
ถ้าพูดถึงประเทศสิงคโปร์ ทุกคนก็คงคิดถึงพี่สิงโตพ่นน้ำ Merlion แล้วก็เมืองที่มีตึกสูงๆเต็มไปหมด อย่าง Marina Bay Sand ที่อยู่ใกล้ๆพี่สิงโตเป็นต้น เราเองก็คิดแบบนั้น เพราะเคยไปเมื่อสองปีที่แล้ว 2 วัน 1 คืน ทริปสั้นๆหลังจากมาเลเซีย ตอนนั้นเราจำได้แค่ว่าไปเที่ยวครบตามแลนด์มาร์ค ไปเยี่ยมพี่สิงโต ไป USS ประมาณนี้ แต่ที่แม่นกว่าคือเพื่อนโดนกักที่ ตม. ฝั่งเข้าจากมาเลเซีย อันนั้นจำได้แม่นกว่าไปเที่ยวอีก 5555 ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาเที่ยวอีกในเร็วๆนี้ แต่ช่วงที่ผ่านมา ได้อ่านรีวิวของหลายๆคนในพันทิป ที่ไปเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เป็นธรรมชาติของสิงคโปร์ เฮ้ยยยย สิงคโปร์มีแบบนี้ด้วยเหรอ?? มันกระตุ้นต่อมผู้หญิงสายธรรมชาติ(ลงโทษ)อย่างเราเหลือเกิน ขอบคุณเจ้าของรีวิว ด้านล่างมา ณ ที่นี้ค่า (จริงๆอาจมีเยอะกว่านี้ แต่เราไม่ได้เซฟกระทู้ไว้ ยังไงก็ขอบคุณไว้ด้วยนะคะ)
คุณ Komushiru
http://pantip.com/topic/35014816
น้องปั้น The Walking Backpack
http://pantip.com/topic/34252990
คุณ WBTT
http://pantip.com/topic/34990828
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ทริปนี้เราเดินทางเมื่อวันที่ 24-26 มิ.ย ที่ผ่านมา เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของเราด้วย แอบตื่นเต้นเล็กๆ อย่างที่บอกไปว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ เราตั้งใจจะไปตามหาธรรมชาติในสิงคโปร์ เลยเสิร์ชหาพวก park ต่างๆของที่นี่ จนไปเจอเว็บนี้
https://www.nparks.gov.sg/gardens-parks-and-nature/walks-and-tours/going-on-a-diy-walk เป็นเว็บของรัฐบาลสิงคโปร์ เกี่ยวกับ National Park ที่รวบรวมเกี่ยวกับเส้นทางการเดินป่า หรือเส้นทางชมธรรมชาติต่างๆไว้ แล้วแต่เวลาและความชอบของแต่ละคนเลย เรานี่อยากไปให้ครบทุกเส้นทางนะ แต่เวลาไม่อำนวย 555 ส่วนการเดินทางเราใช้บริการ www.gothere.sg ทั้งตอนวางแพลนแล้วก็ใช้หน้างานตอนอยู่ที่นู่นด้วย เป็นเว็บที่ใช้สะดวกมาก แค่ใส่หมายเลขป้ายรถเมล์ที่เราอยู่ แล้วก็ที่ที่จะไป แค่นี้เค้าก็บอกเส้นทางได้หมด อันไหนใช้เวลาเท่าไหร่ ค่ารถเท่าไหร่ พี่ปลื้มมมมม แต่ถ้าโง่ใส่เลขป้ายรถเมล์ผิดแบบพี่ก็โทษเค้าไม่ได้นะ 5555
อุปกรณ์ท่องเที่ยวของเราไม่มีอะไรมาก แพลนเที่ยว พาสปอร์ต กล้อง 1 ตัวกับเป้ 1 ใบ พร้อมลุย!!!
ที่เห็นเป็นสมุดสีดำๆ เยินๆ นั้น ไม่ใช่บัญชีหนังหมาที่ไหน แพลนเที่ยวเราเอง ปรับหลายรอบเลย แต่หน้างานก็ไม่ตามแพลนอยู่ดี 5555 หน้าตาประมาณนี้ (กับการทำงานตั้งใจขนาดนี้มั๊ย ตอบเลยว่าม่ายยยยยยย)
Day 1 : 24 June 2016
เราออกเดินทางด้วยสายการบิน Jetstar เที่ยวบิน 9.25น. ถึงสิงคโปร์เวลา 12.50น. ตามเวลาสิงคโปร์ที่เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ค่าเครื่องบินเราซื้อตอนโปรช่วงต้นปีประมาณ 2,7xx บาท
พอเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ก็เจอฝนเลย แต่ตกปรอยๆ ฟ้าครึ้มๆ ขมุกขมัวมาก แอบหวั่นๆใจ จะได้เที่ยวมั๊ยเนี่ย?? พอออกจากเครื่องบินมาก็เดินไป Plaza Premium Lounge ใช้สิทธิ์บัตรเครดิต KTC Platinum เข้าใช้ฟรีซะหน่อย (จริงๆ คือหิวมาก ขอหาของกินประทังท้องไปก่อน) ทางไปก็คือออกจากเครื่อง เดินตามเค้ามาเรื่อยๆ สังเกตป้ายที่เขียนว่า Lounge แล้วชี้ขึ้นข้างบนทางขวามือ เดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาก็เจอเลย มาถึงก็ยื่นบัตรเครดิต พาสบอร์ดแล้วก็บอร์ดดิ้งพาสให้พนักงาน พนักงานที่นี่น่ารักมากกกกกก บริการดี๊ดีย์ มีชวนสมัครสมาชิกฟรี แถมซิมใช้เนตฟรีมาอีก แต่เราไม่ได้ใช้นะ ใช้ไม่เป็น 5555 เข้ามาก็พุ่งไปที่เคาน์เตอร์อาหาร สั่ง laksa มาตามรูปเลย รสชาติอร่อยใช้ได้ หรือเพราะหิวก็ไม่รู้นะ โดยรวมก็ถือว่าดี คนใช้น้อย เดินตักของกินสบายเลยเรา 555
ท้องอิ่มแล้วเราก็มีแรงไปต่อ ลงบันไดเลื่อนลงมา เดินไปทางขวาเจอบูธธนาคาร RHB แวะซื้อซิมการ์ดของ Singtel tourist sim ราคา 15 SGD พนักงานขายบอกไม่ต้องทำอะไร เปลี่ยนซิมละใช้ได้เลยไม่ต้องติดตั้งอะไร มันดีตรงนี้! จากนั้นเดินท่องในใจ Train to T2 เพราะจำได้ว่าในรีวิวให้มาขึ้นรถไฟฟ้าที่นี่ พอไปถึงตม.ที่นั่นไล่กลับ บอกว่าเข้า terminal 1 ให้ไป ตม ที่นั่น แต่?? มีด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็น เดินงงๆ นั่งรถรางกลับไปใหม่ ปรากฏอยู่ตรงทางเข้าสถานีรถรางเลย แต่นี่มองไม่เห็น มัวแต่หาป้ายไป T2 ปล่อยไก่ตั้งแต่เข้าประเทศเค้าเลย คราวที่แล้วก็มาทางรถบัสจากมาเลเซีย ไม่ได้เข้ามาทางเครื่องบิน เอ๋อเลยเรา 555 เดินผ่านพี่ ตม. แบบเตรียมพร้อมเต็มที่ ทั้งใบจอง รร. ตั๋วเครื่องบินขากลับ แพลนเที่ยว บัตรพนักงาน เพราะคราวที่แล้วมาเพื่อนโดนกัก คราวนี้มาคนเดียวเลยต้องเตรียมพร้อมหน่อย ปรากฏพี่แกเรียกแค่ชื่อเรา แล้วก็ปล่อยผ่านเฉ้ยยยย เอิ่มมม ถามไรหนูซักคำสิค๊า อุตสาห์เตรียมมา โถ่วววว หลังจากผ่านพี่ ตม. มาเรียบร้อยก็เดินตามป้าย Train to city ไป T3 เอ๊ะ! ทำไมไป T3 หว่า ไม่ใช่ T2 เหรอ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย แต่ก็เดินตามๆเค้าไปจนเจอสถานีรถไฟฟ้า ดีใจน้ำตาจะไหล ตรงดิ่งไปซื้อบัตร EZ-link ได้บัตรมาลาย little twin star มีความมุ้งมิ้งไปอี๊กกกกก

ที่แรกที่เราจะไปคือ Fort Canning Park ไปถ่ายรูปอุโมงค์ต้นไม้ ส่วนวิธีไปนั้นก็ตามรีวิวของคุณ Komushiru (
http://pantip.com/topic/34886451) อธิบายละเอียดเลย ออกทางออก B สถานี Dhoby Ghaut มาเจอห้าง Park Mall
เดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ เดินเข้าอุโมงค์มาเราก็เจอแล้ว แลนด์มาร์คแรกของเรา แท่นแท๊นนนนนน
โชคดีตอนเรามาฝนเพิ่งหยุดไป บรรยากาศชุ่มฉ่ำเชียว เดินไปทางขวา เจอกำแพงสวยๆ
ทีนี้ก็เดินขึ้นมา ข้ามถนน เดินไปทางขวา ลงเนินมาเจอ National Museum อยู่ทางขวามือ
เดินย้อนกลับมาทางสถานี Dhoby Ghaut ผ่านโบสถ์ Orchard Road Presbyterian Church แชะภาพมาแว๊บนึง
จากนั้นเดินไปถนน Orchard ไปป้ายรถเมล์ ใช้บริการพี่ gothere หาสายรถเมล์ไปที่พักแถว chinatown การขึ้นรถเมล์ที่นี่ก็ง่าย ขึ้นประตูหน้าแตะบัตร พอถึงป้ายที่จะลง กดกริ่ง แตะบัตรอีกรอบตอนลงประตูหลัง แค่นี้ก็เสร็จละ แต่ต้องสังเกตป้ายรถเมล์ไปเรื่อยๆอ่ะ จำเลขป้ายที่จะลง เราชอบนั่งฝั่งซ้ายข้างคนขับ เห็นชัดดี ได้ดูบ้านเมืองเค้าไปด้วย ชิวๆๆ ไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึง China town
เดินตรงไปหาที่พักก่อนเลย ทริปนี้เราพักที่ Adler Hostel เราพักแบบ Female Dorm 2 คืน จองล่วงหน้ากับอโกด้าราคาประมาณ 2,000 บาท ไม่ได้ถ่ายรูปข้างในโฮสเทลเลย แต่เหมือนกับรูปในเว็บเลยค่ะ สะอาด สวย พนักงานน่ารัก อ้อ ที่นี่จะมี 2 ตึกนะคะ ใกล้ๆกัน ไปตึกที่มีเคาน์เตอร์พนักงานนะคะ เราเข้าผิดอันมาแล้ว 555 เค้าบอกต้องเดินไปเช็คอินอีกตึก 555 เอาของเก็บได้สักพักก็ออกเที่ยวต่อ ที่ต่อไปก็คือ Marina Barrage เดินออกมาหน้าที่พักก็เจอวัดแขก อยู่ตรงข้ามที่พักเลย
ระหว่างทางไปรถไฟฟ้าเดินผ่าน Smith street เจอคุณป้ากำลังจัดโต๊ะเตรียมเปิดร้านตอนเย็นๆ หันมายิ้มให้ด้วย
สีสันตึกระหว่างทาง
นั่งรถไฟฟ้าจาก Chinatown มาลงสถานี Downtown ออก Exit A เดินเลียบซอยไปทางขวา วิวสวยเชียว
ข้ามถนนไปรอรถเมล์สาย 400 ที่ป้ายนี้เลย
ระหว่างรอรถเมล์ก็แว๊บไปถ่ายรูปซะหน่อย
นั่งรถเมล์มาลงสุดสายเลย แต่เอาจริงๆก็ลงตามคนอื่นๆเค้านั่นแหละ ลงมาก็เดินไปถ่ายรูปตรงสะพานก่อน มีคนเล่นโรลเลอร์เบลดด้วย คิดถึงตอนเด็กๆเลย เล่นไม่เคยได้ 5555
มุมนี้มันดีจริงๆ
เดินตรงมา เจอแล้ววว ทางเดินไปวิวหลักล้าน เดินเข้ามาไม่กี่สิบเมตรก็ถึงแล้ววววว
เมื่อฉันไปตามหาธรรมชาติที่สิงคโปร์
ถ้าพูดถึงประเทศสิงคโปร์ ทุกคนก็คงคิดถึงพี่สิงโตพ่นน้ำ Merlion แล้วก็เมืองที่มีตึกสูงๆเต็มไปหมด อย่าง Marina Bay Sand ที่อยู่ใกล้ๆพี่สิงโตเป็นต้น เราเองก็คิดแบบนั้น เพราะเคยไปเมื่อสองปีที่แล้ว 2 วัน 1 คืน ทริปสั้นๆหลังจากมาเลเซีย ตอนนั้นเราจำได้แค่ว่าไปเที่ยวครบตามแลนด์มาร์ค ไปเยี่ยมพี่สิงโต ไป USS ประมาณนี้ แต่ที่แม่นกว่าคือเพื่อนโดนกักที่ ตม. ฝั่งเข้าจากมาเลเซีย อันนั้นจำได้แม่นกว่าไปเที่ยวอีก 5555 ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาเที่ยวอีกในเร็วๆนี้ แต่ช่วงที่ผ่านมา ได้อ่านรีวิวของหลายๆคนในพันทิป ที่ไปเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เป็นธรรมชาติของสิงคโปร์ เฮ้ยยยย สิงคโปร์มีแบบนี้ด้วยเหรอ?? มันกระตุ้นต่อมผู้หญิงสายธรรมชาติ(ลงโทษ)อย่างเราเหลือเกิน ขอบคุณเจ้าของรีวิว ด้านล่างมา ณ ที่นี้ค่า (จริงๆอาจมีเยอะกว่านี้ แต่เราไม่ได้เซฟกระทู้ไว้ ยังไงก็ขอบคุณไว้ด้วยนะคะ)
คุณ Komushiru http://pantip.com/topic/35014816
น้องปั้น The Walking Backpack http://pantip.com/topic/34252990
คุณ WBTT http://pantip.com/topic/34990828
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ทริปนี้เราเดินทางเมื่อวันที่ 24-26 มิ.ย ที่ผ่านมา เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของเราด้วย แอบตื่นเต้นเล็กๆ อย่างที่บอกไปว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ เราตั้งใจจะไปตามหาธรรมชาติในสิงคโปร์ เลยเสิร์ชหาพวก park ต่างๆของที่นี่ จนไปเจอเว็บนี้ https://www.nparks.gov.sg/gardens-parks-and-nature/walks-and-tours/going-on-a-diy-walk เป็นเว็บของรัฐบาลสิงคโปร์ เกี่ยวกับ National Park ที่รวบรวมเกี่ยวกับเส้นทางการเดินป่า หรือเส้นทางชมธรรมชาติต่างๆไว้ แล้วแต่เวลาและความชอบของแต่ละคนเลย เรานี่อยากไปให้ครบทุกเส้นทางนะ แต่เวลาไม่อำนวย 555 ส่วนการเดินทางเราใช้บริการ www.gothere.sg ทั้งตอนวางแพลนแล้วก็ใช้หน้างานตอนอยู่ที่นู่นด้วย เป็นเว็บที่ใช้สะดวกมาก แค่ใส่หมายเลขป้ายรถเมล์ที่เราอยู่ แล้วก็ที่ที่จะไป แค่นี้เค้าก็บอกเส้นทางได้หมด อันไหนใช้เวลาเท่าไหร่ ค่ารถเท่าไหร่ พี่ปลื้มมมมม แต่ถ้าโง่ใส่เลขป้ายรถเมล์ผิดแบบพี่ก็โทษเค้าไม่ได้นะ 5555
อุปกรณ์ท่องเที่ยวของเราไม่มีอะไรมาก แพลนเที่ยว พาสปอร์ต กล้อง 1 ตัวกับเป้ 1 ใบ พร้อมลุย!!!
ที่เห็นเป็นสมุดสีดำๆ เยินๆ นั้น ไม่ใช่บัญชีหนังหมาที่ไหน แพลนเที่ยวเราเอง ปรับหลายรอบเลย แต่หน้างานก็ไม่ตามแพลนอยู่ดี 5555 หน้าตาประมาณนี้ (กับการทำงานตั้งใจขนาดนี้มั๊ย ตอบเลยว่าม่ายยยยยยย)
Day 1 : 24 June 2016
เราออกเดินทางด้วยสายการบิน Jetstar เที่ยวบิน 9.25น. ถึงสิงคโปร์เวลา 12.50น. ตามเวลาสิงคโปร์ที่เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ค่าเครื่องบินเราซื้อตอนโปรช่วงต้นปีประมาณ 2,7xx บาท
พอเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ก็เจอฝนเลย แต่ตกปรอยๆ ฟ้าครึ้มๆ ขมุกขมัวมาก แอบหวั่นๆใจ จะได้เที่ยวมั๊ยเนี่ย?? พอออกจากเครื่องบินมาก็เดินไป Plaza Premium Lounge ใช้สิทธิ์บัตรเครดิต KTC Platinum เข้าใช้ฟรีซะหน่อย (จริงๆ คือหิวมาก ขอหาของกินประทังท้องไปก่อน) ทางไปก็คือออกจากเครื่อง เดินตามเค้ามาเรื่อยๆ สังเกตป้ายที่เขียนว่า Lounge แล้วชี้ขึ้นข้างบนทางขวามือ เดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาก็เจอเลย มาถึงก็ยื่นบัตรเครดิต พาสบอร์ดแล้วก็บอร์ดดิ้งพาสให้พนักงาน พนักงานที่นี่น่ารักมากกกกกก บริการดี๊ดีย์ มีชวนสมัครสมาชิกฟรี แถมซิมใช้เนตฟรีมาอีก แต่เราไม่ได้ใช้นะ ใช้ไม่เป็น 5555 เข้ามาก็พุ่งไปที่เคาน์เตอร์อาหาร สั่ง laksa มาตามรูปเลย รสชาติอร่อยใช้ได้ หรือเพราะหิวก็ไม่รู้นะ โดยรวมก็ถือว่าดี คนใช้น้อย เดินตักของกินสบายเลยเรา 555
ท้องอิ่มแล้วเราก็มีแรงไปต่อ ลงบันไดเลื่อนลงมา เดินไปทางขวาเจอบูธธนาคาร RHB แวะซื้อซิมการ์ดของ Singtel tourist sim ราคา 15 SGD พนักงานขายบอกไม่ต้องทำอะไร เปลี่ยนซิมละใช้ได้เลยไม่ต้องติดตั้งอะไร มันดีตรงนี้! จากนั้นเดินท่องในใจ Train to T2 เพราะจำได้ว่าในรีวิวให้มาขึ้นรถไฟฟ้าที่นี่ พอไปถึงตม.ที่นั่นไล่กลับ บอกว่าเข้า terminal 1 ให้ไป ตม ที่นั่น แต่?? มีด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็น เดินงงๆ นั่งรถรางกลับไปใหม่ ปรากฏอยู่ตรงทางเข้าสถานีรถรางเลย แต่นี่มองไม่เห็น มัวแต่หาป้ายไป T2 ปล่อยไก่ตั้งแต่เข้าประเทศเค้าเลย คราวที่แล้วก็มาทางรถบัสจากมาเลเซีย ไม่ได้เข้ามาทางเครื่องบิน เอ๋อเลยเรา 555 เดินผ่านพี่ ตม. แบบเตรียมพร้อมเต็มที่ ทั้งใบจอง รร. ตั๋วเครื่องบินขากลับ แพลนเที่ยว บัตรพนักงาน เพราะคราวที่แล้วมาเพื่อนโดนกัก คราวนี้มาคนเดียวเลยต้องเตรียมพร้อมหน่อย ปรากฏพี่แกเรียกแค่ชื่อเรา แล้วก็ปล่อยผ่านเฉ้ยยยย เอิ่มมม ถามไรหนูซักคำสิค๊า อุตสาห์เตรียมมา โถ่วววว หลังจากผ่านพี่ ตม. มาเรียบร้อยก็เดินตามป้าย Train to city ไป T3 เอ๊ะ! ทำไมไป T3 หว่า ไม่ใช่ T2 เหรอ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย แต่ก็เดินตามๆเค้าไปจนเจอสถานีรถไฟฟ้า ดีใจน้ำตาจะไหล ตรงดิ่งไปซื้อบัตร EZ-link ได้บัตรมาลาย little twin star มีความมุ้งมิ้งไปอี๊กกกกก
ที่แรกที่เราจะไปคือ Fort Canning Park ไปถ่ายรูปอุโมงค์ต้นไม้ ส่วนวิธีไปนั้นก็ตามรีวิวของคุณ Komushiru (http://pantip.com/topic/34886451) อธิบายละเอียดเลย ออกทางออก B สถานี Dhoby Ghaut มาเจอห้าง Park Mall
เดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ เดินเข้าอุโมงค์มาเราก็เจอแล้ว แลนด์มาร์คแรกของเรา แท่นแท๊นนนนนน
โชคดีตอนเรามาฝนเพิ่งหยุดไป บรรยากาศชุ่มฉ่ำเชียว เดินไปทางขวา เจอกำแพงสวยๆ
ทีนี้ก็เดินขึ้นมา ข้ามถนน เดินไปทางขวา ลงเนินมาเจอ National Museum อยู่ทางขวามือ
เดินย้อนกลับมาทางสถานี Dhoby Ghaut ผ่านโบสถ์ Orchard Road Presbyterian Church แชะภาพมาแว๊บนึง
จากนั้นเดินไปถนน Orchard ไปป้ายรถเมล์ ใช้บริการพี่ gothere หาสายรถเมล์ไปที่พักแถว chinatown การขึ้นรถเมล์ที่นี่ก็ง่าย ขึ้นประตูหน้าแตะบัตร พอถึงป้ายที่จะลง กดกริ่ง แตะบัตรอีกรอบตอนลงประตูหลัง แค่นี้ก็เสร็จละ แต่ต้องสังเกตป้ายรถเมล์ไปเรื่อยๆอ่ะ จำเลขป้ายที่จะลง เราชอบนั่งฝั่งซ้ายข้างคนขับ เห็นชัดดี ได้ดูบ้านเมืองเค้าไปด้วย ชิวๆๆ ไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึง China town
เดินตรงไปหาที่พักก่อนเลย ทริปนี้เราพักที่ Adler Hostel เราพักแบบ Female Dorm 2 คืน จองล่วงหน้ากับอโกด้าราคาประมาณ 2,000 บาท ไม่ได้ถ่ายรูปข้างในโฮสเทลเลย แต่เหมือนกับรูปในเว็บเลยค่ะ สะอาด สวย พนักงานน่ารัก อ้อ ที่นี่จะมี 2 ตึกนะคะ ใกล้ๆกัน ไปตึกที่มีเคาน์เตอร์พนักงานนะคะ เราเข้าผิดอันมาแล้ว 555 เค้าบอกต้องเดินไปเช็คอินอีกตึก 555 เอาของเก็บได้สักพักก็ออกเที่ยวต่อ ที่ต่อไปก็คือ Marina Barrage เดินออกมาหน้าที่พักก็เจอวัดแขก อยู่ตรงข้ามที่พักเลย
ระหว่างทางไปรถไฟฟ้าเดินผ่าน Smith street เจอคุณป้ากำลังจัดโต๊ะเตรียมเปิดร้านตอนเย็นๆ หันมายิ้มให้ด้วย
สีสันตึกระหว่างทาง
นั่งรถไฟฟ้าจาก Chinatown มาลงสถานี Downtown ออก Exit A เดินเลียบซอยไปทางขวา วิวสวยเชียว
ข้ามถนนไปรอรถเมล์สาย 400 ที่ป้ายนี้เลย
ระหว่างรอรถเมล์ก็แว๊บไปถ่ายรูปซะหน่อย
นั่งรถเมล์มาลงสุดสายเลย แต่เอาจริงๆก็ลงตามคนอื่นๆเค้านั่นแหละ ลงมาก็เดินไปถ่ายรูปตรงสะพานก่อน มีคนเล่นโรลเลอร์เบลดด้วย คิดถึงตอนเด็กๆเลย เล่นไม่เคยได้ 5555
มุมนี้มันดีจริงๆ
เดินตรงมา เจอแล้ววว ทางเดินไปวิวหลักล้าน เดินเข้ามาไม่กี่สิบเมตรก็ถึงแล้ววววว