หลงในสุข

นิทานแถวบ้านค่ะเล่าว่า  
มีเทพธิดาสององค์คนหนึ่งนุ่งชุดเหลืองคนหนึ่งนุ่งชุดสีกลีบบัว เป็นมิตรกัน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : หล่อน จักไปจุติหรือ
เทพธิดานุ่งสีเหลือง : จะหล่อน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ไฉนจึงไปจุติเสียเล่า หล่อนยังมิหมองเลย
เทพธิดานุ่งสีเหลือง : ครานั้นฉันหลับไป นึกถึงกรรมที่ทำไว้ นึกสลดนัก จึงจะไปชดกรรมเสีย
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : อย่างนั่นหรือ
เทพธิดานุ่งสีเหลือง : หล่อนเล่ามิลงไปชดกรรมบ้างหรือ
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ฉันสร้างกรรมมาน้อย บุญฉันมาก เดี๋ยวเหลนฉันก็จะก็เกิดแล้ว เหลนคนนี้กาลหน้าเขาจักเป็นอริยสงฆ์ฉันจักไปอุปถัมภ์เขา บุญฉันจักไม่หมดดอกจะ
เทพธิดานุ่งสีเหลือง : ดีนักหล่อนแต่ฉันก่อนตายนั่นไร้ทายาทช่างเสียดายนัก
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : จะหล่อน , หล่อนจักไปเกิดที่ใดหรือ
เทพธิดานุ่งสีเหลือง : ฉันจักเกิดเป็นธิดายาจกเข็ญใจ ถอยทรัพย์ ถอยสิน รูปชั่วเป็นที่น่าชังยิ่งจะหล่อน
ครั่นเมื่อเทพธิดานุ่งชุดสีเหลืองไปเกิดเป็นลูกสาวยาจกเผชิญทุกข์แสนเข็ญ เนื่องจากยังไม่หมดบุญจากสวรรค์จึงได้เป็นคนหาฝืนให้ภิกษุณี เห็นภิกษุณีในวัดมีความรู้ เป็นที่เคารพของชาวบ้านก็เกิดเลื่อมใสจึงบวชเป็นภิกษุณีเจริญในธรรมเป็นที่ยกย่องในหมู่ภิกษุณีครั่นป่วยด้วยวัณโรคใกล้ตายนางเทพธิดานุ่งชุดสีกลีบบัวก็มาปรากฏให้เห็น
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ท่านจำฉันได้ไหม
ภิกษุณี : ท่านเป็นผู้ใดรือ
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ฉันเป็นเทพธิดา สหายของท่านเมื่อกาลก่อน
ภิกษุณี : อย่างนั่นรือท่าน เทวธิดาเทพบุตรมีมากรือไม่ท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : มีมาก
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : องค์ใดใฝ่กุศลก็ไปอุปถัมภ์แหล่งกุศล องค์ใดกตัญญูก็ไปอุปถัมภ์บิดามารดา ให้สร้างกุศลจักได้เป็นเทพธิดาเทพบุตร องค์ใดกุศลมีฤทธิ์มากนักก็มีหน้าที่ปกปักแหล่งกุศลมากขึ้นตามลำดับ
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : อีก3 ราตรีฉันจักมารับหล่อนไปสวรรค์
ภิกษุณี : สวรรค์ เป็นอย่างไรหรือ
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : สวรรค์เป็นที่ของผู้มีศีลมีธรรม มีบุญมาก สวรรค์นั่นสุขสบายนัก
ภิกษุณี : สุขอย่างไรรึท่าน
นางเทพธิดานุ่งชุดสีกลีบบัวจึงพาภิกษุณีไปวิมานของตน
ภิกษุณี : ที่ไหนรือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : นี่สวรรค์อย่างไรท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : นั่นวิมานของฉันหลังนั้นวิมานแก้ว หลังนั้นวิมานทอง งามหรือไม่
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : เห็นนั่นไม่ ดอกไม้นั้นหางามกว่านี้มิได้แล้วในภูมิมนุษย์ ดอกไม้นี้ไม่เหี่ยวไม่เฉา เบ่งบานหอมหวนอยู่ทุกกาล
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ได้ยินหรือไม่นั่นเสียงดนตรีของคนธรรพ์ สุนทรีย์นัก
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ท่านเห็นนั่นรือไม่ เทพบุตรเทพธิดาเหล่านั่นล้วนเป็นบริวาลของฉันทั้งสิ้น
ภิกษุณี : ท่านใช้พวกเขาทำอันใดรือ
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว :  บ้างเต้นรำให้ดูบ้างก็ให้เก็บดอกไม้มา
ภิกษุณี : รือท่าน  มีวิมานงามตระการตา มีดอกไม้ที่มิเหี่ยวเฉา มีเสียงดนตรีกังวาน มีบริวาลมากหลาย แล้วสวรรค์ดีอย่างไร
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ท่านดูฉันสิ ฉันอิ่มทิพย์ ไม่มีความยาก ความกระหายใน โภชนาทั้งหลายเยี่ยงมนุษย์ เยี่ยงภพอันต่ำลงไป
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว :  ท่านดูฉันสิ แพรพรรณนุ่งห่มล้วนงามตาทั้งสิ้น
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว :  ท่านดูฉันสิ ผิวพรรณฉันนั้นผุดผ่องนุ่มนวลนัก รูปร่างหน้าตาฉันก็งดงาม
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว :  ท่านดูฉันสิ ฉันมิแก่มิชรา มิมีความเสื่อมของสังขาร
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : ท่านดูฉันสิ ฉันไม่มีความเจ็บ ความตาย ในภพสววรค์
ภิกษุณี : รือท่าน
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : จิตใฝ่บาปล้วนเกิดได้ยากนักในภพนี้
ภิกษุณี : รือท่าน , มิมีความยาก มีผ้านุ่งงาม มีผิวงาม รูปงาม มีความไม่เสื่อมของสังขาร มีความไม่เจ็บไม่ตาย มีใจใฝ่บาปยาก แล้วดีอย่างไรรือ
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว :  ท่านจักไม่พบความทุกข์อย่างไรเล่า ท่านจักมีสุขอยู่เป็นนิจ
ภิกษุณี : ท่านหลงแล้วเทพธิดา
เทพธิดานุ่งสีกลีบบัว : หลงอันใดรือ ฉันไม่มีหลง
ภิกษุณี :ท่านหลงแล้วหลงในความสุขอย่างไรท่าน จงนึกให้ดีเถิดเทพธิดา สิ่งเหล่านั่นมีแล้วอย่างไร
เมื่อภิกษุณี นั่นตื่นจากนิมิตนั้น ก็ระลึกและสังเวสในความหลงในสุขของเทพธิดานุ่งชุดสีกลีบบัวก็ตั้งจิตไว้ว่าหากถึงคราละสังขาร จักไม่ขอไปจุติ ณ สวรรค์ อันแดนที่ทำให้หลงในสุขซึ่งละได้ยาก จักขอเกิดเป็นมนุษย์ปฎิบัติตนสู่นิพพานในกาลหน้าซึ่งเป็นการปล่อยวางอันสมบูณร์พร้อม กุศลที่ปฎิบัติจงดลให้นางเทพธิดาผู้เคยเป็นสหาย ได้เห็นความหลงนั้นด้วยเถิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่