"แฟนเดย์" ในความรู้สึกของผมให้ 9/10 ชอบมากกว่ากวนมึนโฮ แต่มันไม่ใช่แนวเดียวกัน (รีวิวอย่างเดียว ไม่สปอยล์)

(ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ No spoil)

ส่วนที่ดีที่สุดของหนัง คือทุกวินาทีที่มีหน้าคุณมิวอยู่บนจอ ตอนยิ้ม ตอนหัวเราะ ตอนทำหน้าตาเบื่อหน่าย ตอนร้องไห้ ตอนสบตา
ดีจนไม่อยากละสายตาเลยครับ
จบการรีวิวสำหรับเรื่องนี้เท่านี้ครับ
5555
…..

เอาใหม่ กลับมาคุยเป็นเรื่องเป็นราว

ก่อนไปดู นี่เป็นหนังที่มีทั้งกระแสที่ทั้งชอบและไม่ชอบว่าหนังมันไม่สุดซักทาง ทำให้ผมเดาว่าหนังต้องไม่ตลาดจ๋าแน่ๆ และได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณโต้ง ผู้กำกับมาว่าตั้งใจอยากทำหนังรักล้วนๆ ที่ไม่ใช่หนังตลกซักเรื่อง ก็คิดว่าคงเป็นหนังแนวที่ต่างจาก กวน มึน โฮ แน่ๆ ซึ่งผมชอบ กวน มึน โฮ
เลยแอบคิดไว้เล่นๆ ว่าเรื่องนี้ น่าจะได้ซัก 7-8 คะแนนจากผม ... ซึ่งเป็นความคิดที่ไบแอสพอสมควร เพราะยังไม่ได้ดูหนังเลย

แต่เมื่อดูจบ ผมให้ 9 คะแนนครับ
พร้อมกับความรู้สึกที่บอกได้ว่า ชอบมากๆ และชอบมากกว่ากวน มึน โฮ
และเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงไม่ชอบหนังเรื่องนี้

ต้องเข้าใจว่าเรามักตัดสินหนังจากหน้าหนัง และตั้งความคาดหวังกับหนังไว้จากตรงนั้น
และติดกับหนังไทยที่เป็นสูตรสำเร็จ และมันต้องฟีลกู๊ด จนเอาหนังบางเรื่องไปเทียบกับบางเรื่องทั้งที่มันเป็นหนังคนละสไตล์กัน
เราเอาหนังอย่าง Wanee & Junah ไปเทียบกับ The Classic ไม่ได้หรอกครับ แม้มันจะเป็นหนังรักเกาหลีเหมือนกัน
เราเอาหนังอย่าง The Bridges of Madison Country ไปเทียบกับ Bridget Jones’s Diary ไม่ได้หรอกครับ
หนังมันมีสไตล์และการดำเนินเรื่องที่แตกต่างกัน

“แฟนเดย์ เป็นแฟนกันแค่วันเดียว” เป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องและแคแรคเตอร์ที่แข็งแรง นักแสดงเอาผู้ชมอยู่หมัด บทพูดลื่นไหลและไม่ทำให้เรารู้สึกว่ามีคำพูดประเภทจับยัดปากตัวละครในเรื่องเลย
แม้ถ้ามานึกดูจริงๆ มันอาจจะมีคำพูดประดิษฐ์อยู่บ้าง แต่การแสดงของตัวละคร และการรับส่งจังหวะที่ดี ทำให้หนังทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังมองดูชีวิตของคนสองคนจริงๆ
คนที่ไม่น่าจะเป็นแฟนกันได้ แต่สุดท้ายก็มีบางอย่างทำให้สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ กลับกลายเป็นเป็นไปได้
แม้จะช่วงเวลาแค่วันเดียว

หนังเล่าเรื่องโดยใช้พล็อตแฟนตาซี มาทำให้เกิดสถานการณ์ที่สร้างเงื่อนไขให้ตัวละครหลักได้สร้างเส้นทางแห่งความรักร่วมกันในเวลา 1 วัน
เด่นชัย (เต๋อ ฉันทวิชช์) เป็นพนักงานไอทีในบริษัทหนึ่งที่ไม่เคยมีแฟน และดูจากสภาพแล้วคงจะอีกนานที่จะมี
ความเป็นคนพูดตรงๆ และสื่อสารไม่เก่ง ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่เป็น ทำให้เขาถูกมองข้ามเป็นประจำ แต่แล้วเขาก็เจอกับ นุ้ย (มิว นิษฐา) พนักงานฝ่ายมาร์เกตติ้ง ที่เรียกชื่อเขาถูก และทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
หลังจากนั้น เรื่องคลาสสิคของโลกนี้ก็เกิดขึ้น คือ หมาแอบมองเครื่องบิน และรู้ตัวดีว่าคงยากที่จะมีวันที่สมหวัง
จนมีเหตุการณ์ที่ทำให้ นุ้ย ความจำเสื่อมระยะสั้นเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้นที่ญี่ปุ่น และมันเป็นโอกาสเดียวของเด่นชัยที่จะสวมรอยเป็นแฟนเธอ เป็นโอกาสเดียวในชีวิต และเขาคว้ามันเอาไว้ เพื่อทำให้ความรักของเขาสมหวัง
แม้จะแค่ซักวันเดียวก็ตาม และไม่รู้ว่าเมื่อจบวันนี้มันจะเป็นยังไงต่อไป

เมื่อพิจารณาจากพล็อตเรื่องแนวความจำเสื่อมวันเดียว และพระเอกได้โอกาสทำบางอย่างเพื่อชนะใจนางเอกนั้น ผมคิดว่ามันสามารพลิกไปเป็นหนังโรแมนติคคอมมิดี้ ซึ้งๆ ขำๆ ฟีลกู้ด แฮปปี้เอนดิ้งได้ไม่ยากเลยนะครับ
แต่ปรากฏว่าทีมเขียนบททั้งสามคน (คุณโต้ง คุณเต๋อ คุณแอ้ม) ไม่เลือกแนวทางนั้น
เขาเลือกสร้างแคแรคเตอร์เด่นชัย ให้เป็นคนที่เราคนดู ดูแล้วยังไงก็ไม่มีทางจีบนางเอกติดแน่ๆ แม้จะกระทั่งมีโอกาสขนาดนี้ก็ตาม
มันทำให้หนังครึ่งแรก มันมีความขำนิดๆ และสมเพชพระเอกอยู่ในที
และมันทำให้ผมซึ่งเป็นคนดู พอจะเดาออกว่าสุดท้ายหนังมันจะจบลงทีไหน แต่เราก็อยากจะติดตามดูชีวิตของเขาในหนึ่งวันนี้กันต่อไป

หนังจึงไม่ได้มาพร้อมกับมุกตลกหนักๆ ที่ทำให้เราหัวเราะกันครึ่งเรื่อง แต่มันมาพร้อมกับความขำในความแป้กของพระเอก และทำให้เราอมยิ้มกับหลายๆ ตอน
แต่มันก็มีความรู้สึกหนักๆ อยู่ในใจเราอยู่ตลอด เมื่อเรารู้ตลอดเวลาว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แม้ว่านางเอกในเรื่องจะไม่รู้ก็ตาม
มันทำให้เรารู้สึกว่า เดี๋ยวอีกไม่นานมันต้องมาถึงจุดๆ หนึ่งแน่ๆ

คุณเต๋อ แม้จะติดภาพพระเอกทะเล้นมาจากหนังเรื่องก่อนก็ตาม แต่ในความรู้สึกของผม แม้ตอนแรกๆ ผมจะรู้สึกว่า เออ เด่นชัย มันก็ไม่เหมาะจะมีแฟนอย่าง นุ้ยแน่ๆ แต่เมื่อหนังดำเนินเรื่องผ่านไปซักพัก มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่า คนเราทุกคนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
ในกรณีนี้ เด่นชัย คงไม่ใช่หนุ่มในฝันของสาวจำนวนมาก แต่ถ้าได้รู้จักจริงๆ เขาเป็นคนที่น่ารัก เอาใจและใส่ใจผู้หญิงที่เขารักจริงๆ ซึ่งผู้ชายหน้าตาดีจำนวนหนึ่งอาจจะไม่มีสิ่งนี้ก็ได้
เมื่อดูจนถึงจบ ผมเชื่อว่าเต๋อ คือเด่นชัย

ส่วนคุณมิว อย่างที่บอกเอาไว้ต้นเรื่องนั่นแหละครับ ทุกๆ เวลาที่มีหน้าคุณมิวขึ้นจอมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนัง และการแสดงของคุณมิวในบทนุ้ย มันช่างละเอียดและเนียนตาจนผมตกใจ
คือ ผมไม่ได้เป็นแฟนละครใดๆ มาก่อน ทำให้ผมไม่รู้ว่าระดับการแสดงของคุณมิวอยู่ในเลเวลไหน
แต่จากเรื่องนี้ ก็บอกได้เลยว่าแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว และเธอได้กลายเป็นภูเขาเอเวอร์เรสต์ของผู้ชายครึ่งค่อนประเทศไปแล้วเรียบร้อย
อะไรจะยิ้มน่ารักได้ขนาดนั้น
เป็นผู้หญิงบนจอหนังคนที่สามที่ผมหลงรักในรอยยิ้มของเธอ ต่อจาก ซอนเยจินจากเรื่อง The Classic และคุณนุ่น ศิรพันธ์จากเพื่อนสนิท
อย่างที่ผมบอกว่าคุณมิวเอาอยู่ในการแสดง โดยเฉพาะจังหวะการพูด มันดูเป็นธรรมชาติและน่ารัก ไม่ว่าจะทำหน้าตาเบื่อหน่าย หรือหัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใส เราก็ไม่อยากคลาดสายตาเลยทีเดียว
จนผมคิดว่า หนึ่งในความไม่สมเหตุสมผลของหนังเรื่องนี้ คือ เป็นไปได้ยังไงที่มีผู้ชายเพียงแค่สองคนในบริษัทนี้ที่แสดงความชอบในตัวนุ้ย

บทภาพยนตร์คือหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดเช่นกัน การสร้างเงื่อนไข แคแรคเตอร์และการลำดับเรื่อง เป็นไปอย่างเหมาะสม การตัดสินใจของตัวละครออกมาในแนวทางที่ควรจะเป็น กิมมิคของเรื่องราว และเนื้อหาเชิงสัญลักษณ์ถูกใส่เข้ามาอย่างถูกที่ถูกเวลา
หนึ่งคะแนนที่ผมตัดไป เป็นเรื่องความชอบส่วนตัวมากกว่า ซึ่งผมรู้สึกว่าซีนอารมณ์ในช่วงท้ายของหนังในห้องนอนนั้น ผมคาดหวังซีนที่มันหนักและละเมียดมากกว่านี้ แต่เท่าที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้แย่อะไร

งานกำกับภาพเป็นอะไรที่ปังมาก โลเคชั่นดีมาก มุมกล้องในแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นจากหนังไทยซักเท่าไหร่

ฉากโรแมนติคที่ดีที่สุดคงเป็นซีนจ้องตา
และฉากที่อมยิ้มที่สุดคงเป็นเอเวอร์เรสต์
และแน่นอนว่าผมร้องไห้ให้กับฉากที่นางเอกอัดวิดีโอ เพราะผมรู้ดีว่าสิ่งที่นางเอกพูด และพยายามทำนั้น สุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไง
ผมอาจจะอินกับตอนนี้มาก เพราะเคยมีคนพูดคล้ายๆ กันแบบนี้กับผม 555

สุดท้ายแล้ว “แฟนเดย์” มันคงเป็นหนังที่โดนใจของคนที่เคยมีประสบการณ์แอบรัก
สำหรับบางคนที่เคยคิดว่าจะมีโอกาสซักครั้งไหมที่ได้บอกรักคนที่เราเคยแอบรัก คงชอบเรื่องนี้
เพราะนอกจากพระเอกจะได้บอกรักนางในฝันของเขาแล้ว เขายังได้มีโอกาสคบกันเป็นแฟนอีกตั้ง 1 วันแหน่ะ
สำหรับบางคน 1 วันคงเป็นเวลาที่สั้นมาก
แต่กับบางคนมันก็เพียงพอแล้ว
สำหรับเด่นชัยมันคงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา แม้ว่าเขาอาจจะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อไป มันจะออกหัวออกก้อย มันจะผิดหวังหรือสมหวัง
ถ้าจะให้เรามองในฐานะคนนอก บางทีเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราควรจะอิจฉาเด่นชัยดีไหม
จะ 1 วัน หรือ 495 วัน ถ้าเกิดว่าเรารู้ว่ายังไงก็ต้องลืมกัน เราจะเลือกช่วงเวลานั้นมาใส่ในชีวิตของเราหรือเปล่า
แต่เราเป็นคนนอกไง ความรักเป็นสิ่งที่เราแนะนำคนอื่นได้ แต่เวลาเป็นเราเอง เราก็ทำไม่ค่อยจะได้เช่นกัน
ถ้าเป็นผม ผมก็คงเลือกเก็บมันไว้ในชีวิตอยู่ดี แม้จะรู้ว่าวันนึงทุกอย่างก็ต้องกลับไปเหมือนเดิม
อย่างน้อยเธออาจจะจำมันไม่ได้แล้ว
แต่ผมยังจำได้อยู่เสมอ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่