แอบรักเพื่อนตั้งแต่เด็กตอนนี้ก็ยังไม่กล้าบอก

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์แอบชอบเพื่อน ซึ่งภาษาการเรียบเรียงอะไรของผมอาจจะไม่ดูสวยงามเท่าไหร่ก็ขออภัยด้วยครับ

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว สมัยม.ต้น ผมได้อยู่จักกับผู้หญิงคนนึงเราอยู่ห้องเดียวกัน ซึ่งเจอครั้งแรกผมก็คิดว่าน่ารักดีน่ะ แต่ก็ไม่กล้าที่จะคุย แต่ถึงยังไงมันก็มีวิชาที่ต้องจับกลุ่มกัน ซึ่งบางทีเราก็อยู่กลุ่มเดียวกัน ก็จะมีพูดคุยกันบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องงานที่ต้องทำด้วยกันนั่นแหล่ะ จนมีช่วงนึงที่ตอนนั้นห้องได้จัดใหม่เปลี่ยตำแหน่งที่นั่งใหม่ ผมและเพื่อนสนิทผมได้ไปนั่งอยู่ด้านหลังเธอ นั่นทำให้เราได้พูดคุยกันมากขึ้น จริงๆส่วนมากจะเป็นยืมของสะมากกว่า จนเวลามันผ่านไปเราก็สนิทกันมากขึ้น เวลาจับกลุ่มกันไม่ว่าจะงานกลุ่มหรือพูดคุยกันก็จะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ด้วยความสนิทกันและด้วยความที่ผมคิดว่ารู้จักเธอมากพอสมควร ความรู้สึกมันก็เริ่มเปลี่ยนไป ยอมรับว่าตอนนั้นผมก็เริ่มแอบชอบเธอไปแล้วนิดนึง จนมีวันนึงเพื่อนสนิทของผมมันมาบอกว่สชอบเธอ ก็ยอมรับว่าอึ้งไปเลยเหมือนกัน แต่ด้วยตอนนั้นผมก็ไม่กล้าจะบอกมันเหมือนกันว่าผมก็ชอบเธอ แถมดันบอกไปด้วยว่าจะช่วยจีบให้ และเคยมีครั้งนึงที่ผมบอกเพื่อนว่าจะเขียนจดหมายรักให้ ซึ่งจดหมายนั้นผมก็เขียนขึ้นมาจากใจของผมที่อยากจะบอกความรู้สึกให้เธอรู้ แต่คนๆนั้นมันคือเพื่อนผมไม่ใช่ตัวผม ตอนนั้นผมก็คิดได้ว่า ยังไงซ่ะเป็นเพื่อนกับเธออ่ะดีที่สุดแล้ว หลังจากนั้นทั้ง 2 คนก็เหมือนจะสานสัมพันธ์กัน แต่ก็ไปกันไม่รอด ตอนนั้นผมกับเธอก็แทบจะเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนผมสมัยประถมก็มาจีบเธอ ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันจนผมกับเพื่อนสมัยประถมก็สนิทกันไปด้วยจนถึงทุกวันนี้เลย แต่มันมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือเพื่อนสมัยประถมคนนี้มันมีนิสัยค่อนข้างเจ้าชู้ ซึ่งเราก็คอยเตือนๆเธอบ้าง จริงๆแล้วเพื่อนหลายๆคนก็ไม่โอเคที่ทั้งคู่คบกับ ใช่รวมถึงผมด้วยแหล่ะ แต่จะยังไงได้หล่ะมันเรื่องของเขา แต่ว่าการที่ทั้งคู่คบกันมันก็มีเรื่องดีคือ เพื่อนสมัยประถมเมื่อก่อนค่อนข้างเกเร ไม่ขยันเรีย ผมการเรียนแย่ แต่เมื่อตอนคบกัน ทุกอย่างมันดีขึ้น จากเมื่อก่อนเรื่องเรียนมันสู้ผมไม่ได้เลย แต่แค่ปีเดียว ผลการเรียนมันแซงผมไปเยอะเลย เรื่องพฤติกรรมต่างๆก็ดีขึ้นมากอย่างกะคนละคนสมัยประถมเลย ในส่วนของผมนั้นยอมรับเลยว่าถึงเธอจะเป็นแฟนเพื่อนแล้ว แต่ยิ่งใกล้ชิดยิ่งผูกพันธ์มันก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้ แต่เลือกที่จะเก็บมันได้ ผมเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้จนจบม.ต้น และก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อที่อื่น ตอนนั้นเองผมก็บอกกับตัวเองว่า เราจะเป็นเพื่อนกับเธอตลอดไปไม่ว่ายังไงก็ตามและจะเลิกคิดแบบนั้นกับเธอ อยู่ด้วยกันแบบนี้เป็นพี่น้องที่คอยช่วยเหลือกัน ตอนผมไปเรียนต่อก็เจอผู้หญิงอื่นมากมาย จะบอกว่ามีหลายคนที่ชอบ เคยคุยกับหลายคนแต่ก็ไม่เคยจบด้วยการเป็นแฟนกันซักที ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม มีหลายครั้งที่เจอคนที่คิดว่าใช่ แต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อน หรือไม่ก็พี่น้องกันซ่ะส่วนใหญ่ ระหว่างที่เรียนเรากับเธอก็ติดต่อกันบ้าง พูดคุยตามปะสาเพื่อน จนวันนึงผมรู้ว่าเธอกับเพื่อนสมัยประถมเลิกกัน ซึ่งผมเองก็รู้ดีว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ เธอเสียใจมาก อาการเธอตอนนั้นค่อนข้างหนักมาก มันทำให้ผมรู้สึกว่า ส่วนนึงมันก็ความผิดของผมที่คอยสนับสนุนให้คบกัน จนถึงทุกวันนี้ผมเองก็ยังรู้สึกผิดแบบนั้นอยู่ ผมไม่เคยเคยถามเธอหรือเพื่อนสมัยประถมว่าทำไมถึงเลิกกัน เพราะพวกมันเองก็คงไม่อยากพูดเช่นกัน ผมทำได้แค่บอกเธอว่าไม่เป็นไร เพียงแค่นั้นจริงๆ เวลาผ่านไปไม่นานเธอก็มีแฟนใหม่ ส่วนผมก็มีคุยอยู่กับผู้หญิงคนนึง แต่ก็เช่นเคย จบด้วยการเป็นเพื่อนเหมือนเคย จนเรียนจบมีการมีงานมีเงินใช้ เรากับเธอและเพื่อนมีโอกาสก็ไปเที่ยวด้วยกันบ้างพูดคุยกันบ่อยขึ้น ตอนนั้นเองผมก็ชอบเที่ยวกลางคืน คือต้องไปทุกสุดสัปดาห์ ซึ่งผมก็เจอผู้หญิงมากมาย บางทีก็มีอะไรแบบนั้นบ้าง แต่ก็ต่างคนต่างไม่ได้จริงจัง หลายครั้งนะผมก็ตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครซักที เวลาที่มีคนเข้ามาในชีวิต บางมันก็เหมือนเรานั่นแหล่ะที่เป็นคนกันออกไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีเวลาบ้างแหล่ะ ทำงานบ้างแหล่ะ ชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียวบ้างแหล่ะ คิดๆดูแล้ว มันแค่ข้ออ้างป่าวว่ะ มันเกิดคำถามแบบนี้ตลอด จนวันนึงผมรู้ว่าเธอเลิกกับแฟนแล้ว ซึ่งสาเหตุก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมก็ไม่เคยคุยหรือให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ ไม่เคยแม้แต่จะพูดเลย เพราะรู้ว่าสิ่งที่เธอจะผ่านไปได้ก็คือให้เรื่องมันเงียบและผ่านไปเองนั่นแหล่ะคือวิธีที่เธอจะผ่านมันไปได้ดีที่สุด ตอนนี้เราเจอกันบ่อยขึ้น ได้คุยไลน์บ้าง คุยเฟสบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง นานไปมันทำให้ผมรู้ว่า ความรู้สึกเมื่อก่อนที่เหมือนว่ามันจะหายไปแล้ว มันไม่เคยหายไปเลย ผมยอมรับหัวใจตัวเองว่าตลอดเวลา ผมมีแค่เธออยู่ในใจเสมอ และสักวันนึงถ้ามันถึงเวลาที่พร้อมผมอยากจะบอกไป

ก็ขอจบเรื่องไว้แค่นี้ครับ ซึ่งตอนนี้เองผมก็ไม่รู้จะจัดการความรู้สึกนี้ยังไงดี ต่อจากนี้จะเป็นยังไง จะมาเขียนไว้อีกที ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่านด้วย ถ้าการเรียบเรียงภาษาหรือเนื้อหาไม่ถูกใจใครขออภัยจริงๆด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่