีที่ไหน และใช้ในรอบไหนบ้าง
มาทำความรู้จัก 13 สนาม 13 เมือง 12 ประเทศในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020
ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเลือกเหลือ 24 ทีมสุดท้าย ซึ่งขอบอกว่าซับซ้อน และชวนปวดหัวมาก รวมทั้งมีบางกลุ่มไม่เห็นด้วยตามเจตนารมณ์ของพลาตินี่ วิธีการในการเข้ารอบ 24 ทีมสุดท้ายคือ แข่งรอบคัดเลือกในช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายนปี 2019 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 10 กลุ่ม โดย 4 กลุ่ม มี 6 ทีม และ 6 กลุ่มมี 5 ทีม แชมป์และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะได้สิทธิเข้ารอบสุดท้ายทันที รวม 20 ทีม ไม่มีการจัดทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดเข้ารอบสุดท้ายเหมือนกับคราว ยูโร 2016 ส่วนโควต้าที่เหลืออีก 4 ทีม จะมาจากยูฟ่า เนชั่นส์ลีกที่แข่งในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2018 และมิถุนายน 2019
หลายคนสงสัยว่ายูฟ่า เนชั่นส์ลีกคืออะไร เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอด 4 ทีมแต่ต้องแข่งขันอีก เพื่อเข้ารอบ 24 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลยูโร วิธีการแข่งขันใช้เวลาแข่งขัน 2 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก แข่งขันระบบพบกันหมดในกลุ่มย่อยแบบเหย้า-เยือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายนในปีที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ ส่วนช่วงที่สอง รอบชิงแชมป์ลีก จะให้ทีมแชมป์กลุ่มย่อย 4 ทีมของลีกเอ มาแข่งขันกันในระบบน็อกเอาต์ในเดือนมิถุนายนปีที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ เพื่อหาแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก
สำหรับโควต้า 4 ทีมสุดท้ายจากยูฟ่า เนชั่นส์ลีกนั้น จะให้สิทธิทีมที่อันดับดีที่สุดในแต่ละดิวิชั่น 4 ทีมซึ่งยังไม่ได้โควต้าจากการแข่งขันรอบคัดเลือกตามปกติมาเพลย์ออฟกัน โดยทีมที่มีสถิติดีที่สุดพบทีมอันดับ 4 ส่วนทีมสถิติดีอันดับ 2 พบอันดับ 3 ให้สิทธิชาติที่สถิติดีกว่าได้เล่นในบ้าน เตะแบบน็อกเอาต์หาผู้ชนะเข้าไปชิงโควต้าของแต่ละลีก โดยกรณีที่ลีกใดลีกหนึ่งมีทีมที่ได้โควต้าไปครบถ้วนแล้วก็ให้สิทธิทีมสถิติดีสุดของดิวิชั่นถัดไปได้โควต้าที่เหลือแทน
ทั้งนี้ การแข่งขันรอบเพลย์ออฟดังกล่าวกำหนดไว้ในเดือนมีนาคมปี 2020 หรือก่อนแข่งยูโร 2020 รอบสุดท้ายประมาณ 3 เดือน
ส่วนฟุตบอลยูโร 2024 มีความเป็นไปได้ที่กลับมาใช้การเลือกเจ้าภาพประเทศเดียวหรือเจ้าภาพร่วม 2 ประเทศ หรือมากกว่านั้นอีกครั้ง ในตอนนี้มี 5 แห่งที่นำเสนอเป็นเจ้าภาพได้แก่ เยอรมัน,ตุรกี,ประเทศโซนนอร์ดิช (ฟีนแลนด์,สวีเดน,นอร์เวย์ และเดนมาร์ก) เนเธอร์แลนด์ และประเทศแถวยุโรปตะวันออก (เอสโตเนีย และรัสเซีย) จะเป็นประกาศประเทศที่เป็นเจ้าภาพในปี 2018 ส่วนการแข่งขันรอบคัดเลือก มีความเป็นไปได้ว่าจะกลับมาใช้วิธีเดียวเหมือนช่วงฟุตบอลยูโร 2016 โดยคัดเลือกเหลือ 24 ทีมสุดท้าย โดยทีมที่อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มต้องไปแข่งเพลย์ออพ แต่มีบางกลุ่มอยากให้กลับมาใช้คัดเลือกเหลือ 16 ทีมสุดท้ายเหมือนครั้งก่อน
เอาล่ะคราวนี้มาทำความรู้จักกับสนาม 13 แห่ง 13 เมือง 12 ประเทศสำหรับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 มีบางที่เปิดใช้แล้ว และมีบางที่กำลังก่อสร้าง โดยเฉพาะ 3 สนามแห่งใหม่ว่ามีที่ไหน และใช้ในรอบไหนบ้าง