เสร็จจากตลาดปลาแล้วก็เดินทางไปยังเมืองเก่าของภูเก็ตกันค่ะ ซึ่งตัวเราเองไม่เคยหาข้อมูลท่องเที่ยวของภูเก็ตมาก่อนเลย โชคดีที่ครั้งนี้ได้คุณดอม ประธานชุมชนเมืองเก่าภูเก็ตมาเป็นไกด์ให้พวกเราค่ะ
โดยการเดินชมเมืองครั้งนี้อ้างอิงจากรอย Street Art ตามสถานที่ต่างๆของตัวเมืองเก่าโดยมีทั้งสิ้น 12 แห่งด้วยกัน
ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชาวภูเก็ตดั้งเดิม ที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นมาแต่อย่างใด รวมไปถึงตึกรามบ้านช่องทรงเก่าแก่ ที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จุดหมายแรกของพวกเราอยู่ที่อาคาร The Chartered Bank ซึ่งเคยมี Street Art หมายเลข 1 อยู่บนผนัง แต่มีความจำเป็นต้องถูกลบออกไปค่ะ (ช่วงนั้นเรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ค่อนข้างดังพอสมควร ขนาดว่าคนที่ไม่ค่อยตามข่าวอย่างเราก็ยังแอบเห็นผ่านตามาด้วย)
Street Art เมืองไทย ไม่ต้องไปไกลถึงปีนัง x ภูเก็ตที่กินที่เที่ยว ที่เดียวกัน
ความที่ไม่เคยไปภูเก็ตมาก่อน เมืองท่องเที่ยวที่นักเดินทางต่างหลั่งไหลเข้าไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้มีความคิดแปลกๆว่า คงจะเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูง ฝรั่งเพียบ ทุกคนมุ่งไปที่ชายหาด ใส่บิกินี่นอนอาบแดด ตกกลางคืนมาก็นั่งชิวที่พับหรือบาร์เก๋ๆ แต่การเดินทางไปกับททท.ครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิงค่ะ
ถ้ารักอาหาร ชอบออกเที่ยว แต่ยังมิวายอยากจะดูแลสุขภาพ หากชอบตรงกันมาเป็นเพื่อนกันนะ :3
Facebook : www.facebook.com/tinypach
เริ่มต้นการเดินทางจากดอนเมือง โดยสายการบินนกแอร์ ไฟล์DD7500 ตอนตี5:40 ค่ะ (เช้ามากกก) พอขึ้นบนเครื่องก็ตัวใครตัวมันหลับก่อนได้เปรียบ แต่พอได้ยินเสียงรถเข็นปุ๊บเป็นต้องตื่นมารับขนม
7:00 ก็ถึงสนามบินภูเก็ตค่ะ ก้าวออกมาก็เห็นป้ายเตือนภัยอยู่บนหัว แล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พี่ๆน้องๆที่ร่วมทริปด้วยกันก็พร้อมใจมุ่งหน้าไปยังร้านจ่วน
ไปใต้ทั้งที ไม่ดื่มชาเย็นได้ยังไงเนอะ ที่นี่สั่งหวานน้อยเขาก็ทำแบบหวานน้อยให้ค่ะ (ถูกใจคนที่กำลังคุมน้ำตาลแน่นอน)
อาหารแนะนำของที่นี่เห็นจะเป็น 'หมี่หุ้นแกงปู' ลักษณะจะคล้ายๆกับเส้นหมี่ขาวเลยค่ะ แกงปูเขาทำหอมมาก รสชาติกลมกล่อมเผ็ดนิดๆ (แต่คนกินเผ็ดไม่เก่งอย่างเราโดนไปคำเดียวน้ำหูน้ำตาก็ร่วงแล้ว 555)
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปยังท่าเทียบเรือภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งที่มีเรือจับปลา และการประมูลปลาเพื่อส่งไปยังตลาดสดและร้านอาหารต่างๆทั่วจังหวัดภูเก็ตค่ะ
คุณน้าชาวประมงท้องถิ่นเห็นเราเข้าไปถ่ายรูปปลา ก็เดินเข้ามาสอบถามค่ะว่าถ่ายไปทำไม พอเขารู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่นมาเที่ยวภูเก็ตเป็นครั้งแรก คุณน้าก็จัดแจงหาปลาทูน่าพันธุ์ต่างๆมาอธิบายถึงข้อแตกต่าง รวมถึงโชว์รูปปลาในมือถือให้ดูด้วย แต่ละตัวไซส์บิ๊กๆทั้งนั้น
เสร็จจากตลาดปลาแล้วก็เดินทางไปยังเมืองเก่าของภูเก็ตกันค่ะ ซึ่งตัวเราเองไม่เคยหาข้อมูลท่องเที่ยวของภูเก็ตมาก่อนเลย โชคดีที่ครั้งนี้ได้คุณดอม ประธานชุมชนเมืองเก่าภูเก็ตมาเป็นไกด์ให้พวกเราค่ะ
โดยการเดินชมเมืองครั้งนี้อ้างอิงจากรอย Street Art ตามสถานที่ต่างๆของตัวเมืองเก่าโดยมีทั้งสิ้น 12 แห่งด้วยกัน
ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชาวภูเก็ตดั้งเดิม ที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นมาแต่อย่างใด รวมไปถึงตึกรามบ้านช่องทรงเก่าแก่ ที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จุดหมายแรกของพวกเราอยู่ที่อาคาร The Chartered Bank ซึ่งเคยมี Street Art หมายเลข 1 อยู่บนผนัง แต่มีความจำเป็นต้องถูกลบออกไปค่ะ (ช่วงนั้นเรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ค่อนข้างดังพอสมควร ขนาดว่าคนที่ไม่ค่อยตามข่าวอย่างเราก็ยังแอบเห็นผ่านตามาด้วย)
สังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าสีสันของอาคารต่างๆในตัวเมืองจะมีโทนสีคล้ายๆกัน และไม่แปลกแยกมาก ทางคุณดอมอธิบายว่าทางกลุ่มชุมชนเก่าภูเก็ตได้มีการกำหนดสีให้เจ้าของตึกเลือกทา ซึ่งอ้างอิงสีเหล่านี้มาจากประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของเมืองค่ะ
Street Art ชิ้นที่ 2 และ 3 จะอยู่ที่ทางเข้าโรงแรมสินทวีภูเก็ต สื่อถึงอาหารเช้าอย่างเสี่ยวโบ๋ยของจีนไปจนถึงขนมจีนแบบไทย และ กาแฟยามบ่าย หรือ โกปี๊ ที่เป็นสิ่งเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง (งานอาร์ตเราต้องตีความนิดนึงค่ะ 55)
พอกำลังจะเดินทางต่อฝนก็เทลงมาหนักมากค่ะ ทำให้พวกเราติดเหง็กกันอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ๆเลยทีเดียว แต่ก็ได้อีกบรรยากาศนึงดีนะคะ
เมื่อฝนหยุดแล้วก็เดินทางกันต่อค่ะ ระหว่างถ่ายโน่นถ่ายนี่เราก็เอะใจขึ้นมา ทำไมบางภาพมันดูโล่งแปลกๆ พอสังเกตดีๆ เฮ้ยมันไม่มีสายไฟ
ภาพที่ 6 นี่ความหมายก็น่ารักไม่ใช่น้อยเลย ปิกนิกริมเลและงานเดินเต่า เป็นประเพณีในอดีตที่ชาวภูเก็ตจะไปรวมตัวกันที่ชายหาดเพื่อเก็บไข่เต่ามาฟัก และเมื่อเต่าโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วก็จะถูกปล่อยกลับทะเล แต่ช่วงหลังมานี่ถูกเปลี่ยนเป็นการทำอาหารไปกินกันที่ริมทะเลแทนค่ะเนื่องจากผู้คนที่เข้าร่วมงานเพิ่มมากขึ้น การดูแลการเก็บไข่เต่าจึงเป็นเรื่องที่ยากและเสี่ยงต่อการสูญหายของไข่ด้วย
ภาพกว้างและสูงมาก ถ่ายไม่ถึง มนุษย์ไซส์มินิขอถ่ายเต่าตัวน้อยนี่แทนก็ได้ 555
ภาพนี้อยู่ด้านข้างของโรงแรม Peng Man เลยค่ะ
ระหว่างเดินไปจุดหมายต่อไปเห็นคุณป้ากำลังเรียงขนมอย่างขะมักเขม้น ก็อดขอถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ คุณป้ายิ้มเขินๆแล้วตอบว่าถ่ายเลยๆ นี่เลยเป็นเหตุผลที่เราชอบออกไปโน่นไปนี่ด้วยมั้งคะ เพราะเวลาเราคุยกับคนที่ไม่รู้จักแล้วเขาเป็นมิตรตอบ มันรู้สึกหัวใจฟูฟ่องจริงๆนะ
ศาลเจ้าแสงธรรมเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่มากๆของภูเก็ต ซึ่งบรรพบุรุษชาวจีนรุ่นบุกเบิกที่อพยพเข้ามาตั้งหลักแหล่งได้ร่วมกันสร้างขึ้นและได้รับการดูแลรักษาสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้
ออกจากศาลเจ้าเดินเลี้ยวขวามาเราแอบไปเห็นร้านหนังสือเก่ามาค่ะ มีหนังสือนิยายเรื่องสั้นจากหลากหลายมุมของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ เยอรมัน นอร์วิเจียน มีหมดเลย แถมหนังสือแต่ละเล่มได้รับการเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีด้วย ถึงแม้จะดูเก่าแต่ไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักเล่ม
ข้ามถนนจากร้านหนังสือก็จะมี Street Art อีก 1 ภาพ ซึ่งสื่อถึงรถเข็นแผงลอยที่สะท้อนความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของชาวภูเก็ตค่ะ
เดินมากว่าครึ่งวันเริ่มเหนื่อยและหิว(อีกแล้ว)ค่ะ ร้านโกปี้เตี่ยม เป็นร้านดั้งเดิมในชุมชนเมืองเก่าแห่งนี้ มีโต๊ะแบบทั้งOpened-air กับห้องแอร์ให้เลือกเลย แต่ร้านที่ไม่ติดแอร์จะคนเยอะกว่าเนื่องจากเป็นร้านสาขาแรก แต่อาหารก็ออกจากครัวเดียวกันค่ะ
อาหารและขนมภายในร้านจะเป็นแบบที่ชาวพื้นเมืองภูเก็ตทานกันเลย พวกเราเองก็กลัวสั่งผิดสั่งถูกเลยต้องขอคำแนะนำจากคุณเจ้าของร้าน ซึ่งเมนูแนะนำก็จะมี หมูทอดเครื่อง บะกุ๊ดเต๋ น้ำซุปคั่ว ฉ้ายแช้ กุ้งสัมมาย หมี่ฮกเกี้ยน+ไข่ หมี่สำผัด และ หมูฮ้อง
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าบะกุ๊ดเต๋ของร้านนี้หอมเครื่องเทศกว่าที่สิงคโปร์เยอะมากๆค่ะ ตักกินเพลินจนลืมถ่ายรูปเลยทีเดียว 555
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เหล่าสาวๆก็พากันไปแปลงกายใส่ชุดบ้าบ๋า ย่าหยา ชุดประจำถิ่นภูเก็ตที่ร้านโตราคานสโตร์ค่ะ
ที่นี่มีทั้งชุดแบบเช่าและซื้อกลับบ้านให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ สำหรับราคาเช่าจะเริ่มต้นที่ 700 บาท รวมเครื่องประดับ ซึ่งไม่จำกัดเวลาในการเช่าด้วยค่ะ (ติดต่อคุณคาร์ลเจ้าของร้านได้ที่เบอร์ 084 305 3960เลย)
และแน่นอนว่าไหนๆก็แต่งองค์ทรงเครื่องแล้ว ไปเดินเล่นในเมืองเก่าแล้วถ่ายรูปให้เข้าThemeหน่อยจะเป็นไรไปเนอะ ไปต่อกันที่ Street Art ภาพถัดไปกันเลยค่ะ
**มีต่อในคอมเม้นด้านล่างค่ะ**