แชร์ประสบการณ์การหางานในประเทศญี่ปุ่นครับ

สวัสดีครับ ผมชื่อ หมี ครับ

ผมมาเรียนญี่ปุ่นได้ 4 ปี คือเริ่มเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาญีปุ่นได้ปีครึ่ง แล้วจึงต่อปริญญาโทที่นี้ต่ออีก สองปี
ในระหว่างที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่นั้ช่วงที่จบปี 1 ขึ้นปี 2 ก็ได้มีโอกาสฝึกงานที่โตเกียว และจึงได้หางานทำระหว่างฝึกงานไปด้วย

เม่าแพนด้า

Background ของผมคือ ผมเรียนจบที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สาขาการจัดการการท่องเที่ยวครับ ซึงที่นี้การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ผมจึงสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และก็ได้มาเรียนที่ญี่ปุ่นอีก 4 ปี หลังจากเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ปีครึ่งผมก็สอบผ่าน N3 และได้สอบผ่าน N2 ในปีที่สามที่มาอยู่ญี่ปุ่น ในส่วนของ N1 ได้ลองสอบแล้ว แต่ยังไม่ผ่านครับ(เตรียมตัวพาทอ่านน้อยไปหน่อย) และเรียนโทด้านการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย International University of Japan แต่ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป ตัดต่อวิดีโอและ ความรู้ด้านไอทีด้วย จึงพยายามหางานสายนี้แต่ก็ยากพอสมควร

ต้องบอกว่าการหางานในประเทศญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างยากหากต้องการที่จะหางานด้วยตัวเองโดยไม่มีใครแนะนำตัวกับทางบริษัทให้ ผมเคยส่ง เรซูเม่ให้กับทางบริษัทญี่ปุ่นด้วยตัวเองหลายบริษัท แต่ก็จะได้รับการปฏิเสธหรือไม่มีการตอบกลับมา ส่งไปหลายที่จนเริ่มท้อ ในช่วงนั้นก็ได้หางานผ่านเว็บไซต์หางานต่าง ๆ ในญี่ปุ่น เช่น Daijob ก็ได้ลองสมัครงานผ่าน Daijob ไปหลาย ๆ ที่ แต่ส่วนใหญ่บริษัทที่ติดต่อกลับมาจะเป็นบริษัทรับหางานในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในตอนแรกผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีมุมมองไม่ค่อยดีเกี่ยวกับบริษัทรับหางานว่าจะช่วยเราหางานได้จริงหรือเปล่า แล้วจะหางานให้เราแบบไหน กลัวจะเป็นพวกงานลูกโซ่ แต่จังหวะนั้น ไม่ลองก็ไม่รู้เลย ได้มีโอกาสคุยกับบริษัทรับหางานในญี่ปุ่นหลาย ๆ บริษัท ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดและหลาย ๆ บริษัทก็มีงานกับการดูแลลูกค้าต่าง ๆ กันไป

จะพูดให้ถูกก็คือ บริษัทรับหางานในญี่ปุ่น จะมีลูกค้าอยู่ สองฝั่ง คือ ฝั่งหางานและฝั่งบริษัทที่ต้องการจ้างคนงาน โดยบริษัทจัดหางานจะทำหน้าที่ในการจับคู่กับคนหางานให้เหมาะกับบริษัทที่กำลังหาคนทำงานตามตำแหน่งต่าง ๆ แล้วบริษัทรับหางานได้รายได้จากไหน? มีหลายช่องทางเช่นการจัดสัมมนาให้หลาย ๆ บริษัทมาเปิดบูธออกงานรับสมัครงาน หรือจะเป็นรายได้จากการแสัมภาษณ์รอบแรก เจอกับ HR ของบริษัทสองคนครับ ผู้ชาย 1 คน ผู้ญ 1 คน ในส่วนขอนะนำผู้สมัครให้กับบริษัท หากบริษัทรับเข้าทำงานบริษัทจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับบริษัทจัดหางาน ดังนั้นแล้วฝั่งของผู้สมัครงานจะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนั้น (ผมว่ามันเป็นธุรกิจที่ วิน วิน มาก คนหางานได้งาน บริษัทที่หาพนักงานได้พนักงานที่ต้องการ)

เพี้ยนชนะเลิศ

ขอยกตัวอย่างบริษัทรับหางานที่ผมใช้บริการ จนผมได้งานที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ ชื่อว่าบริษัท Pasona เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นโดยมีเปิดให้บริการมานาน และมีสาขาในหลาย ๆ ประเทศร่วมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน  โดยในครั้งนี้ผมได้ผ่านการสัมภาษณ์งานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านให้เช่าเครื่องจักรก่อสร้าง ทำงานแถวสถานีโตเกียวครับ (บริษัทพนักงาน 3000 กว่าคน แตยังมีคนต่างชาติ ประมาณ 13 คน ผมเป็นคนไทยคนแรก)

ประสบการณ์การหางานกับบริษัทจัดหางาน
ตอนแรกนั้นผมได้ยืน Resume ภาษาญี่ปุ่นของผมให้กับทาง Pasona หลังจากนั้นก็ได้มีคนไทยที่ทำงานอยู่ที่ Pasona ติดต่อมาพูดคุยกับผมทางโทรศัพท์(เนื่องจากผมอยู่ต่างจังหวัดยังไม่สามารถเดินทางเข้าโตเกียวได้) จริง ๆ แล้วหากอยู่บริเวณตัวเกียวการเข้ามาคุยโดยตรงที่บริษัท ย่อมส่งผลดีกว่าในการสื่อสารว่าเราต้องการงานแบบไหนซึ่งสำหรับผม ผมเลือกที่จะบอกไปว่าผมทำงานที่ไหนก็ได้ โตเกียวหรือต่างจังหวัดก็ไม่มีปัญหา และอยากทำงานแนวท้าทายความสามารถตัวเอง คือก็บอกไปว่างานไม่ตรงสายตัวเองก็ทำได้ ถ้าบริษัทให้โอกาสหรือพร้อมที่จะสอนพนักงานใหม่ ก็รับได้หมด อยากอยู่ญี่ปุ่นไปนาน ๆ แต่ก็ถ้ามีต้องไปทำงานต่างประเทศก็ไปได้ ไม่ใช่ไทยก็ไปได้ไปได้หมดไม่มีภาระผูกมัด

อมยิ้ม15

หลังจากนั้นเขาก็ส่ง 求人情報(ช้อมูลรับสมัครพนักงาน)มาให้ดูหลาย ๆ งานก็จะมีงานด้านแปลภาษา และงานด้านเซลขายเครื่องจักร ผมก็ได้ยื่นเรื่องตกลงกับทางบริษัทจัดหางาน ให้เขาส่งใบสมัครให้ผม ซึ่งขอดีมาก ๆ ของการใช้บริษัทรับหางานคือ เขาสามารถคุยกับบริษัทโดยตรงและแนะนำข้อมูลของเราให้บริษัทได้ ผ่านจากการที่เราได้คุยกับบริษัทหางาน เขาจะพูดจุดเด่นของเราให้บริษัทฟัง ซึ่ง ก็ได้มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์งานกับหลาย ๆ บริษัทโดยส่วนใหญ่ก็จะผ่านรอบแรก (ซึ่งเป็นรอบที่เราจะได้คุยกับทาง HR ของแต่ละบริษัท) แต่ผ่านไปได้อาทิตย์นึง มีตำแหน่งว่างงานมาใหม่และด่วน ซึ่งต้องการคนไทยที่พูดญี่ปุ่นได้ และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วย เป็นบริษัทให้เช่าเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้าง คนไม่มีประสบการณ์ทำงานก็สามารถสมัครได้หากมีใจต้องการที่จะเรียนรู้ตั้งแต่ 1 ซึ่งหลังจากที่ผมได้อ่านรายละเอียดงานคร่าว ๆ แล้วถือว่าน่าสนใจมากสำหรับผม เพราะบริษัทยังใหม่ในเรื่องการรับพนักงานต่างชาติเข้าทำงานและตัวเนื้องานก็ค่อนข้างท้าทายสำหรับซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ของบริษัทที่จะทำการประสานงานกับสาขาต่างประเทศ และพัฒนาธุรกิจของบริษัทในต่างประเทศ ตำแหน่งที่สมัครตอนนั้นคือ 営業 หรือตำแหน่งพนักงานขายนั้นเองครับ แต่เป็นในส่วนของ 海外部 ฝ่ายงานต่างประเทศ ด้านล่างนี้ผมจะนำเสนอในส่วนของรายละเอียดงานตามที่ได้รับประกาศมานะครับ

【国内海外営業】。

数年、日本で経験を積んでいただき、タイ拠点開拓時の要員として
活躍して頂くポジションです。

まずは、日本でビジネスや営業を学んで頂き、その後海外での活躍が期待されます。

แปลง่าย ๆ ก็คือ เซลภายในประเทศและต่างประเทศ โดยจะได้ทำงานในญี่ปุ่นเพื่อเก็บประสบการณ์ไปก่อนหลายปี หลังจากนั้นจะได้กลับไปทำตำแหน่งที่สำคัญในไทย อันดับแรกต้องเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจและการขายในญี่ปุ่น และบริษัทก็คาดหวังจะให้เราทำประโยชน์กับธุรกิจต่างประเทศในอนาคต

จริง ๆ พูดกันแล้วถือว่าขอบเขตงานดูกว้างมาก ๆ แต่เพราะว่ามันกว้าง ผมจึงคิดว่ามันท้าทายดี เพราะผมก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานมามากแต่เป็นคนลุย ๆ พร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่แล้วก็เลย ลุยยย ฮาา

ต่อมาเรามาดูกันว่า บริษัทต้องการทักษะอะไรบ้างของผู้สมัคร

経験不問

■積極的に学ぶ姿勢のある方
■理系の方
経験が無くても問題ございません。
ゼロから教えていただける研修がしっかりと整っている会社です。

อันดับแรกไม่สนประสบการณ์
มีทักศนคติที่ดีในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
เรียนสายวิทย์(ข้อนี้ตอนแรกทำให้ผมขาดความมั่นใจในการสมัครเป็นอย่างมาก)
สุดท้ายคือ ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ก็ไม่มีปัญหา บริษัทจะทำการสอนอย่างเข้มข้นตั้งแต่ 0

และนี้คือ ข้อมูลที่ผมได้รับมาจาก Pasona ซึ่งหลังจากที่ได้คุยกับทางทีมงานเขาบอกว่าบุคลิกของผม เหมาะกับการทำงานในบริษัทนี้ ถึงแม้ว่าผมไม่ได้เรียนสายวิทย์มา แต่ถ้าผมแสดงความมุ่งมั่นให้บริษัทเห็นได้ก็มีโอกาสที่จะได้งาน ผมก็เลย จัดมาครับ!! ผมชอบความท้าทาย ซึ่งกว่าจะได้มาสัมภาษณ์งานนี้ ต้องบอกว่าผมสอบตกมา ไม่ต่ำกว่า 10 20 ที่ แล้ว(เฉพาะที่ที่ได้สัมภาษณ์) ซึ่งบางทีสัมภาษณ์ไปจนถึงรอบสุดท้าย ได้สัมภาษณ์กับผู้บริหาร แต่ตกม้าตาย (มีครั้งนึงผมคาดเดาว่า ตกม้าตายเพราะคำถามที่ว่า ตอนนี้ภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ มั่นใจในการใช้ภาษาไหนมากกว่ากัน ซึ่งในตอนนั้น มันเป็นการสัมภาษณ์ครั้งแรก ๆ ของผม ผมยังรู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นตัวเองยังด้อยกว่า ภาษาอังกฤษ จึงตอบว่า มั่นใจทั้งสองภาษาแต่อาจจะมั่นใจภาษาอังกฤษมากกว่าเพราะใช้มาหลายปีกว่า หลังจากที่ได้ทราบผลสัมภาษณ์วันนั้น เขาบอกว่าที่ผมตกเพราะภาษาญี่ปุ่นผมยังมั่นใจไม่มากพอ เห้อ!!) แต่ทุกอย่างมันคือประสบการณ์มันคือการเรียนรู้ครับ คนเราถ้าล้มแล้วไม่รู้จักวิธีลุกมันก็จะเดินไปต่อไม่ได้ เรารู้ปัญหา เราแก้ปัญหาครับ ท้อได้แต่อย่าถอยครับ ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้จมไปกับมันครับ^^

เพี้ยนไฟลุก

*แก้คำผิดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่