▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Backpack
บันทึกนักเดินทาง
[CR] 296 กิโลเมตร ปาย - บ้านจ่าโบ่ - ปางอุ๋ง เธอคือผู้พิชิตสองพันกว่าโค้ง
เราออกเดินทางจากเพชรบุรี มุ่งหน้าสู่สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ ด้วยรถบัส VIP ของสมบัติทัวร์ ในตอนกลางคืน
นอนไปบนรถ 12 ชั่วโมง หลับๆ ตื่นๆ ก็ถึงสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ ตอน 6 โมงเช้า รอขึ้นรถตู้ของเปรมประชา ซึ่งต้องเดินข้ามฟากมาฝั่งอาเขตใหม่ ใครที่เมารถ ครึ่งชั่วโมง ก่อนรถออก แนะนำให้แปะกอเอี๊ยะไว้ที่สะดือกับกินยาแก้เมาเอาไว้ก่อน มีขายที่อาเขต หรือถ้ายาแก้เมาก็เอาไม่อยู่ บนรถตู้มีถุงพลาสติกไว้คอยให้บริการ ฟรีไม่อั้นค่ะ 5555
รถแดง สัญลักษณ์เชียงใหม่ วันนี้ไม่ได้นั่ง แต่วันหลังจะกลับมานั่งแน่ๆ
ที่จะต้องขึ้น คือคันนี้ รถตู้ของขนส่งเปรมประชา โทรจองแล้วชำระค่าตั๋วผ่านไทยรูท 3 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ที่ 7-Eleven ใกล้บ้าน
จากอาเขตไปปายใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อถึงปาย ก็เดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ เราเลือกเช่าของ Aya Service ตั้งใจว่าจะไปปางมะผ้ากับปางอุ๋งด้วย ซึ่งเส้นทางจัดว่าโหดพอสมควร เพราะฉะนั้นเอาที่กำลังสูงๆ ไว้ก่อน พี่เจ้าของร้านเลือกให้ เป็น Honda Click สีชมพู 125CC พร้อมแล้วก็ลุยกันเล้ยยยยยย
แผนการเดินทางที่วางไว้ซึ่งใช้เวลารวบรวมข้อมูลและศึกษาเส้นทางกว่าสามอาทิตย์ คืนแรกตั้งใจว่าจะไปนอนดูฝนดาวตก ที่บ้านปายกลางนา แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้าฝน ก็นอนดูฝนตกน้ำท่วมนากันไปก่อน สวยงามไปอีกแบบ
บรรยากาศที่บ้านปายกลางนา หื้มมมมม >< สวยแค่ไหน ถามใจเธอดู
ภายในห้อง
ห้องสวย บรรยากาศดี เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีเกือบบ่ายสอง รีบแบกขาตั้งกล้องมุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุแม่เย็น วัดคู่บ้านคู่เมืองปาย สร้างตั้งแต่ตอนไหน ไม่มีใครรู้ จริงๆ เราไม่ใช่นักเดินทางสายธรรมะ แต่มีคนบอกว่าวิวพาโนรามาที่นี่ สวยจับใจเหลือเกิน
สักการะพระพุทธโลกุตระมหามุนี เดินขึ้นบันไดปูน ความสูงกว่า 280 ขั้น ถือว่าเป็นการทดสอบพลังความศรัทธากันไปในตัว สูงมาก ศรัทธามาก เราแวะถ่ายรูปวิวเดิมๆ ทุกๆ 50 ขั้น ไม่ใช่จะหลงใหลอะไรขนาดนั้น แต่อาศัยพักเหนื่อยแบบเนียนๆ 5555
จุดชมวิวบนพระธาตุแม่เย็น มองลงมาเห็นเมืองปาย นี่ขนาดช่วงบ่ายๆ ยังเห็นหมอก สมแล้วที่ได้รับสมญานามว่า เ มื อ ง ส า ม ห ม อ ก *
ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทาง ดูความเขียวขจีของปายหน้าฝน
ไม่นานก็ถึงสะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารญี่ปุ่นจ้างคนไทยสร้างวันละ 50 สตางค์ ใช้ช้างลากไม้สร้าง ให้ทางมาบรรจบกัน แต่พอสงครามสิ้นสุด กองทหารญี่ปุ่นถอยทัพกลับ และเผาสะพานไม้ทิ้ง ส่งผลให้ชาวเมืองปายไม่สะดวกในการเดินทาง ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างสะพานไม้ขึ้นมาเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายอีกครั้ง แต่แล้วก็เกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ น้ำป่าได้พัดสะพานไม้หายไป ทางอำเภอปายจึงขอสะพานนวรัฐเดิมของจังหวัดเชียงใหม่ มาใช้แทนสะพานไม้ที่ถูกกระแสน้ำป่าพัดทำลาย เกิดเป็นสะพานประวัติศาสตร์ท่าปายมาจนถึงทุกวันนี้
ขี่ตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึงร้านกาแฟ coffee in love สั่งกาแฟ กับเค้กชาเขียว นี่ขนาดวันธรรมดา คนยังเยอะ แต่ก็ได้ไว รสชาติระดับพอใช้ ปากกินเค้ก ตาก็กินบรรยากาศ จริงๆ ที่นี่วิวสวยงามระดับสิบกะโหลก แต่กล้องแบตหมด ก็เลยได้มาแค่ 2 ภาพ
รอดูพระอาทิตย์ตก ที่กองแลน วิเศษกว่าการรอดูแสงสุดท้าย คือภาพที่อยู่ตรงหน้า จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ ว่าต้องใช้เวลายาวนานขนาดไหน กว่าธรรมชาติจะสร้างทางเดินนี้ขึ้นมา บางจุดอันตรายมาก ตามทางเดินไม่มีอุปกรณ์ช่วยในการปีนป่าย หรือสะพานไม้ใดๆ ช่วยตัวเองล้วนๆ
จุดนี้ยื่นออกมา ความกว้างแค่ 1 คนเดิน ไม่สามารถเดินสวนกันได้ เดินคนเดียวลมพัดมาหวิวๆ เหมือนจะตกลงไป
ข อ บ คุ ณ ที่ ไ ม่ ย อ ม แ พ้ อ ะ ไ ร ง่ า ย ๆ : )
ขากลับ สะดุดตากับอีกหนึ่งแสงสุดท้าย เที่ยวมาทั้งวัน ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานที่สุด การเดินทางคนเดียว หลงแล้วหลงอีก แต่ก็ถึงจุดหมาย ไม่นานเราอาจจะลืมที่นี่ แต่สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือความรู้สึกตอนที่นั่งอยู่ตรงนี้
Do it now !!!
Sometimes " later " becomes " never "
สื่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อมาที่ปาย คือการไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินปาย 80% ของคนที่เดินสวนกัน กลับเป็นชาวต่างชาติ แปลกดี
มาปาย ไม่ลองกินข้าวปุกงาดำ เหมือนมาไม่ถึงปาย
เอาหละ หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน อำลาวันแรกที่ปาย ไปด้วยภาพบ้านปายกลางนาตอนกลางคืน หลังถ่ายภาพนี้เสร็จ ฝนก็ถล่มลงมาไม่ขาดสาย เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าโรแมนติกมาก เหมือนอยากให้ใครบางคนมาอยู่ด้วยกัน...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น