หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เดินเขาเพื่อรักษาโรคซึมเศร้าที่สวิสเซอร์แลนด์ #ธารน้ำแข็ง Aletsch
กระทู้สนทนา
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวภูเขา
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ขออณุญาติไม่เกริ่นอะไรมากนะคะ เข้าเรื่องตามหัวข้อเลยแล้วกันเนาะ เมื่อสองปีที่แล้วเราเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ตอนแรกปฏิเสธที่จะใช้ยารักษาโรคตามที่หมอแนะนำและขอหมอว่าจะพยายามเล่นกีฬาและทำกิจกรรมอื่นๆแทนเผื่ออาการมันจะดีขึ้น ซึ่งหมอก็ตกลงปลงใจตามที่คนไข้ต้องการค่ะ การเข้ายิมฯเพื่อไปเดินและวิ่งบนลู่คือสิ่งแรกที่เริ่ม แต่อาการมันก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่เข้าใจ เลยเริ่มต้นกิจกรรมใหม่นั่นคือการเดินเขาค่ะ
จากคนที่ไม่ชอบเดิน แต่จะไปเดินเขา มันมีที่มาและที่ไปค่ะ ครั้งแรกที่เคยเดินลงจากเขาคือตอนที่เพื่อนมาเยี่ยมที่ยุโรปแล้วพากันไปเที่ยวเซอร์แมท ทริปนั้นพวกเราพากันนั่งรถรางขึ้นไปที่ Sunnegga แล้วเดินลงมาที่หมู่บ้าน หลังจากทริปนั้นผ่านไป เราก็ไม่เคยคิดที่จะไปเดินเขาเป็นจริงเป็นจัง เพราะมันเหนื่อยมาก เวลาไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ก็จะไปตามแลนด์มาร์คที่ไม่ต้องใช้หัวเข่าและกำลังขา ไปแบบชิลๆว่างั้นเถอะ ลืมบอกไปว่าเราอยู่เนเธอร์แลนด์ค่ะ และสวิสเซอร์แลนด์คือประเทศที่โปรดมาก เวลามีวันหยุดและมีทุนทรัพย์เหลือ ปลายทางของเรามักจะเป็นเมืองแห่งขุนเขาและสายหมอกค่ะ
ผ่านมาแล้วสองปี เราเดินเขาทั้งทางขึ้นและทางลงรวมไปถึงทางราบที่สวิสเซอร์แลนด์มาแล้วหลายลูก และตอนนี้มันก็เปลี่ยนจากกิจกรรมบำบัดอาการซึมเศร้าของเรามาเป็นงานอดิเรกของเราไปโดนสิ้นเชิง กระทู้แรกของเราวันนี้ เราขอพาเพื่อนๆไปเดินเขาเลียบๆธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ถือว่าเป็นธารน้ำแข็งที่มีความยาวที่สุดในยุโรปค่ะ เราไปเยือน Aletsch ครั้งแรกที่จุดชม Eggishorn เมื่อฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีที่แล้วค่ะ
Aletsch จากจุดชมวิว Eggishorn เมื่อเดือนกันยายนปี 2015
หลังจากกลับมาจากการเยือน Aletsch เมื่อปีที่แล้ว เราก็ตั้งใจไว้ว่า หน้าร้อนปีนี้เราจะต้องไปเดินตามเส้นทางที่นักเดินเขาทั้งหลายพากันไปฝากรอยเท้าไว้ บ่ายวันที่ 5 สิงหาคม 2016 สายการบินสีฟ้า KLM พาเราไปส่งที่สนามบินเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ คืนนั้นเราพักที่เมือง Aigle หนึ่งคืน และเช้าวันที่ 6 สิงหาคมเราก็นั่งรถไฟจาก Aigle ไปลงที่ Brig จาก Brig ก็ต่อรถไฟท้องถิ่นไปลงที่สถานนี Betten Talstation คราวนี้เราเลือกที่จะพักที่ Bettmeralp สองคืนค่ะ สถานี Betten Talstation ถือว่าเป็นสถานีที่สะดวกสบายมาก เพราะลงจากรถไฟปุ๊บเราก็เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองเพื่อต่อกระเช้าขึ้นไปที่หมู่บ้านบนเขา Bettmeralp ได้เลย ไปยังไงก็ไม่หลงค่ะ สะดวกสบายมากๆ
Bettmeralp ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาค่ะ
โรงแรมที่เราจองคราวหน้าไกลจากสถานีกระเช้าพอสมควร แต่ทางโรงแรมก็มีรถแทกซี่แบบที่เราเห็นที่ Zermatt มารับค่ะ ที่สวิสเซอร์แลนด์เท่าที่สังเกตุเห็นคือเมืองท่องเที่ยวที่อยู่บนเขาส่วนใหญ่จะใช้รถไฟฟ้าในการขนส่งค่ะ และ Bettmeralp ก็เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่หายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอดได้แบบไม่ต้องห่วงมลพิษทางอากาศค่ะ
เช้าวันที่ 7 สิงหาคม เราตื่นแต่เช้าเพราะตั้งใจไว้ว่าจะออกเดินทางตอนที่แดดยังไม่ร้อนมาก วันนี้อากาศดีระดับสิบ ไม่มีเมฆหมอกมากวนใจให้กังวล ลุกออกจากเตียงเกือบๆหกโมงเช้า เปิดม่านหน้าต่างออกไปเจอแสงเช้าๆ เปิดประตูออกไปสูดอากาศตอนเช้าๆและนั่งมองแสงแดดอ่อนๆที่มันค่อยๆเลียไหลเขา มันช่วยให้อาการหดหู่ที่มีอยู่ดีขึ้นมาได้เยอะมาก บรรยากาศในตอนเช้ามันเงียบมาก เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงน้ำไหลในลำธารข้างๆโรงแรมที่พัก
หลังจากที่จัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงมาจัดการกับอาหารเช้า พร้อมทั้งเตรียมสะเบียงสำหรับมื้อเที่ยงและมื่อย่อยๆระหว่างทางด้วย เราเดินไปขึ้นกระเช้าเพื่อที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิว Bettmerhorn ซึ่งจริงๆแล้วเราจะเดินขึ้นเขาจากตรงนี้ไปเลยก็ได้ แต่เนื่องจากคำนวณเวลาไปกลับแล้ว เวลามันไม่มากพอ เราเลยไปขอเริ่มเดินที่จุดชมวิว Bettmerhorn เลยละกัน
จุดชมวิว Bettmerhorn ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาค่
ะ
อากาศตอนเช้าๆมันเหมาะกับการเดินมากๆค่ะ เส้นทางวันนี้อยู่ที่จุดชมวิว Bettmerhorn ไปสิ้นสุดที่จุดสัมผัสกับน้ำแข็งที่ Marjelensee ซึ่งในคู่มือในการเดินเขาบอกไว้ว่าเส้นทางนี้คือระดับขาวแดง (อันตราย) แต่ช่วงหน้าร้อนเดินได้ชิวๆ ระยะทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพักหรือหยุดชิล แต่วันนั้นเราใช้เวลาไปกลับเกือบสิบชั่วโมง เพราะหยุดพักและหยุดถ่ายรูปตลอดทาง และขากลับยังพลาดกระเช้าลงเขา ต้องเดินอ้อมเขาเพื่อลงมายังหมู่บ้านที่พัก เส้นทางสายนี้ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดค่ะ มีปีนบ้าง ไต่โขดหินบ้าง ทางเรียบบ้าง หน้าผาบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นสแตนดาร์ดของเส้นทางสายภูเขาค่ะ หยุดการโม้และดูรูปแทนก็แล้วกันนะคะ ถ้าเพื่อนท่านใดจะสอบถามรายละเอียด ยินดีให้คำแนะนำนะคะ
ขอจบการพาเดินไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ไว้วันหน้าจะพาเดินกลับค่ะ การเดินเขาคนเดียวนอกจากจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว มันยังทำให้เรานิ่งและมีสมาธิมากขึ้นด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รบกวนตรวจแพลนเที่ยว Switzerland
ผมกับเพื่อนวางแผนจะไปช่วงเดือน กันยายน ปีหน้าครับ ไปสวิส-อิตาลี โดยจะอยู่สวิสราวๆ 6 - 7 วัน แพลนคร่าวๆ ตามนี้นะครับ วันที่ 1 ลงเครื่อง Zurich (คาดว่าน่าจะราวๆ 1 ทุ่ม) นั่งรถไฟไปที่ Spiez เข้าที่พัก
GasKing
[สวิตเซอร์แลนด์] Aletsch Glacier กับประสบการณ์ครั้งแรกในการเดินบนธารน้ำแข็ง(ที่ใหญ่ที่สุดในAlps)
Switzerland แดนขุนเขาและทะเลสาบ <<ตามเรื่องเล่าอื่นๆของผมได้ที่>> Page ส่วนตัว : https://www.facebook.com/sage.nu.page Page ท่องเที่ยว : https://www.facebook.com/sage.nu.tour เวลาพูดถึง
Sage_Nu
พาเที่ยว unseen สวิสคนเดียวในเมืองที่คนไม่ค่อยรู้จัก (ตอนที่3 Chamonix-Yvoire-Sion-Glion&Caux-Fribourg)
กระทู้ตอนที่ 1 (การเตรียมตัว) https://pantip.com/topic/41421392 กระทู้ตอนที่ 2 (Geneva-Lyon-Annecy) https://pantip.com/topic/41424062 1.Chamonix วันนี้เราขอเดินทางต่อจาก Annecy ไป Chamonix โดย
Travelaholic man (stevyboy26)
ปริศนา “น้ำตกโลหิต” อาจช่วยเผยความลับของสิ่งมีชีวิตต่างดาว
น้ำตกนี้มีอยู่จริงแต่คนที่ลงTT ผมว่าทำAI น้ำตกโลหิต (Blood Falls) นั้นมีอยู่จริงอ่านต่อด้านล่างนะครับCR. ภาพจากTT น้ำตกโลหิต (Blood Falls) ไหลออกจากธารน้ำแข็งเทย์เลอร์ในทวีปแอนตาร์กติกา
double two
พาแม่เที่ยวเกาะใต้ New Zealand Aug 2025 EP.5 (ตอนจบ)
ขออนุญาตฝากตอนก่อนหน้าไว้ด้วยนะครับ EP.1 >>> https://pantip.com/topic/43700816 EP.2 >>> https://pantip.com/topic/43704880 EP.3 >>> https://pantip.com/topic/43
niggadear
สอบถามเส้นทาง Aletsch glacier / switzerland
เส้นทางไป Aletsch glacier นี้ถ้ามี swiss pass ขึ้นฟรีมั่ยครับ / หรือถ้าเก็บค่าขึ้นนี้เราจ่ายเงินที่กระเช้าแรกมั่ยครับ เพราะต้องขึ้นถึง 2 กระเช้ากว่าจะถึง Bettmergrat หรือว่าแยกจ่ายเงินแต่ละกระเช้าครับ
สมาชิกหมายเลข 1970182
Unseen Switzerland 2016 ฉบับลุงหมอขอพักร้อน
สวัสดีเพื่อนๆที่รักการเดินทาง ใครที่มีโอกาสติดตามรีวิว Unseen Switzerland เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ลุงหมอขอนำทุกท่านไปสัมผัสกับ Unseen Switzerland กันอีกครั้ง โดยเป็นการเดินทางช่างฤดูร้อน กลางเดือน กค.ที
ลุงหมอขอพักร้อน
Summer in Shuangqiaogou : ฤดูร้อนนี้ ที่ภูเขาสี่ดรุณี
Shuangqiaogou, Siguniangshan ในช่วง 2-3 ปืที่ผ่านมา “ภูเขาสี่ดรุณี” หรือ “Siguniangshan” เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่อยู่ใน Bucket List ของใครหลายๆ คน เพราะนอกจากความอลังการและ
PoRsukE
เที่ยว Switzerland ช่วงไหนดี?? 🌞⛈️🌀❄️☃️
ก่อนที่จะบอกได้ว่าเที่ยวช่วงไหนดีนั้น เรามาทราบกันก่อนว่า สวิตเซอร์แลนด์นั้นมีภูมิอากาศยังไงกันบ้าง สวิตเซอร์แลนด์ มีทั้งหมด 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม่ร่วง และฤดูหนาว โดยแต่ละฤดูก็จะมีอุณห
สมาชิกหมายเลข 2107632
ย้อนหลังไปซัก 2-3 ปี จนถึงปัจจุบัน คุณคิดว่า ชมพู่ สีเขียว มันค่อยๆ หายไปจากตลาดหรือป่าวครับ?
ช่วงนี้ร้อนๆ ผมก็มักจะนึกถึง ผลไม้เย็นๆ เวลาขับรถผ่านไป ถ้าเห็นร้านรถเข็น ผมก็มีโอกาสแวะอุดหนุนบ่อยๆ เพราะชอบตรงที่น้ำแข็งบด อัดแน่นๆ ความเย็นซึมถึงเนื้อใน เวลาอากาศร้อนๆ กินแล้วรู้สึกชื่นใจมากๆ และ ม
สมาชิกหมายเลข 6778364
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวภูเขา
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 23
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เดินเขาเพื่อรักษาโรคซึมเศร้าที่สวิสเซอร์แลนด์ #ธารน้ำแข็ง Aletsch
จากคนที่ไม่ชอบเดิน แต่จะไปเดินเขา มันมีที่มาและที่ไปค่ะ ครั้งแรกที่เคยเดินลงจากเขาคือตอนที่เพื่อนมาเยี่ยมที่ยุโรปแล้วพากันไปเที่ยวเซอร์แมท ทริปนั้นพวกเราพากันนั่งรถรางขึ้นไปที่ Sunnegga แล้วเดินลงมาที่หมู่บ้าน หลังจากทริปนั้นผ่านไป เราก็ไม่เคยคิดที่จะไปเดินเขาเป็นจริงเป็นจัง เพราะมันเหนื่อยมาก เวลาไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ ก็จะไปตามแลนด์มาร์คที่ไม่ต้องใช้หัวเข่าและกำลังขา ไปแบบชิลๆว่างั้นเถอะ ลืมบอกไปว่าเราอยู่เนเธอร์แลนด์ค่ะ และสวิสเซอร์แลนด์คือประเทศที่โปรดมาก เวลามีวันหยุดและมีทุนทรัพย์เหลือ ปลายทางของเรามักจะเป็นเมืองแห่งขุนเขาและสายหมอกค่ะ
ผ่านมาแล้วสองปี เราเดินเขาทั้งทางขึ้นและทางลงรวมไปถึงทางราบที่สวิสเซอร์แลนด์มาแล้วหลายลูก และตอนนี้มันก็เปลี่ยนจากกิจกรรมบำบัดอาการซึมเศร้าของเรามาเป็นงานอดิเรกของเราไปโดนสิ้นเชิง กระทู้แรกของเราวันนี้ เราขอพาเพื่อนๆไปเดินเขาเลียบๆธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ถือว่าเป็นธารน้ำแข็งที่มีความยาวที่สุดในยุโรปค่ะ เราไปเยือน Aletsch ครั้งแรกที่จุดชม Eggishorn เมื่อฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีที่แล้วค่ะ
หลังจากกลับมาจากการเยือน Aletsch เมื่อปีที่แล้ว เราก็ตั้งใจไว้ว่า หน้าร้อนปีนี้เราจะต้องไปเดินตามเส้นทางที่นักเดินเขาทั้งหลายพากันไปฝากรอยเท้าไว้ บ่ายวันที่ 5 สิงหาคม 2016 สายการบินสีฟ้า KLM พาเราไปส่งที่สนามบินเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ คืนนั้นเราพักที่เมือง Aigle หนึ่งคืน และเช้าวันที่ 6 สิงหาคมเราก็นั่งรถไฟจาก Aigle ไปลงที่ Brig จาก Brig ก็ต่อรถไฟท้องถิ่นไปลงที่สถานนี Betten Talstation คราวนี้เราเลือกที่จะพักที่ Bettmeralp สองคืนค่ะ สถานี Betten Talstation ถือว่าเป็นสถานีที่สะดวกสบายมาก เพราะลงจากรถไฟปุ๊บเราก็เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองเพื่อต่อกระเช้าขึ้นไปที่หมู่บ้านบนเขา Bettmeralp ได้เลย ไปยังไงก็ไม่หลงค่ะ สะดวกสบายมากๆ
โรงแรมที่เราจองคราวหน้าไกลจากสถานีกระเช้าพอสมควร แต่ทางโรงแรมก็มีรถแทกซี่แบบที่เราเห็นที่ Zermatt มารับค่ะ ที่สวิสเซอร์แลนด์เท่าที่สังเกตุเห็นคือเมืองท่องเที่ยวที่อยู่บนเขาส่วนใหญ่จะใช้รถไฟฟ้าในการขนส่งค่ะ และ Bettmeralp ก็เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่หายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอดได้แบบไม่ต้องห่วงมลพิษทางอากาศค่ะ
เช้าวันที่ 7 สิงหาคม เราตื่นแต่เช้าเพราะตั้งใจไว้ว่าจะออกเดินทางตอนที่แดดยังไม่ร้อนมาก วันนี้อากาศดีระดับสิบ ไม่มีเมฆหมอกมากวนใจให้กังวล ลุกออกจากเตียงเกือบๆหกโมงเช้า เปิดม่านหน้าต่างออกไปเจอแสงเช้าๆ เปิดประตูออกไปสูดอากาศตอนเช้าๆและนั่งมองแสงแดดอ่อนๆที่มันค่อยๆเลียไหลเขา มันช่วยให้อาการหดหู่ที่มีอยู่ดีขึ้นมาได้เยอะมาก บรรยากาศในตอนเช้ามันเงียบมาก เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงน้ำไหลในลำธารข้างๆโรงแรมที่พัก
หลังจากที่จัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงมาจัดการกับอาหารเช้า พร้อมทั้งเตรียมสะเบียงสำหรับมื้อเที่ยงและมื่อย่อยๆระหว่างทางด้วย เราเดินไปขึ้นกระเช้าเพื่อที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิว Bettmerhorn ซึ่งจริงๆแล้วเราจะเดินขึ้นเขาจากตรงนี้ไปเลยก็ได้ แต่เนื่องจากคำนวณเวลาไปกลับแล้ว เวลามันไม่มากพอ เราเลยไปขอเริ่มเดินที่จุดชมวิว Bettmerhorn เลยละกัน
อากาศตอนเช้าๆมันเหมาะกับการเดินมากๆค่ะ เส้นทางวันนี้อยู่ที่จุดชมวิว Bettmerhorn ไปสิ้นสุดที่จุดสัมผัสกับน้ำแข็งที่ Marjelensee ซึ่งในคู่มือในการเดินเขาบอกไว้ว่าเส้นทางนี้คือระดับขาวแดง (อันตราย) แต่ช่วงหน้าร้อนเดินได้ชิวๆ ระยะทางไปกลับใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพักหรือหยุดชิล แต่วันนั้นเราใช้เวลาไปกลับเกือบสิบชั่วโมง เพราะหยุดพักและหยุดถ่ายรูปตลอดทาง และขากลับยังพลาดกระเช้าลงเขา ต้องเดินอ้อมเขาเพื่อลงมายังหมู่บ้านที่พัก เส้นทางสายนี้ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดค่ะ มีปีนบ้าง ไต่โขดหินบ้าง ทางเรียบบ้าง หน้าผาบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นสแตนดาร์ดของเส้นทางสายภูเขาค่ะ หยุดการโม้และดูรูปแทนก็แล้วกันนะคะ ถ้าเพื่อนท่านใดจะสอบถามรายละเอียด ยินดีให้คำแนะนำนะคะ
ขอจบการพาเดินไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ไว้วันหน้าจะพาเดินกลับค่ะ การเดินเขาคนเดียวนอกจากจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว มันยังทำให้เรานิ่งและมีสมาธิมากขึ้นด้วยค่ะ