In Clips: อดีตนายกฯโคอิสุมิเรียกอาเบะ “จอมโกหก” ลวงคนทั่วโลกวิกฤตนิวเคลียร์ฟูกุชิมะ สุดช็อก!! 5 ปีผ่านไป “เรือรบสหรัฐฯ

กระทู้คำถาม
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000090368

เอเจนซีส์ – อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จุนอิชิโร โคะอิซุมิ ออกมาประกาศเรียกนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ชินโซ อาเบะ เป็นจอมโกหก พร้อมชี้อาเบะประกาศไปทั่วโลก ทำให้คนหลงเชื่อว่ารัฐบาลญี่ปุ่นของเขาควบคุมสถานการณ์วิกฤตโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะไว้ในกำมือแล้ว สอดคล้องกับการรายงานของสื่อความมั่นคงสหรัฐฯ สตาร์แอนด์สตริปก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่า เรือรบกองทัพเรือสหรัฐฯ 16 ลำจากทั้งหมด 25 ลำที่ถูกส่งไปช่วยญี่ปุ่นในวิกฤตสึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เทปโก้ยังคงพบสารกัมมันตภาพรังสีปนเปื้อนหลงเหลืออยู่บนเรือในช่วงต้นปีนี้ ถึงแม้จะผ่านการขัดล้างทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็ตาม
       
       หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(7 ก.ย)ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำแดนอาทิตย์อุทัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2001-2006 ได้กลายเป็นผู้นำต่อต้านการเปิดเครื่องเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นอีกครั้งของนายกรัฐมนตรีชิน โซ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่นจากพรรคการเมืองเดียวกัน พรรค LDP หลังจากเขาได้ประกาศวางมือทางการเมือง
       
       โดยในเดือนกันยายนปี 2013 อาเบะได้ประกาศกลางที่ประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกสากล IOC ซึ่งถูกจัดขึ้นในกรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ว่า สถานการณ์วิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะนั้นอยู่ภายใต้การควบคุม ไม่นานก่อนที่กรุงโตเกียวจะถูกประกาศได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกปี 2020
       
       ทั้งนี้เดอะการ์เดียนรายงานว่าเจ้าหน้าที่ IOC ต่างรู้สึกกังวลใจต่อรายงานที่บ่งชี้ถึงการเพิ่มปริมาณของน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีจำนวนมากในบริเวณโรงงานไฟฟ้าของบริษัทเทปโก้
       
       โดยในการให้สัมภาษณ์ของโคอิซุมิต่อผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียวในวันพุธ(7 ก.ย)เขากล่าวถึงอาเบะที่เคยถูกมองว่าเป็นทายาททางการเมืองของโคอิซุมิว่า “เมื่ออาเบะได้ให้ข้อมูลว่าสถานการณ์ควบคุมได้แล้ว เขาโกหก” โคอิซุมิกล่าว และเสริมต่อว่า “ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่สามารถควบคุมได้”
       
       และอดีตผู้นำญี่ปุ่นกล่าวต่อว่า “พวกเขามักจะกล่าวเสมอว่า สามารถควบคุมได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วคนเหล่านี้ไม่สามารถควบคุมอะไรได้” ทั้งนี้โคอิซุมิได้กล่าวต่อ โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีอาเบะถูกปั่นหัวโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ได้ประกาศอ้าง “นิวเคลียร์เป็นสิ่งปลอดภัยที่สุด สะอาดที่สุด และถูกที่สุดสำหรับญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ขาดแหล่งทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงาน ”
       
       ทั้งนี้อดีตนายกโคอิซุมิยืนยันว่า “อาเบะเชื่อในสิ่งที่เขาได้รับทราบจากผู้เชี่ยวชาญทางนิวเคลียร์” และกล่าวยอมรับว่า “ผมเองก็เชื่อพวกเขาด้วยเช่นกันในระหว่างที่ผมยังคงดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมคิดว่าอาเบะเข้าใจได้ปรุโปร่งถึงข้อถกเถียงที่ออกมาจากทั้งสองฝั่ง แต่เขาเลือกที่จะเชื่อในฝั่งล็อบบี้สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์”
       
       ซึ่งหลังจากเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ฟูกุชิมะ โคอิซุมิได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เขาได้ศึกษากระบวนการ สถานการณ์จริง และประวัติศาสตร์ของพลังงานนิวเคลียร์ และรู้สึกละอายใจที่ได้เคยหลงเชื่อคำโกหกพวกนั้น”
       
       สื่ออังกฤษชี้ต่อว่า อาเบะได้ทำให้มีการเปิดใช้เตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นของเขาชี้ว่า ต้องการให้พลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งจ่ายพลังงานให้กับ 1 ใน 5 ของพลังงานที่ญี่ปุ่นใช้ทั้งหมดภายในปี 2030
       
       ทั้งนี้พบว่ามีเพียงเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์แค่ 3 แห่งจากจำนวนทั้งหมดหลายสิบแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงเปิดใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และ 2 แห่งจะต้องถูกปิดลงภายในปีนี้เพื่อการซ่อมบำรุง
       
       สื่อการ์เดียนชี้ว่า ถึงแม้โคอิซุมิจะขัดแย้งกับอาเบะในปัญหานิวเคลียร์ แต่เขาได้กล่าวชื่นชมการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะในฐานะผู้นำญี่ปุ่นในสมัยที่ 2
       
       นอกจากนี้โคอิซุมิ วัย 74 ปียังเป็นหนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนต่อจำนวนทหารเรือและทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯนับหลายร้อยรายที่ได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาป่วยด้วยโรคลูคิเมีย และโรคร้ายแรงอื่นๆหลังจากได้เข้ามาปฎิบัติงานกู้ภัยในช่วงวิกฤตฟูกุชิมะในปฎิบัติการโทโมดาชิ
       
       และในปี 2012 นายทหารสหรัฐฯเหล่านี้ได้ยื่นฟ้องต่อบริษัทเทปโก้ในความล้มเหลวที่ไม่สามารถป้องกัน และการกล่าวคำโกหกถึงระดับรังสีนิวเคลียร์ในเตาปฎกรณ์นิวเคลียร์ ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯเหล่านี้เสี่ยงภัยถึงชีวิต โดยพบว่าบรรดาโจทย์ส่วนมากที่ยื่นฟ้องในจำนวนทั้งหมด 400 คนอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
       
       แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ชี้ว่า ทหารเรือสหรัฐฯเหล่านี้ได้รับปริมาณรังสีนิวเคลียร์น้อย ซึ่งเป็นโดสที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต ในขณะที่รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯที่ได้เผยแพร่รายงานในปี 2014 กลับอ้างโดยระบุว่า ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างปัญหาด้านสุขภาพของเหล่าเจ้าหน้าที่ทหารเรือสหรัฐฯและการสัมผัสกับปริมาณรังสีนิวเคลียร์ระดับต่ำของโรงงงานไฟฟ้าฟูกุชิมะ
       
       อดีตนายกรัฐมนตรีโคอิซุมิที่ได้เข้าเยี่ยมผู้ประสบภัยฟูกุชิมะ อดีตเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯในเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วางแผนที่จะระดมทุนให้ได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า เพื่อช่วยในค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลของทหารสหรัฐฯเหล่านี้
       
       โดยอิซุมิกล่าวเปิดใจว่า “ผมรู้สึกว่าผมต้องช่วยทหารสหรัฐฯที่มีความกล้าหาญในการเข้าช่วยเหลือญี่ปุ่นในขณะเกิดภัยร้ายแรง” และกล่าวต่อว่า “ถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มากนัก แต่สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงน้ำใจที่ญี่ปุ่นมอบให้สำหรับผู้ที่เคยช่วยเหลือเรา”
       
       ทั้งนี้มีรายงานจากสื่อการทหารและความมั่นคงสหรัฐฯ สตาร์แอนด์สตริป ในเดือนมีนาคมต้นปีนี้ว่า เรือรบสหรัฐฯ 16 ลำจากทั้งหมด 25 ลำที่ถูกส่งไปในปฎิบัติการโทโมดาชินั้นยังคง “ปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีนิวเคลียร์มาจนถึงทุกวันนี้”
       
       โดยจากการให้ข้อมูลของกองทัพเรือสหรัฐฯต่อสื่อ สตาร์แอนด์สตริป ทางกองทัพเรือสหรัฐฯได้เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปีที่เกิดวิกฤตนิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ทางกองทัพสหรัฐฯได้พยายามส่งเรือรบเหล่านี้ไปทำความสะอาดอย่างสุดความสามารถ แต่อย่างไรก็ตามทางกองทัพเรือสหรัฐฯพบว่า เรือรบของกองทัพจำนวน 13 ลำ และเรือหน่วยบัญชาการลำเลียงทางทะเลทหาร (MILITARY SEALIFT COMMAND)อีก 3 ลำยังมีการพบการปนเปื้อนอยู่ ซึ่งพบในส่วนระบบระบายอากาศ ระบบเครื่องยนต์และขับเคลื่อนหลัก
       
       อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือสหรัฐฯกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ระดับสารกัมมันตภาพรังสีต่ำที่ถูกพบนั้นยังคงอยู่ในส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ตามปกติ ซึ่งเป็นส่วนพื้นที่ซึ่งถูกควบคุมอย่างเข้มงวดตามกระบวนการ” และยังกล่าวต่อว่า “การทำงานที่เกิดขึ้นในพื้นที่เหล่านี้อยู่ในส่วนของการซ่อมบำรุงใหญ่เท่านั้น ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติการต้องทำตามข้อระวังความปลอดภัยอย่างเข้มงวด”
       
       ด้านพลเรือโทวิลเลียม ฮิลาไรด์ส( William Hilarides) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการระบบปฏิบัติการทางทะเล (Naval Sea Systems Command) ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ โดยย้ำกับสตาร์แอนด์สตริป ว่า “การพบระดับการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำบนเรือรบที่ใช้ในปฎิบัติการกู้ภัยฟูกุชิมะ ปฎิบัติการโทโมดาชินั้นไม่ทำให้เกิดความกังวลในปัญหาสุขภาพต่อลูกเรือ ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ทหารเหล่านั้น และเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง”
       
       ทั้งนี้เรือรบบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan ได้ถูกส่งกลับไปประจำการในญี่ปุ่นอีกครั้งในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการกลับมาประจำการในญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากได้ถูกส่งมาร่วมปฎิบัติการโทโมดาชิในปี 2011 จากการรายงานของสำนักข่าวญี่ปุ่นเกียวโดในขณะนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่