นี่อายุ ๘๘ ย่างมา ๒ เดือนกับ ๙ วัน วันนี้วันที่ ๒๑ เราเกิดวันที่ ๑๒ สิงหา นี่กันยา ตุลา ๘๘ ปีกับ ๒ เดือนแล้ว ความเหนื่อยเป็นประจำแล้วเวลานี้นะ ไม่ว่าจะยืนจะเดินจะนั่งจะนอน ความเหนื่อยนี้ติดตัวแล้ว เริ่มมีประจำแล้ว อยู่เฉย ๆ ก็เหนื่อย แต่ก่อนเวลาเรากระดิกพลิกแพลงเคลื่อนไหวไปไหนมาไหน จะรู้สึกเหนื่อย เดี๋ยวนี้อยู่เฉย ๆ ก็เหนื่อย ๘๘ นี้เหนื่อยแล้ว ว่าจะไม่พูดอะไรก็จำเป็นให้ได้พูดอยู่นี้แหละ เกี่ยวกับพระกับเณรทั้งวัดทั้งวานี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากจริง ๆ ไม่อยากพูดอะไรเลย แต่ก็จำเป็น
ด้านวัตถุละเป็นสำคัญมาก เป็นอันตรายต่อ เฉพาะอย่างยิ่งต่อจิตตภาวนาของพระ ต่อพระกรรมฐานของเรา วัตถุนี้เกลื่อน ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าวัตถุนั้นคือตัวภัย ถือเป็นความสะดวกสบายทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดด้วยกัน กิเลสนี้แฝงไปตลอดเวลา ไม่ว่าสถานที่อยู่ที่กินที่หลับที่นอน เรื่องกิเลสนี้จะแฝงไป ๆ ธรรมชาติแท้ ๆ ท่านไม่มีอะไร ท่านไม่ยุ่งนะ วัตถุนี้ท่านไม่ยุ่ง คิดดูซิ ไล่เข้ารุกขมูลร่มไม้ นั่นเห็นไหมล่ะ ถ้าวัตถุก็เป็นอย่างนั้นไปเสีย ไม่ได้วัตถุหรูหราฟู่ฟ่าทุกสิ่งทุกอย่างเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนทุกวันนี้นะ ในวัดในวานี้ไม่ต้องพูดละ เป็นส้วมเป็นถานของกิเลสทั้งหมดเลย พูดให้ชัดเจนตามอรรถตามธรรมตามความรู้สึก ได้พิจารณาและปฏิบัติมาอย่างนี้
มันไม่ได้คุ้นนะกับวัตถุนี่ มันเห็นว่าเป็นตัวภัยตลอดเวลา ธรรมแท้เป็นอย่างนั้น ไม่คุ้นกับสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่พอมีพอเป็นพอไป อาศัยเป็นกาลเป็นเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นแหละ นั่นละคือธรรม ไอ้แบบหรูหราฟู่ฟ่าฟุ่มเฟือย ลืมเนื้อลืมตัว เอาวัตถุเหล่านั้นเป็นอารมณ์ของใจไปเสีย แทนที่จะดูหัวใจตัวด้วยสตินี้ไม่มี นี่เลวลงขนาดนั้นละพระกรรมฐานเรา มันขวางตลอดเวลานะ ผมไม่พูดเฉย ๆ เพราะฉะนั้นในกุฏิผมจะเอาอะไรไปหรูหราฟู่ฟ่าไม่ได้ ผมปาเข้าป่าหมด มีแต่เรื่องของกิเลส ในส้วมในถานตบแต่งเสีย โถ เครื่องทำความสะอาดในถานก็ไม่ทราบกี่เครื่องกี่อย่าง นี่เรื่องของกิเลสทั้งนั้นนะ
ที่ไหน ๆ รอบตัวมีแต่เรื่องของวัตถุ ๆ จิตตภาวนาไม่มี นี่สำคัญมากนะ โถ จนจะดูไม่ได้ ผมพูดจริง ๆ คือมันเห็นชัดขนาดนั้นนะ แต่ธรรมะรู้เห็นไม่ได้เหมือนโลก ไม่อยากพูดอยากคุยอยากโอ้อยากอวด ไม่มี มีก็เหมือนไม่มี ไม่ผลักไม่ดันไม่กดไม่ถ่วง เรียกว่าพอดีตลอดเวลา จึงเรียกว่าธรรม ไม่กวนใจคือธรรม ถ้ากิเลสแล้วกวนทั้งนั้นแหละ กวนตลอดเวลา มีมากมีน้อยกวนตลอดเวลา นี่คือกิเลส ถ้าธรรมแล้วไม่กวน รู้มามากน้อยก็รู้อยู่อย่างนั้นแหละ ไม่กวนนะ
วันนี้ก็เพลียมากตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมา งานการตลอดเวลาเลย พักเที่ยงชั่วระยะนิดหน่อย จากนั้นก็มีแต่แขกแต่คนยุ่งเหยิงวุ่นวาย ผมทนเอานะ จิตเรามันไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยพูดให้มันตรง ๆ ในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเข้ามาผ่านในหัวใจนี้เลย โล่งหรือว่าง สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ เป็นหลักธรรมชาติของใจนี้ ว่างเปล่า ว่างเปล่าของดินฟ้าอากาศ กับว่างเปล่าของจิตที่สิ้นกิเลสนี้ต่างกันมากนะ ว่างเปล่าของจิตที่สิ้นกิเลสโดยประการทั้งปวงแล้ว ทั้งว่างทั้งอัศจรรย์เลยคาดเลยหมายทุกอย่าง ว่างของดินฟ้าอากาศเราก็เห็นด้วยกันทุกคนเป็นของแปลกอะไร ว่างไม่ว่างมันก็มีของมันอยู่อย่างนั้น แต่ส่วนว่างทางด้านจิตใจไม่มีอะไรยุแหย่ก่อกวนนี้ นอกจากว่างอย่างนั้นแล้วยังว่างด้วยความเลิศเลอไปอีก หาที่เปรียบไม่ได้เลย
นี่ละโลกไม่เห็นธรรมชาติอันนี้ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เท่านั้นท่านเห็นท่านรู้ พวกเราไม่เห็นไม่รู้ซิ จึงให้กิเลสเข้าไปตีตลาดอยู่ในหัวใจตลอดเวลา ตลาดกิเลสไม่เลิกคือหัวใจของสัตวโลกนั้นแล ตีตลาดอยู่ตลอดเวลา ตีหัวใจของสัตวโลก ดูซิว่าโลกนี้โลกไหนที่พอปลงพอวางพอสะดวกสบายได้ มันไม่มี ถ้ากิเลสยังไม่ว่างจากใจ มีมากมีน้อยกวนตามส่วนของมันนั้นแล ไม่มีเสียเลยนั้นละไม่มีอะไรกวน นั่นละท่านว่า สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ นอกจากว่าว่างอันนั้นแล้ว ยังเป็นของอัศจรรย์จากความว่างนั้นอีก ไม่ใช่ว่างเฉย ๆ ผิดกันอย่างนั้นนะ
นี่พากันมาทุกวัน ๆ หนาแน่นขึ้น พอออกพรรษาแล้วจะหลั่งไหลเข้ามานี้ จะหนักอีกนะ ผู้ทำข้อวัตรปฏิบัติประจำนี้หนักมากก็มี ผู้ที่เป็นซุงทั้งท่อนที่กีดขวางหมู่เพื่อนอยู่นี้ก็มี นี่ละเรื่องของกิเลสกับธรรมมันรบกันอยู่ตลอดเวลา ในพระในเณรที่รวมกันอยู่ และในหัวใจของพระแต่ละดวง ๆ นั้น มันกวนมันยุมันแหย่มันทำลายตัวเอง แล้วก็แยกออกไปกีดขวางคนอื่นให้เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ผู้เป็นอรรถเป็นธรรมเลยจะตาย เพราะพวกนี้ไม่มีราค่ำราคา ไม่รู้จักหนักจักเบา ไม่รู้จักผิดจักถูก มันกีดมันขวางได้ตลอดเวลา ผู้ที่มีอรรถมีธรรมก็ลำบากลำบนซิ
ข้อวัตรปฏิบัติไม่ทราบเป็นยังไง นี่ละอันหนึ่ง ผมเคยผ่านมาแล้วอยู่กับครูบาอาจารย์ จนถึงขั้นเข็ดขั้นหลาบดูแลหมู่เพื่อนแทนพ่อแม่ครูจารย์ เพื่อได้รับความสะดวกสบายในองค์ท่านเอง ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ความร่มเย็นแก่บรรดาพระเณรทั้งหลาย ไม่อยากให้มีอะไรกระทบกระเทือนท่าน เราจึงพยายามรักษาหมู่เพื่อนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยตลอดเวลา นี่ละที่ได้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับพระกับเณรนี้ โอ๋ย เก้ง ๆ ก้าง ๆ เหมือนซุงทั้งท่อน กีด ๆ ขวาง ๆ ทุกแบบทุกฉบับ ทิฐิมานะก็ไม่มีใครเกินพระเกินเณรนะ มันก็กระทบกระเทือนกันตลอดเวลา ทีนี้เวลามาวัดป่าบ้านตาดนี้ กิเลสมันอยู่หัวใจของพระทุกองค์ แล้วจะไม่ให้มีเรื่องเหล่านี้เข้ามาขัดมาแย้งมาก่อกวนกันได้อย่างไร ผู้หนักก็หนักมากนะ ผู้เบา-เบาจนหมดราคาเลย มีเยอะในวัดเรานี้
อยู่สบายกินสบายนอนสบาย ไม่ได้คิดถึงหัวใจของใครเลย มีอยู่เยอะนะ อันนี้ละที่ทำให้เป็นความลำบากลำบน แก่ผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติหน้าที่การงานข้อวัตรปฏิบัติ ผู้หนักหนักมากนะ ผู้เบามันเลยเบาไปแล้ว
การบำเพ็ญภาวนาไม่เอาจริงเอาจังไม่ได้นะ อย่ามาทำเหลาะ ๆ แหละ ๆ ให้เห็นนะ กิเลสไม่ใช่ของเล็กน้อย ไม่ใช่ของจะชำระมันง่าย ๆ นะ เหนียวแน่นมั่นคงไม่มีอะไรเกินกิเลส ละเอียดแหลมคมก็ไม่เกินกิเลส ถ้าธรรมไม่เหนือมันแล้วจะมองไม่เห็นมันได้เลย มีตั้งแต่กิเลสเต็มตัว ๆ เดินจงกรมก็สร้างเรื่องราวอยู่ภายในใจนั้นแหละ กิเลสสร้างแต่เรื่องราว ธรรมระงับดับเรื่องราว สติธรรม ปัญญาธรรม ก็ไม่มีในใจล่ะซิ จะเอาอะไรมาระงับดับได้ ก็ปล่อยให้แต่กิเลสสร้างเรื่องราว เป็นฟืนเป็นไฟเผาหัวใจอยู่ตลอดเวลาเรื่อยมาและเรื่อยไปอย่างนี้
นี่วงกรรมฐานจะแคบเข้า ๆ นะ พระกรรมฐานเราก็จะตื่นตามโลกตามสงสาร ตามความนิยมของกิเลสไปหมด ด้านวัตถุละสำคัญ เอะอะก็สร้างนั้นสร้างนี้ แหม มันขัดจริง ๆ นะกับเรา ศาสนาท่านก็สอนเอาไว้แล้ว ไม่มีวัตถุใดที่จะเข้าไปยุ่งเหยิงวุ่นวายกับการภาวนาของพระในครั้งพุทธกาล ตำรับตำรามีอยู่เห็นด้วยกันทุกคน นี่ก็ดึงตำรับตำรามากางมาดูมาปฏิบัติ แล้วเจ้าของก็เป็นความสะดวกมาเพราะการไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกับสิ่งภายนอก มีแต่ชำระจิตใจโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เอากันทั้งวันทั้งคืนยืนเดินนั่งนอน ไม่มีหยุดมียั้งตลอดมาเลย หนักมากทีเดียว จึงได้เห็นเรื่องของกิเลสว่ามันเก่งขนาดไหน เมื่อเราตั้งความพยายามอยู่ก็เห็นกันจนได้แหละ เรื่องของกิเลสมันหนีธรรมไปไม่ได้แหละ
ถ้าสติธรรมเป็นต้นไม่มีในใจเลยแล้ว เท่านั้นแหละ เหมือนซุงทั้งท่อน อยู่ไปกินไปวันหนึ่ง ๆ ดินฟ้าอากาศนับไป นับมันอะไร ประสามืดกับแจ้งมันมีมากี่กัปกี่กัลป์ เงื่อนต้นเงื่อนปลายมันอยู่ที่ไหนของความมืดแจ้งไม่เห็นมี มันมีมาอย่างนี้ตลอดไป ตื่นมันหาอะไร เดือนนั้นเดือนนี้ ปีนั้นปีนี้ สถานที่นั่นที่นี่ มันก็เคยมีมาดั้งเดิมเช่นเดียวกันอีก ก็ไปตื่นหาอะไร สิ่งที่มันกวนหัวใจนั้นน่ะมันกวนอยู่ตลอดเวลา ให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน ถ้ามีสติก็จับกันได้รู้กันได้ แก้ไขดัดแปลงกันได้ ถ้าไม่มีแล้วตายทิ้งเปล่า ๆ
นี่ผมก็แก่ไปทุกวัน ๆ จวนตายเข้าไปเท่าไรยิ่งเป็นห่วงหมู่เพื่อนมากเข้าไปโดยลำดับ เวลานี้สายกรรมฐานทั้งหลาย รวมในสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ก็รู้สึกจะมารวมอยู่ในจุดผมจุดเดียวนี้ เรียกว่าเป็นผู้มีอายุพรรษาแก่กว่าเพื่อน และการได้ยินได้ฟังกับครูบาอาจารย์นี้ หมู่เพื่อนก็คงเข้าใจกันแล้ว ยกให้เลยว่า เราเคยได้ศึกษาอบรมกับครูบาอาจารย์มา เรื่องจึงมารวมอยู่กับผม เมื่อรวมอยู่กับผมแทนที่จะนำไปเป็นคติเครื่องเตือนใจตัวเองให้เป็นความดีขึ้นแก่ตัวนี้ กลับจะไม่เป็นนะ ก็คิดไปอย่างนั้นแหละ อยู่ไปเซ่อ ๆ ซ่า ๆ ไป
วัตถุสำคัญมากนะ โฮ้ เป็นข้าศึกมากต่อการบำเพ็ญ มีมาทุกแบบในเรื่องของกิเลส มันแผลงฤทธิ์ขึ้นมาตลอด ๆ แต่เราไม่รู้ว่ามันแผลงฤทธิ์ มันสร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวาย สร้างความเห่อเหิมให้หัวใจของพระกรรมฐานเรา ให้ดีดดิ้นไปกับสิ่งเหล่านี้ ไปที่ไหนถือการก่อการสร้างวัตถุเป็นของสำคัญยิ่งกว่าการภาวนา สำคัญมากตรงนี้ละ กรรมฐานเราก้าวไม่ออกและไม่ได้เรื่องได้ราวก็เพราะเหตุนี้เอง
ดูหัวใจเจ้าของเท่านั้นละสำคัญ ดูอะไรกับสิ่งเหล่านั้น มันคิดเรื่องอะไร สติจ่ออยู่ตลอดเวลา ทุกข์ก็ทุกข์เถอะ ทุกข์ด้วยการตั้งสติ เพื่อจะระงับดับฟืนดับไฟภายในหัวใจคือกิเลส ไม่ได้เป็นทุกข์เสียหายอะไรเลย แต่ทุกข์เพราะกิเลสเหยียบย่ำทำลายไม่มีต้นมีปลาย จะตลอดไปเลย ล่มจมไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น แต่ทุกข์เพราะความเพียรเราที่จะฟาดหัวกิเลสให้ขาดสะบั้นลงไป สร้างความสุขขึ้นมาในลำดับแห่งความทุกข์จากความเพียรนั้น นี่เป็นของสำคัญมาก ควรพิจารณากันให้มาก
โฮ้ ดูพระเราจนจะดูไม่ได้นะเวลานี้ ไม่ว่าดูท่านดูเรามันพอ ๆ กัน เอาผ้าเหลืองคลุมหัวโล้นแล้วใครเขาก็ไม่กล้าตำหนิติเตียน เขากลัวบาป เขาเห็นแก่ผ้าเหลือง เรายิ่งสนุกทะนงตัว ลืมเนื้อลืมตัว โอ่อ่าฟู่ฟ่าว่าเป็นพระ ๆ ยิ่งได้ยศถาบรรดาศักดิ์สูงเข้าไปเท่าไร ยิ่งเป็นบ้าเข้าไปอีก ดินเหนียวติดหัวก็ว่าตัวมีหงอนเข้าไปละ นี่ละเดี๋ยวนี้มันมีแต่พระดินเหนียวติดหัวนะ เสกสรรปั้นยอตั้งแต่เริ่มต้นว่าเราเป็นพระ ก็ดินเหนียวติดหัวเข้ามาแล้ว จากนั้นก็ขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นใหญ่เป็นโต เลยเอาความดิบความดีไปให้อยู่กับชื่อกับเสียงไปเสีย ด้วยความเสกสรรปั้นยอไปเสียหมด ความจริงแล้วไม่มีภายในใจ คือการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี มีสติสตังความระมัดระวังประจำตน ไม่ค่อยมีนะเวลานี้ เลยเอาความดีจากชื่อจากเสียงไปอย่างนั้นละ
ประสาชื่อตั้งเท่าไรก็ได้ ตั้งฟาดจรวดดาวเทียมก็ตั้งได้ แต่คนจมลงในนรกมีความหมายอะไร เห็นไหมเรือนจำนั่น ชื่อมันกี่ประเภท ไม่ทราบนายสวรรค์ พรหมโลกอะไรมีอยู่ในนั้นหมด นางสวรรค์ นายพรหม นายบุญ นายบาปไม่มีนะ แต่มีแต่คนขี้บาปเต็มเรือนจำอยู่นั้น นั่นละตั้งชื่อตั้งเฉย ๆ เกิดประโยชน์อะไร สร้างตัวให้เป็นคนดี เขาจะตั้งว่าไอ้หมาก็เป็นไรไป ประสาชื่อ ตัวเราไม่ได้เป็นหมาจะเป็นอะไร ตั้งให้ขึ้นแดนสวรรค์แต่ตัวเราเป็นหมาขี้เรื้อนก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เดี๋ยวนี้พวกเราสมัยปัจจุบันนี้กิเลสตั้งชื่อให้นะ กิเลสเสกให้ไปหลงชื่อหลงนามตามกิเลสนะ ตัวไม่ดีตัวเหมือนหมาขี้เรื้อนก็ตาม ขอให้มีชื่อไพเราะเพราะพริ้ง มีเครื่องประดับตกแต่งหรูหราฟู่ฟ่า พอเป็นเครื่องหลอกตากันของกิเลสที่หลอกลวงสัตวโลกก็พอใจ สำคัญอย่างนี้นะ มันไม่ได้ดูหลักธรรมชาติในหัวใจนี้เลย อะไรบ้างดีดขึ้นมา นั่น กิเลสดีดขึ้นมาตรงไหนเป็นไฟตรงนั้นละ ถ้าดูต้องเห็น ถ้าไม่ดูแล้วตายก็ไม่รู้ เกิดมากี่ภพกี่ชาติก็ไม่รู้ ก็จะมีตั้งแต่เกิดตาย ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ อยู่นี้เรื่อยมาดังที่เป็นมาแล้ว และจะเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด
ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะพระมาปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเหลือติดหัวใจพระนะ วงกรรมฐานนี่ก็เห็นไหมล่ะ เขาเคารพนับถือ เฉพาะอย่างยิ่งวงกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนี่แหละ ไปที่ไหนเขาก็เคารพนับถือ คิดดูซิพระทางภาคอีสานพระกรรมฐานมีจำนวนมากน้อยเพียงไร ประชาชนทางภาคกลางหลั่งไหลมาทำบุญให้ทาน ทอดกฐิน เราอยากจะว่าทุกวัดไปเลยนะ มีแต่ภาคกลาง เขาทุ่มเทจิตใจวัตถุสิ่งของเงินทองมาบูชาบุญบูชาคุณ หวังบุญหวังกุศลกับพวกเรา แล้วพวกเราเป็นยังไง มันลืมเนื้อลืมตัวเหรอ เห็นเขามานับถือก็เป็นดินเหนียวติดหัวเข้าไปอีกประเภทหนึ่งแล้ว ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย เสียหมดนะ ลืมตัว เพราะความนับถือของคน เจ้าของไม่ยอมนับถือเจ้าของ ไม่สังเกตเจ้าของ ตำหนิติเตียนเจ้าของบ้างด้วยความพากเพียร ไม่ได้เรื่องนะ จะเสียหายไปเรื่อย ๆ
วัตถุคือภัยของพระกรรมฐาน
ด้านวัตถุละเป็นสำคัญมาก เป็นอันตรายต่อ เฉพาะอย่างยิ่งต่อจิตตภาวนาของพระ ต่อพระกรรมฐานของเรา วัตถุนี้เกลื่อน ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าวัตถุนั้นคือตัวภัย ถือเป็นความสะดวกสบายทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดด้วยกัน กิเลสนี้แฝงไปตลอดเวลา ไม่ว่าสถานที่อยู่ที่กินที่หลับที่นอน เรื่องกิเลสนี้จะแฝงไป ๆ ธรรมชาติแท้ ๆ ท่านไม่มีอะไร ท่านไม่ยุ่งนะ วัตถุนี้ท่านไม่ยุ่ง คิดดูซิ ไล่เข้ารุกขมูลร่มไม้ นั่นเห็นไหมล่ะ ถ้าวัตถุก็เป็นอย่างนั้นไปเสีย ไม่ได้วัตถุหรูหราฟู่ฟ่าทุกสิ่งทุกอย่างเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนทุกวันนี้นะ ในวัดในวานี้ไม่ต้องพูดละ เป็นส้วมเป็นถานของกิเลสทั้งหมดเลย พูดให้ชัดเจนตามอรรถตามธรรมตามความรู้สึก ได้พิจารณาและปฏิบัติมาอย่างนี้
มันไม่ได้คุ้นนะกับวัตถุนี่ มันเห็นว่าเป็นตัวภัยตลอดเวลา ธรรมแท้เป็นอย่างนั้น ไม่คุ้นกับสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่พอมีพอเป็นพอไป อาศัยเป็นกาลเป็นเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นแหละ นั่นละคือธรรม ไอ้แบบหรูหราฟู่ฟ่าฟุ่มเฟือย ลืมเนื้อลืมตัว เอาวัตถุเหล่านั้นเป็นอารมณ์ของใจไปเสีย แทนที่จะดูหัวใจตัวด้วยสตินี้ไม่มี นี่เลวลงขนาดนั้นละพระกรรมฐานเรา มันขวางตลอดเวลานะ ผมไม่พูดเฉย ๆ เพราะฉะนั้นในกุฏิผมจะเอาอะไรไปหรูหราฟู่ฟ่าไม่ได้ ผมปาเข้าป่าหมด มีแต่เรื่องของกิเลส ในส้วมในถานตบแต่งเสีย โถ เครื่องทำความสะอาดในถานก็ไม่ทราบกี่เครื่องกี่อย่าง นี่เรื่องของกิเลสทั้งนั้นนะ
ที่ไหน ๆ รอบตัวมีแต่เรื่องของวัตถุ ๆ จิตตภาวนาไม่มี นี่สำคัญมากนะ โถ จนจะดูไม่ได้ ผมพูดจริง ๆ คือมันเห็นชัดขนาดนั้นนะ แต่ธรรมะรู้เห็นไม่ได้เหมือนโลก ไม่อยากพูดอยากคุยอยากโอ้อยากอวด ไม่มี มีก็เหมือนไม่มี ไม่ผลักไม่ดันไม่กดไม่ถ่วง เรียกว่าพอดีตลอดเวลา จึงเรียกว่าธรรม ไม่กวนใจคือธรรม ถ้ากิเลสแล้วกวนทั้งนั้นแหละ กวนตลอดเวลา มีมากมีน้อยกวนตลอดเวลา นี่คือกิเลส ถ้าธรรมแล้วไม่กวน รู้มามากน้อยก็รู้อยู่อย่างนั้นแหละ ไม่กวนนะ
วันนี้ก็เพลียมากตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมา งานการตลอดเวลาเลย พักเที่ยงชั่วระยะนิดหน่อย จากนั้นก็มีแต่แขกแต่คนยุ่งเหยิงวุ่นวาย ผมทนเอานะ จิตเรามันไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยพูดให้มันตรง ๆ ในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเข้ามาผ่านในหัวใจนี้เลย โล่งหรือว่าง สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ เป็นหลักธรรมชาติของใจนี้ ว่างเปล่า ว่างเปล่าของดินฟ้าอากาศ กับว่างเปล่าของจิตที่สิ้นกิเลสนี้ต่างกันมากนะ ว่างเปล่าของจิตที่สิ้นกิเลสโดยประการทั้งปวงแล้ว ทั้งว่างทั้งอัศจรรย์เลยคาดเลยหมายทุกอย่าง ว่างของดินฟ้าอากาศเราก็เห็นด้วยกันทุกคนเป็นของแปลกอะไร ว่างไม่ว่างมันก็มีของมันอยู่อย่างนั้น แต่ส่วนว่างทางด้านจิตใจไม่มีอะไรยุแหย่ก่อกวนนี้ นอกจากว่างอย่างนั้นแล้วยังว่างด้วยความเลิศเลอไปอีก หาที่เปรียบไม่ได้เลย
นี่ละโลกไม่เห็นธรรมชาติอันนี้ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์เท่านั้นท่านเห็นท่านรู้ พวกเราไม่เห็นไม่รู้ซิ จึงให้กิเลสเข้าไปตีตลาดอยู่ในหัวใจตลอดเวลา ตลาดกิเลสไม่เลิกคือหัวใจของสัตวโลกนั้นแล ตีตลาดอยู่ตลอดเวลา ตีหัวใจของสัตวโลก ดูซิว่าโลกนี้โลกไหนที่พอปลงพอวางพอสะดวกสบายได้ มันไม่มี ถ้ากิเลสยังไม่ว่างจากใจ มีมากมีน้อยกวนตามส่วนของมันนั้นแล ไม่มีเสียเลยนั้นละไม่มีอะไรกวน นั่นละท่านว่า สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ นอกจากว่าว่างอันนั้นแล้ว ยังเป็นของอัศจรรย์จากความว่างนั้นอีก ไม่ใช่ว่างเฉย ๆ ผิดกันอย่างนั้นนะ
นี่พากันมาทุกวัน ๆ หนาแน่นขึ้น พอออกพรรษาแล้วจะหลั่งไหลเข้ามานี้ จะหนักอีกนะ ผู้ทำข้อวัตรปฏิบัติประจำนี้หนักมากก็มี ผู้ที่เป็นซุงทั้งท่อนที่กีดขวางหมู่เพื่อนอยู่นี้ก็มี นี่ละเรื่องของกิเลสกับธรรมมันรบกันอยู่ตลอดเวลา ในพระในเณรที่รวมกันอยู่ และในหัวใจของพระแต่ละดวง ๆ นั้น มันกวนมันยุมันแหย่มันทำลายตัวเอง แล้วก็แยกออกไปกีดขวางคนอื่นให้เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ผู้เป็นอรรถเป็นธรรมเลยจะตาย เพราะพวกนี้ไม่มีราค่ำราคา ไม่รู้จักหนักจักเบา ไม่รู้จักผิดจักถูก มันกีดมันขวางได้ตลอดเวลา ผู้ที่มีอรรถมีธรรมก็ลำบากลำบนซิ
ข้อวัตรปฏิบัติไม่ทราบเป็นยังไง นี่ละอันหนึ่ง ผมเคยผ่านมาแล้วอยู่กับครูบาอาจารย์ จนถึงขั้นเข็ดขั้นหลาบดูแลหมู่เพื่อนแทนพ่อแม่ครูจารย์ เพื่อได้รับความสะดวกสบายในองค์ท่านเอง ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ความร่มเย็นแก่บรรดาพระเณรทั้งหลาย ไม่อยากให้มีอะไรกระทบกระเทือนท่าน เราจึงพยายามรักษาหมู่เพื่อนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยตลอดเวลา นี่ละที่ได้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับพระกับเณรนี้ โอ๋ย เก้ง ๆ ก้าง ๆ เหมือนซุงทั้งท่อน กีด ๆ ขวาง ๆ ทุกแบบทุกฉบับ ทิฐิมานะก็ไม่มีใครเกินพระเกินเณรนะ มันก็กระทบกระเทือนกันตลอดเวลา ทีนี้เวลามาวัดป่าบ้านตาดนี้ กิเลสมันอยู่หัวใจของพระทุกองค์ แล้วจะไม่ให้มีเรื่องเหล่านี้เข้ามาขัดมาแย้งมาก่อกวนกันได้อย่างไร ผู้หนักก็หนักมากนะ ผู้เบา-เบาจนหมดราคาเลย มีเยอะในวัดเรานี้
อยู่สบายกินสบายนอนสบาย ไม่ได้คิดถึงหัวใจของใครเลย มีอยู่เยอะนะ อันนี้ละที่ทำให้เป็นความลำบากลำบน แก่ผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติหน้าที่การงานข้อวัตรปฏิบัติ ผู้หนักหนักมากนะ ผู้เบามันเลยเบาไปแล้ว
การบำเพ็ญภาวนาไม่เอาจริงเอาจังไม่ได้นะ อย่ามาทำเหลาะ ๆ แหละ ๆ ให้เห็นนะ กิเลสไม่ใช่ของเล็กน้อย ไม่ใช่ของจะชำระมันง่าย ๆ นะ เหนียวแน่นมั่นคงไม่มีอะไรเกินกิเลส ละเอียดแหลมคมก็ไม่เกินกิเลส ถ้าธรรมไม่เหนือมันแล้วจะมองไม่เห็นมันได้เลย มีตั้งแต่กิเลสเต็มตัว ๆ เดินจงกรมก็สร้างเรื่องราวอยู่ภายในใจนั้นแหละ กิเลสสร้างแต่เรื่องราว ธรรมระงับดับเรื่องราว สติธรรม ปัญญาธรรม ก็ไม่มีในใจล่ะซิ จะเอาอะไรมาระงับดับได้ ก็ปล่อยให้แต่กิเลสสร้างเรื่องราว เป็นฟืนเป็นไฟเผาหัวใจอยู่ตลอดเวลาเรื่อยมาและเรื่อยไปอย่างนี้
นี่วงกรรมฐานจะแคบเข้า ๆ นะ พระกรรมฐานเราก็จะตื่นตามโลกตามสงสาร ตามความนิยมของกิเลสไปหมด ด้านวัตถุละสำคัญ เอะอะก็สร้างนั้นสร้างนี้ แหม มันขัดจริง ๆ นะกับเรา ศาสนาท่านก็สอนเอาไว้แล้ว ไม่มีวัตถุใดที่จะเข้าไปยุ่งเหยิงวุ่นวายกับการภาวนาของพระในครั้งพุทธกาล ตำรับตำรามีอยู่เห็นด้วยกันทุกคน นี่ก็ดึงตำรับตำรามากางมาดูมาปฏิบัติ แล้วเจ้าของก็เป็นความสะดวกมาเพราะการไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกับสิ่งภายนอก มีแต่ชำระจิตใจโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เอากันทั้งวันทั้งคืนยืนเดินนั่งนอน ไม่มีหยุดมียั้งตลอดมาเลย หนักมากทีเดียว จึงได้เห็นเรื่องของกิเลสว่ามันเก่งขนาดไหน เมื่อเราตั้งความพยายามอยู่ก็เห็นกันจนได้แหละ เรื่องของกิเลสมันหนีธรรมไปไม่ได้แหละ
ถ้าสติธรรมเป็นต้นไม่มีในใจเลยแล้ว เท่านั้นแหละ เหมือนซุงทั้งท่อน อยู่ไปกินไปวันหนึ่ง ๆ ดินฟ้าอากาศนับไป นับมันอะไร ประสามืดกับแจ้งมันมีมากี่กัปกี่กัลป์ เงื่อนต้นเงื่อนปลายมันอยู่ที่ไหนของความมืดแจ้งไม่เห็นมี มันมีมาอย่างนี้ตลอดไป ตื่นมันหาอะไร เดือนนั้นเดือนนี้ ปีนั้นปีนี้ สถานที่นั่นที่นี่ มันก็เคยมีมาดั้งเดิมเช่นเดียวกันอีก ก็ไปตื่นหาอะไร สิ่งที่มันกวนหัวใจนั้นน่ะมันกวนอยู่ตลอดเวลา ให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน ถ้ามีสติก็จับกันได้รู้กันได้ แก้ไขดัดแปลงกันได้ ถ้าไม่มีแล้วตายทิ้งเปล่า ๆ
นี่ผมก็แก่ไปทุกวัน ๆ จวนตายเข้าไปเท่าไรยิ่งเป็นห่วงหมู่เพื่อนมากเข้าไปโดยลำดับ เวลานี้สายกรรมฐานทั้งหลาย รวมในสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ก็รู้สึกจะมารวมอยู่ในจุดผมจุดเดียวนี้ เรียกว่าเป็นผู้มีอายุพรรษาแก่กว่าเพื่อน และการได้ยินได้ฟังกับครูบาอาจารย์นี้ หมู่เพื่อนก็คงเข้าใจกันแล้ว ยกให้เลยว่า เราเคยได้ศึกษาอบรมกับครูบาอาจารย์มา เรื่องจึงมารวมอยู่กับผม เมื่อรวมอยู่กับผมแทนที่จะนำไปเป็นคติเครื่องเตือนใจตัวเองให้เป็นความดีขึ้นแก่ตัวนี้ กลับจะไม่เป็นนะ ก็คิดไปอย่างนั้นแหละ อยู่ไปเซ่อ ๆ ซ่า ๆ ไป
วัตถุสำคัญมากนะ โฮ้ เป็นข้าศึกมากต่อการบำเพ็ญ มีมาทุกแบบในเรื่องของกิเลส มันแผลงฤทธิ์ขึ้นมาตลอด ๆ แต่เราไม่รู้ว่ามันแผลงฤทธิ์ มันสร้างความยุ่งเหยิงวุ่นวาย สร้างความเห่อเหิมให้หัวใจของพระกรรมฐานเรา ให้ดีดดิ้นไปกับสิ่งเหล่านี้ ไปที่ไหนถือการก่อการสร้างวัตถุเป็นของสำคัญยิ่งกว่าการภาวนา สำคัญมากตรงนี้ละ กรรมฐานเราก้าวไม่ออกและไม่ได้เรื่องได้ราวก็เพราะเหตุนี้เอง
ดูหัวใจเจ้าของเท่านั้นละสำคัญ ดูอะไรกับสิ่งเหล่านั้น มันคิดเรื่องอะไร สติจ่ออยู่ตลอดเวลา ทุกข์ก็ทุกข์เถอะ ทุกข์ด้วยการตั้งสติ เพื่อจะระงับดับฟืนดับไฟภายในหัวใจคือกิเลส ไม่ได้เป็นทุกข์เสียหายอะไรเลย แต่ทุกข์เพราะกิเลสเหยียบย่ำทำลายไม่มีต้นมีปลาย จะตลอดไปเลย ล่มจมไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น แต่ทุกข์เพราะความเพียรเราที่จะฟาดหัวกิเลสให้ขาดสะบั้นลงไป สร้างความสุขขึ้นมาในลำดับแห่งความทุกข์จากความเพียรนั้น นี่เป็นของสำคัญมาก ควรพิจารณากันให้มาก
โฮ้ ดูพระเราจนจะดูไม่ได้นะเวลานี้ ไม่ว่าดูท่านดูเรามันพอ ๆ กัน เอาผ้าเหลืองคลุมหัวโล้นแล้วใครเขาก็ไม่กล้าตำหนิติเตียน เขากลัวบาป เขาเห็นแก่ผ้าเหลือง เรายิ่งสนุกทะนงตัว ลืมเนื้อลืมตัว โอ่อ่าฟู่ฟ่าว่าเป็นพระ ๆ ยิ่งได้ยศถาบรรดาศักดิ์สูงเข้าไปเท่าไร ยิ่งเป็นบ้าเข้าไปอีก ดินเหนียวติดหัวก็ว่าตัวมีหงอนเข้าไปละ นี่ละเดี๋ยวนี้มันมีแต่พระดินเหนียวติดหัวนะ เสกสรรปั้นยอตั้งแต่เริ่มต้นว่าเราเป็นพระ ก็ดินเหนียวติดหัวเข้ามาแล้ว จากนั้นก็ขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นใหญ่เป็นโต เลยเอาความดิบความดีไปให้อยู่กับชื่อกับเสียงไปเสีย ด้วยความเสกสรรปั้นยอไปเสียหมด ความจริงแล้วไม่มีภายในใจ คือการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี มีสติสตังความระมัดระวังประจำตน ไม่ค่อยมีนะเวลานี้ เลยเอาความดีจากชื่อจากเสียงไปอย่างนั้นละ
ประสาชื่อตั้งเท่าไรก็ได้ ตั้งฟาดจรวดดาวเทียมก็ตั้งได้ แต่คนจมลงในนรกมีความหมายอะไร เห็นไหมเรือนจำนั่น ชื่อมันกี่ประเภท ไม่ทราบนายสวรรค์ พรหมโลกอะไรมีอยู่ในนั้นหมด นางสวรรค์ นายพรหม นายบุญ นายบาปไม่มีนะ แต่มีแต่คนขี้บาปเต็มเรือนจำอยู่นั้น นั่นละตั้งชื่อตั้งเฉย ๆ เกิดประโยชน์อะไร สร้างตัวให้เป็นคนดี เขาจะตั้งว่าไอ้หมาก็เป็นไรไป ประสาชื่อ ตัวเราไม่ได้เป็นหมาจะเป็นอะไร ตั้งให้ขึ้นแดนสวรรค์แต่ตัวเราเป็นหมาขี้เรื้อนก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
เดี๋ยวนี้พวกเราสมัยปัจจุบันนี้กิเลสตั้งชื่อให้นะ กิเลสเสกให้ไปหลงชื่อหลงนามตามกิเลสนะ ตัวไม่ดีตัวเหมือนหมาขี้เรื้อนก็ตาม ขอให้มีชื่อไพเราะเพราะพริ้ง มีเครื่องประดับตกแต่งหรูหราฟู่ฟ่า พอเป็นเครื่องหลอกตากันของกิเลสที่หลอกลวงสัตวโลกก็พอใจ สำคัญอย่างนี้นะ มันไม่ได้ดูหลักธรรมชาติในหัวใจนี้เลย อะไรบ้างดีดขึ้นมา นั่น กิเลสดีดขึ้นมาตรงไหนเป็นไฟตรงนั้นละ ถ้าดูต้องเห็น ถ้าไม่ดูแล้วตายก็ไม่รู้ เกิดมากี่ภพกี่ชาติก็ไม่รู้ ก็จะมีตั้งแต่เกิดตาย ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ อยู่นี้เรื่อยมาดังที่เป็นมาแล้ว และจะเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด
ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะพระมาปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีอะไรเหลือติดหัวใจพระนะ วงกรรมฐานนี่ก็เห็นไหมล่ะ เขาเคารพนับถือ เฉพาะอย่างยิ่งวงกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนี่แหละ ไปที่ไหนเขาก็เคารพนับถือ คิดดูซิพระทางภาคอีสานพระกรรมฐานมีจำนวนมากน้อยเพียงไร ประชาชนทางภาคกลางหลั่งไหลมาทำบุญให้ทาน ทอดกฐิน เราอยากจะว่าทุกวัดไปเลยนะ มีแต่ภาคกลาง เขาทุ่มเทจิตใจวัตถุสิ่งของเงินทองมาบูชาบุญบูชาคุณ หวังบุญหวังกุศลกับพวกเรา แล้วพวกเราเป็นยังไง มันลืมเนื้อลืมตัวเหรอ เห็นเขามานับถือก็เป็นดินเหนียวติดหัวเข้าไปอีกประเภทหนึ่งแล้ว ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย เสียหมดนะ ลืมตัว เพราะความนับถือของคน เจ้าของไม่ยอมนับถือเจ้าของ ไม่สังเกตเจ้าของ ตำหนิติเตียนเจ้าของบ้างด้วยความพากเพียร ไม่ได้เรื่องนะ จะเสียหายไปเรื่อย ๆ