นายปิศาจกับยัยตัวร้าย .... บทที่ 2

กระทู้สนทนา
บทที่ 1  http://pantip.com/topic/35501155


นายปิศาจกับยัยตัวร้าย .... บทที่ 2
==========



ฟ้างามกลับจากโรงเรียนด้วยความเหนื่อยล้าสุดจะบรรยายออกมาให้ใครได้เข้าใจ และความคิดแรกที่กลับถึงบ้านคือ เธออยากอาบน้ำเอาเศษฝุ่นที่เกาะติดตามเสื้อผ้า รองเท้า เส้นผม ผิวหนัง เธอยากจะล้างมันออกให้หมด เธอรู้สึกเกลียดทุกอย่างที่นี่ เกลียดโรงเรียน เกลียดใบบัวที่คอยติดตามเธอยังกับตุ๊กแก และเกลียดทุกคนที่พยายามจะมาเป็นเพื่อนกับเธอ ในความคิดของฟ้างามที่นี่มีแต่ความโหดร้ายน่ารังเกียจและไม่น่าอยู่เอาซะเลย  แรงเก็บกดที่อัดแน่นอยู่ในตัวระเบิดออกมาเป็นเสียงกรีดร้องดังลั่นบ้าน ฟ้างามกระโดดกระทืบเท้าลงพื้นห้องอย่างรุนแรงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์เก็บกดที่อยู่ภายในใจของตัวเองซึ่งอัดอั้นมาตลอดทั้งวัน


“ฟ้า หลานเป็นอะไรลูก” ยายซึ่งอยู่ในห้องครัวตะโกนขึ้นมาถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงหลานสาวตัวน้อยกรีดร้อง ยายรีบวิ่งมาที่ห้องนอนของหลานสาวทันที ประตูห้องถูกผลักเปิดออกพร้อมกับสีหน้าตื่นตกใจของยาย

“หลานเป็นอะไรจ้ะ เกิดอะไรขึ้นกับหลาน” ยายเดินเข้ามาหาหลานสาวตัวน้อยแล้วดึงตัวหลานเข้ามากอดปลอบโยนด้วยความรักใคร่เอ็นดู

“หนูไม่เป็นไรคะคุณยาย ฟ้าสบายดี ฟ้าแค่เจอตุ๊กแกนะคะมันเกาะอยู่ที่ผนังตรงโน่น”  

ฟ้างามแกล้งชี้นิ้วไปมั่วๆทั้งที่ตรงนั้นไม่เคยมีตุ๊กแกอยู่เลย เธอรักยายมากไม่อยากทำให้ยายต้องเป็นห่วง ยอมมาอยู่ที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงยายอยากจะดูแลยายแทนแม่ซึ่งจากเธอไปตั้งแต่เธออายุได้เพียงเก้าปีเท่านั้น ตั้งแต่แม่จากโลกนี้ไปฟ้างามก็ไม่ค่อยได้มาหายายอีกเลย เพราะพ่อเธอต้องทำงานหนักซึ่งไม่มีเวลาพาเธอมาเยี่ยมยายทุกเดือนเหมือนตอนที่แม่ยังอยู่

และในวันนี้วันที่พ่อพาเธอมาฝากให้ยายเลี้ยงดูเธอสักกระยะหนึ่ง พาเธอย้ายมาเรียนที่บ้านนอกห่างไกลความเจริญ พ่อบอกกับเธอว่าบริษัทของพ่อประสบปัญหาหนักและกำลังจะล้มละลายต่อไปพ่อจะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอได้อีก และจะไม่มีเวลาให้เธอเหมือนเมื่อก่อน พ่อจึงตัดสินใจพาเธอมาอยู่กับยายและจะมารับเธอกลับเมื่อพ่อจัดการกับปัญหาทุกอย่างเรียบร้อย  

ฟ้างามนึกถึงสิ่งต่างๆที่พ่อพูดกับเธอ เธอไม่เข้าใจคำว่าล้มละลาย แต่คำๆนี้ทำให้เธอต้องมาลำบากลำบนอยู่บ้านโคกมะขามแห่งนี้ และนั่นก็ทำให้เธอเกลียดคำว่าล้มละลายสุดหัวใจ

“โธ่ หลานยายคงกลัวสินะมันไม่ทำอะไรหลานหรอกนะจ้ะ มันคงอยากออกมาทักทายหลานมากว่านะ หลานมาใหม่นี่น่า อยู่ไปอีกสักประเดี๋ยวหลานก็คงชินกับมันเองละ” ว่าพลางก็ใช้มือหยาบเหี่ยวย่นลูบผมหลานสาว

“ฟ้าไม่กลัวหรอกค่ะ ฟ้าแค่ตกใจเฉยๆค่ะคุณยาย”  ฟ้างามทำเสียงออดอ้อนก่อนจะโผกอดยายอย่างเด็กที่อยากอ้อนเอาใจ

“ดีแล้วจ้ะที่ไม่กลัว...น้าศรกำลังเอาผักไปส่งที่ตลาดหลานอยากไปกับน้าศรไหมจ้ะ”

“ไม่ดีกว่าคะวันนี้ฟ้าเหนื่อยมากเลย อยากอาบน้ำก่อนนะคะ”  ฟ้างามกอดยายไว้แน่น ใจจริงเธอก็อยากไปเป็นเดินเที่ยวตลาดเหมือนกัน แต่วันนี้เธอเหนื่อยจริงๆเปิดเทอมวันแรกเล่นเอาหมดแรง

ไว้วันหน้าที่ไม่เหนื่อยจะลองไปเดินตลาดบ้านนอกดูสักครั้ง ฟ้างามครุ่นคิดอยู่ในหัว แม้จะเคยมาบ้านยายหลายครั้งตอนแม่ยังอยู่ แต่ก็ไม่เคยไปเดินตลาดเพราะเธอไม่ชอบที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยเฉพาะตลาดบ้านนอนซึ่งเหม็น อับชื้นและร้อนอบอ้าว คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนูอย่างเธอทำใจลำบากอยู่ไม่น้อยที่ต้องไปยังสถานที่แบบนั้น

“ใหม่ๆก็อย่างนี้ละ คงเล่นกับเพื่อนๆจนเหนื่อยละสิ แล้วยายจะกลับมาฟังหลานเล่าถึงโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่นะ ยายลงไปทำกับข้าวก่อน” ยายพูดจบผละตัวออกหลานสาว แต่ก็หยุดค้างไว้เมื่อเห็นใครอีกคนเดินเข้ามาในห้อง

“เป็นไงยัยฟ้า ไปโรงเรียนวันแรกสนุกหรือเปล่าล่ะ” ศรศิลป์ ชายหนุ่มวัยสามสิบเก้าซึ่งเป็นน้าของฟ้างามยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าห้อง ปากคาบต้นหญ้าอ่อนเคี้ยวเล่น

“จะไปเที่ยวตลาดกับน้าไหม” เอ่ยปากถามหลานสาวอีกครั้งเพื่อต้องการคำยืนยัน ตั้งแต่หลานสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านได้สามวัน ศรศิลป์ดูจะมีความสุขยิ้มและพูดมากขึ้น หลังจากที่เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดจากับใครพอมีหลานสาวมาอยู่ด้วยเขากลับเปลี่ยนเป็นคนละคน เจอใครเดินผ่านไปมาจะทักทายและเรียกหลานสาวมาแนะนำให้คนในหมู่บ้านได้รู้จัก

ศรศิลป์เป็นน้องชายพรพิมลแม่ของฟ้างาม ชายหนุ่มกลายเป็นคนเงียบขรึมตั้งแต่ที่ต้องสูญเสียคนรักไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว ตั้งใจว่าจะไปสู่ขอแต่โรคร้ายก็คร่าชีวิตเธอไปเสียก่อน ความเศร้าเกาะกุมใจอยู่พักใหญ่และไม่ทีท่าว่าจะดีขึ้น จนกระทั่งหลานสาวได้มาอยู่ด้วย ศรศิลป์ดูจะมีความสุขและสดใสขึ้นกว่าเดิม

“ไม่ไปค่ะน้าศร วันนี้ฟ้าอยากพักก่อนค่ะ ไว้คราวหน้าฟ้าจะไปกับน้าศรนะคะ”

“อืมๆ ..เหนื่อยก็พัก งั้นน้าไปก่อนต้องรีบเอาผักไปส่งให้แม่ค้าที่ตลาด แล้วหลานจะเอาอะไรไหมน้าจะได้ซื้อมาฝาก”
ฟ้างามส่ายหน้าแทนการตอบ

ศรศิลป์ผงกศีรษะแล้วเดินออกจากห้องไป วันนี้มีคนสั่งผักจากสวนของเขาหลายเจ้า ต้องรีบเอาของไปส่งก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขาย

ศรศิลป์เคยทำงานเป็นวิศวกรมาก่อน เมื่อทำอยู่หลายปีก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายและเบื่อการใช้ชีวิตที่ต้องเร่งรีบในกรุงเทพเขาจึงลาออกจากงานเดินทางกลับมายังขอนแก่นบ้านเกิด เขาศึกษาเรียนรู้การทำเกษตรแบบผสมผสานนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาปรับใช้ พลิกฟื้นผืนดินรกร้างกลายเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ที่มีพืชผักหลายชนิดปลูกแซมกัน ทำให้สามารถเก็บผักมาขายได้ตลอดทั้งปี เขาเก็บจากสวนมาขายให้แม่ค้าในตลาดด้วยราคาย่อมเยา ลูกค้าของศรศิลป์จึงมีเยอะจนบ้างครั้งสินค้าก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

“ฟ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวยายจะทำให้กิน” ยายเอ่ยถามหลานสาวทันทีที่ลูกชายเดินออกจากห้อง

“ฟ้ากินอะไรก็ได้ค่ะที่ยายเพราะยายของฟ้าทำอาหารอร่อยที่สุดเลย” เธอทำน้ำเสียงอ้อนเพื่อทำให้ผู้เป็นยายรู้สึกสบายใจและไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเธอ แม้จริงๆฟ้างามเองยังมีอารมณ์ขุ่นมัวไม่ชอบวิธีการที่พ่อทำกับเธอแบบนี้ แต่เธอก็ไม่อยากทำตัวยุ่งยากให้ยายต้องเดือดร้อนไปด้วย จึงได้แต่เก็บกั้นอารมณ์ที่ขุ่นมัวเอาไว้ในใจ

ฟ้างามรอจนยายเดินไปสุดบันไดและประตูปิดห้องด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิด เธอทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนสีชมพูลายคิดตี้ ที่นอนซึ่งยายซื้อเตรียมไว้ให้หลานสาวตัวน้อยเพื่อเอาใจหลาน ฟ้างามรู้สึกขอบคุณยายที่ตระเตรียมของสิ่งนี้ไว้ให้เธอ ตอนแรกคิดว่าจะต้องได้นอนที่นอนเก่าๆกลิ่นเห็นสาบเหมือนที่เธอเคยดูในละคร และห้องนอนยังถูกทาสีใหม่ ฟ้างามเดาเลยว่าน่าจะเป็นฝีมือของน้าศร นึกแล้วก็เผลออมยิ้มมุมปาก เธอบอกตัวเองไม่นานคงจะปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้

นอนกลิ้งเล่นอยู่บนที่ด้วยอารมณ์ผ่อนคลายลง แต่ก็ต้องชะงัดเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายายอยากฟังเรื่องราวที่เธอไปโรงเรียนวันแรก ฟ้างามรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องมาเล่าเรื่องราวที่โรงเรียนใหม่ให้ยายฟัง

แค่คิดเธอก็รู้สึกพะอืดพะอมอยากจะกรีดร้องให้ดังลั่นบ้าน โรงเรียนใหม่ที่ไหนกันทุกอย่างที่เธอเดินผ่านมีแต่ของเก่าๆพังๆทั้งนั้นเลยสีอาคารลอกออกเกือบหมด ไหนจะแผ่นไม้ผุๆ โต๊ะเรียนหนังสือที่พร้อมจะพังได้ทุกเวลา อาหารที่เธอกินแทบไม่ได้เลยไหนจะห้องน้ำสกปรกเหม็นๆ กับสนามโรงเรียนกีฬามีหลุมมีบ่อและหญ้าสีเหลืองแห้งตายดูไม่สดใสสวยงามเอาเสียเลย เป็นโรงเรียนที่เธออยากหนีห่างออกไปให้ไกลที่สุด ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้มาเรียนในสถานที่แบบนี้ ถ้าเพื่อนที่กรุงเทพรู้เธอคงอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จากคุณหนูไฮโซกลายมาเป็นเพียงเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เมื่อคิดแบบนี้ฟ้างามจึงตัดขาดจากเพื่อนที่กรุงเทพฯทุกคน ใครโทรมาเธอจะไม่ยอมรับสายเด็ดขาด

ยิ่งคิดก็ได้แต่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาเจอ ฟ้างามไม่อยากไปโรงเรียนใหม่ มันมีเรื่องที่ทำให้เธอไม่ชอบใจเอามากๆอยู่หลายเรื่อง เรื่องแรกคือเพื่อนใหม่ที่ชื่อใบบัวซึ่งจะคอยติดตามเธอทุกฝีก้าว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปที่ไหนใบบัวจะวิ่งตามติดเป็นตุ๊กแก ไล่แล้วก็ยังไม่ไป เธอก็หมดปัญญาที่จะขับไล่คนจอมตื้อ จึงทำได้เพียงไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นที่ใบบัวพูด

‘เรามาเป็นเพื่อนกันนะ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆนะ เธอช่วยฉันจากนายบู๊ลิ้มนั่นฉันซาบซึ้งใจจริงๆ’ คำพูดของใบบัวที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา ต่อให้เธอไล่ใบบัวไปสุดท้ายใบบัวก็เกาะติดว่าเธอไปทุกย่างก้าวและก็พูดคำเดิมเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา

จนทำให้เธออยากจะแอบหนีออกจากโรงเรียนซะให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เพราะกลัวเรื่องนี้หนีเรียนจะทำให้ยายเป็นห่วงเธอและคงเสียใจที่เธอมีพฤติกรรมเช่นนั้น ฟ้างามจึงอดทนเรียนจนโรงเรียนเลิก

ยังมีอีกคนที่คอยสร้างเรื่องกวนใจให้ฟ้างามมาตลอดทั้งวัน คนนั้นคือศัตรูของใบบัวแต่ตอนนี้กลายมาเป็นศัตรูของเธออีกคน เด็กนักเรียนชายผมสีน้ำตาอ่อน คิ้วดกดำใบหน้ากวนๆชื่อบู๊ลิ้ม ฟ้างามคิดว่าชื่อนี้ยังกับชื่อค่ายสำนักปราบผี ศัตรูรายใหม่คนนี้จะคอยตามจ้องมองเธอตลอดเวลาไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนหรือทำอะไร บู๊ลิ้มจะต้องอยู่ที่นั้นจับจ้องมองเธอทุกกิริยาบท แต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะคนอย่างนายบู๊ลิ้มไม่ได้อยู่ในสายตาเธออยู่แล้ว อย่างมากแค่ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์เสีย

“ฉันไม่ยอมอยู่ที่นี่หรอก”  ฟ้างามพูดกับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องราวกวนใจที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอคว้าโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนกดหมายเลขโทรหาพ่อทันที จะเล่าทุกอย่างที่เจอให้พ่อฟัง พ่อต้องเห็นใจเธอแล้วมารับเธอกลับไปเรียนที่กรุงเทพแน่ๆ เมื่อคิดได้แบบนี้ฟ้างามก็เริ่มมีความหวังรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างมีเลศนัย

ฟ้าอดใจรอปลายสายด้วยความตื่นเต้น เสียงโทรศัพท์รอสายดังอยู่ ยังไม่มีคนรับสายและก็หลุดไปฟ้างามก้มมองมือถือด้วยความงุนงง และก็รีบกดโทรออกอีกรอบ

“คุณพ่อคะ คุณพ่อมารับฟ้าไปจากที่นี่ทีนะคะ ฟ้าไม่ชอบที่เลยค่ะฟ้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เพื่อนๆที่โรงเรียนก็ไม่น่าคบ โรงเรียนก็ไม่น่าเรียน” ฟ้างามรีบพูดทันทีที่ปลายสายกดรับพร้อมทำเสียงออดอ้อนระคนเศร้าสร้อย เพื่อให้ผู้เป็นพ่อฟังแล้วเกิดความเห็นใจ

ลูกฟ้า ลูกต้องอยู่ที่นั่นกับคุณยายนะ ตอนนี้พ่อยุ่งมากปัญหาที่บริษัทก็ทำให้พ่อเหนื่อยมากแล้วนะลูก พ่ออยากให้ลูกช่วยพ่อด้วยการเป็นเด็กดีและปรับตัวให้เข้ากับบ้านใหม่ให้ได้”

“ไม่.. ฟ้าไม่เข้าใจปัญหาของคุณพ่อ..ฟ้าอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ค่ะ คุณพ่อได้ยินไหมคะ” ฟ้างามตะโกนใส่มือถือด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เมื่อฟังจากน้ำเสียงพ่อแล้วไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอบอกเลยสักนิด เด็กที่โตมาแล้วได้ทุกอย่างตามที่ใจต้องการมาบัดนี้คนที่ขัดใจเธอคือคนที่ครั้งหนึ่งเคยตามใจเธอเสมอมา ฟ้างามคิดแล้วก็อดโมโหผู้เป็นพ่อไม่ได้

“ลูกยังไม่เป็นเด็กดีพอที่พ่อจะพากลับ” พ่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักจริงจังและจะทำจริงๆถ้าลูกสาวยังทำตัวไม่ดี

“คุณพ่อ คุณพ่อขา” เสียงลูกสาวตัวน้อยสะอื้นไห้

“พ่ออยากให้ลูกอดทนต้องอยู่ให้ได้และเป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณยายและน้าศร..นั่นจะเป็นสิ่งที่ลูกสามารถช่วยพ่อได้ในขณะนี้ ลูกเข้าใจที่พ่อพูดไหม”

“ฟ้าเข้าใจค่ะ..แต่คุณพ่อขาฟ้าอยากกลับบ้านค่ะ ฟ้าคิดถึงคุณพ่อนะคะ”

“พ่อรักลูกนะและคิดถึงลูกเช่นกัน.. พ่อจัดการกับปัญหาทุกอย่างเสร็จเมื่อไหร่พ่อจะไปรับลูกกลับบ้านนะ” เกรียงไกร กิจวิทยากุลพูดผ่านโทรศัพท์แผ่วเบาก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันทีเพราะไม่อยากได้ยินเสียงลูกร้องไห้เพราะนั่นจะทำให้ผู้เป็นพ่อเจ็บปวดไปด้วย

“คุณพ่อ คุณพ่อขาฟ้าอยากกลับบ้าน”

เสียงสะอื้นร้องไห้เรียกหาพ่อผ่านมือถือไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ .. น้ำใสๆจึงไหลรินจากดวงตากลมโต ฟ้างามกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ก่อนจะขว้างมันไปที่ประตูจนแตกกระจายไปทุกทิศทุกทาง เด็กน้อยก้มน้อยร้องไห้อยู่บนเตียงนอนเสียใจยิ่งนักเมื่อถูกผู้เป็นพ่อทอดทิ้งไปแบบนี้

........
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่