เรื่องนี้คือเรื่องที่ จอร์จ แฮริสัน , จอห์น เลนนอน , พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ และ ริงโก้ สตาร์ จำไม่ลืมไปจนวันตาย
เผด็จการในโลกนี้ล้วนแล้วแต่บ้าอำนาจ
เพราะการปกครองแบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น
มันทำให้คนเรารู้สึกว่าตัวใหญ่จนสามารถชี้นิ้วแสดงอำนาจได้อย่างที่ต้องการ
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความบันเทิง
ที่เผด็จการรู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับอะไรที่ "พิเศษ" มากกว่าคนปกติทั่วไป
ปี 1966
เดอะ บีเทิ่ลส์ ออกตระเวณทัวร์คอนเสิร์ท
พวกเขาเพิ่งจบโชว์จากประเทศเยอรมัน และ มุ่งหน้าต่อมายังเอเชีย
และ ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์นี่เอง
ที่พวก "สี่เต่าทอง" ได้เห็นฤทธิ์เดชของ "เผด็จการผัว-เมียมาร์คอส"
แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกบีเทิ่ลส์มาโดยไม่มี ไบรอั้น เอปสไตน์ ผจก.วงมาคอยช่วยเหลือ
ตอนที่ไปถึงสนามบินมะนิลา
สี่เต่าทองได้รับการต้อนรับโดย "การ์ด"
ที่แต่ละคนหน้าตาเอาเรื่อง และ มีอาวุธครบมือ
การ์ดฟิลิปปินส์พาพวกเต่าทองขึ้นรถไปส่งที่โรงแรมในบรรยากาศที่โคตรจะเคร่งขรึม อึดอัด
"They were taken to a limo and solemnly escorted to their hotel."
ริงโก้ สตาร์ ถึงกับเอ่ยปากในตอนหลังว่า.....
“I hated the Philippines. It was like that hot/ gun/ Spanish inquisition attitude.”
"ไอโคตรเกลียดฟิลิปปินส์จริงๆว่ะ
อากาศก็ร้อนตับแล่บ , เจอแต่ปืนให้ได้เสียว
แถมยังมีทัศคติชอบจับผิดแบบพวกสแปนิชอีกต่างหาก"
พวกบีเทิ่ลส์โดนยึดกระเป๋าเดินทางไป
แต่โชคดีที่ไม่ได้โดนทางการฟิลิปปินส์ตรวจค้น
ถ้าโดนค้นขึ้นมาก็คง "งามหน้า" ไปยันเมือง Liverpool แน่ๆ
เพราะสี่เต่าทองมันพก "กัญชา" ไปด้วยเพื่อเอาไว้ไป "พี้ built อารมณ์"
"Fortunately for the Fab Four (หมายถึงสี่เต่าทอง) ,their bags were not searched and their secret stash was never discovered.".....รอดไปเส้นยาแดงผ่าแปด....555555
พอเข้าที่พักเรียบร้อย
ยังไม่ทันขยับตัวทำอะไรเลย
เผด็จการผัว-เมียมาร์คอส ก็ออกฤทธิ์ใส่พวกเต่าทองทันที
สี่เต่าทองได้รับแจ้งว่า
พวกเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่ผัวเมียเผด็จการคู่นี้จัด
และ มีการเชิญ Matriarch ราษฏรอาวุโส อำมาตย์ ศักดินา ของประเทศนี้มาร่วมงานด้วย
"They were told they were to attend a reception for the country’s matriarch."
ด้วยความที่อ่อนเพลียจากอาการ "เจ็ทแล็ค"
พวกเต่าทองเลยปฏิเสธไปอย่างสุภาพว่าไม่ขอไปร่วมงาน
คำปฏิเสธของพวกเต่าทอง
ทำให้เกิดการโต้เถียงกับบรรดาการ์ดที่มาดูแล
เพราะคำสั่งของเผด็จการผัว-เมียมาร์คอสมันคือประกาศิตที่ทุกคนต้องทำตาม
แต่ท้ายที่สุดพวกเต่าทองก็ชนะ เพราะยืนยันกระต่ายขาเดียวว่ายังไงก็ไม่ไปร่วมงาน
โชคดีจริงๆ
ที่ เฟอร์ดินานด์ มาร์คอส มันไม่มีมาตรา 44
ไม่งั้นไอ้จอร์จ , จอห์น , พอล , ริงโก้ มีสิทธิ์ "ติดคุกปินอย" หัวโตแน่ๆ
ไอ้ไบรอั้น เอปสไตน์ ผจก.วง พอรู้เรื่องก็รีบเผ่นตามมาดูแลเด็กๆที่ฟิลิปปินส์ทันที...5555
หลังการขัดแย้งเรื่องงานเลี้ยง
ในท่ามกลางบรรยากาศเครียดๆที่เกิดขึ้นนั้น
สี่เต่าทองได้รับการดูแลจากฟิลิปปินส์ชนิดโคตรห่วย
ห้องแต่งตัวที่จัดให้ก็รกเหมือนรังหนู
อาหารการกินก็เหมือนเอามาเลี้ยงพวกอาสาพัฒนาวัด
พวกเขาต้องทนกิน corn flakes ห่วยๆ กับนมบูดๆเปรี้ยวๆ (ไม่อ๊วกแตกหรือไงวะเนี่ย..???)
"Their dressing room had been “a mess” and they had been served a horrible meal of corn flakes with lumpy, sour milk and some other horrible-looking food."
พอวันถัดมา
ริงโก้ กับ จอห์น เลยโทรไปสั่งอาหารที่รูมเซอร์วิส
แต่ปรากฏว่า "ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก"
ไอ้ 2 คนนี้เลยอดกินอีกตามระเบียบ
พอไม่มีอะไรทำ
พวกสี่เต่าทองก็เปิดทีวีดูข่าว
แล้วไอ้ 4 ตัวนี่ก็ตกใจจนแทบตกเก้าอี้....!!!!!!!!!
เพราะดันเปิดไปเจอข่าวเผด็จการมาร์คอส
กับ เด็กด้อยโอกาสกลุ่มใหญ่ที่ร้องให้น้ำตาไหลอาบแก้มออกทีวี
เรื่องของเรื่องก็คือ
อีเมลด้า มาร์คอส "เผด็จการเมีย" ดันอยากสร้างภาพ
ก็เลยคิดจะจัดงานเลี้ยง และ ไปสัญญากับเด็กๆด้อยโอกาสเอาไว้
ว่า The Beatles จะมาร่วมงาน และ เปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสได้ใกล้ชิด
แต่แผนการสร้างภาพทั้งหมดนี้เป็นการ คิดเอง เออเอง
โดยไม่ได้มีการมาบอกเล่าเก้าสิบอะไรกับพวกสี่เต่าทองไว้ก่อนเลย
พอพวกสี่เต่าทองไม่ไปร่วมงาน
(เพราะอยู่นอกเหนือข้อตกลง และ เหนื่อยจากการเดินทาง)
เผด็จการผัว-เมีย เลยตีข่าวว่า "เดอะ บีเทิ่ลส์ ไม่ให้เกียรติสุภาพสตรีหมายเลข 1 และ ทำร้ายหัวใจเด็กด้อยโอกาส"
แถม นสพ.ฟิลิปปินส์ก็ช่วยผสมโรง
ด้วยการพาดหัวไม้ตัวเบ่อเร่อเท่อ ว่า
"สี่เต่าทองดูถูกท่านประธานาธิบดี...Beatles Snub President"
ไบรอั้น เอ็ปสไตน์ ผจก.วงเห็นว่าเดี๋ยวจะไปกันใหญ่
ก็เลยตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อลดอารมณ์ของผู้คน
ด้วยการออกทีวีกล่าวคำขอโทษต่อสาธารณะเป็น formal apology
แต่ "เจ้าที่" ที่ฟิลิปปินส์ท่าจะแรง
เพราะในขณะที่ทีวีกำลังออกอากาศ formal apology นั้น
จู่ๆภาพของไบรอั้นก็หายไปจากหน้าจอแบบดื้อๆ กลายเป็น dead air เฉยเลย
โห.......ของเขาแรงจริงๆว่ะ...!!!!!!
เจอฤทธิ์เผด็จการผัว-เมียแบบนี้เข้า
เดอะ บีเทิ่ลส์ เลยรีบเร่งแพ็คกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
และ ขอให้จัดหารถไปส่งที่สนามบินด่วน....ให้ไว ให้ไว...!!!!
ฟิลิปปินส์ก็จัดให้ตามที่ขอ
แต่ต่างกับวันแรกที่มาถึงราวฟ้ากับเหว
เพราะวันที่มาถึงนั้นมีขบวนรถพร้อมการ์ดใหญ่โตโอฬาร
แต่ขากลับนี้มีรถให้ตามจำนวนคน และ มอเตอร์ไซด์กระจอกๆตาม Escort อีก 1 คัน
สี่เต่าทอง และ คณะ ถูกรถเอามาปล่อยไว้ที่หน้าประตูสนามบิน
ทุกคนต้องหอบหิ้วสัมภาระต่างๆกันเองจนกล้ามขึ้นยิ่งกว่า อาร์โนล ชวาซ์เน็คเกอร์
สี่เต่าทองพยายามหอบหิ้วของเดินไปหา Gate ที่จะขึ้นเครื่อง
แต่ระหว่างทางนั้นต้องเผชิญหน้ากับพวกฟิลิปปินโนที่อยู่ในอารมณ์เกรี้ยวกราด
ฟิลิปปินโนเหล่านี้พากันโกรธแค้นพวกสี่เต่าทองจากข่าวทีวีที่เผด็จการผัว-เมียออกข่าวไว้
ระหว่างทางไป Gate
สี่เต่าทองโดนกำปั้นพวกฟิลิปปินโน,
โดนเตะ , โดนตะโกนด่า ไปจนถึงโดนถ่มน้ำลายใส่
ขนาด จนท.สนามบินเองยัง "ร่วมด้วยช่วยกัน"
ด้วยการสำรอกใส่พวกเต่าทองอย่างดุเดือดว่า
"We treat you like ordinary passenger! Ordinary passenger!”
แต่ก็ยังถือว่าโชคดี
ที่พวกเต่าทองยังไม่เป็นอะไรมากนัก
เพราะบางคนในทีม เช่น คนขับรถของพวกเขาโดยกระทืบจนถึงเลือดถึงเนื้อ...!!!
แหมมม...ในดินแดนเผด็จการแบบนี้อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ
จอห์น กับ ริงโก้ มันรู้จักเอาตัวรอด
เพราะใช้วิธีวิ่งหนีไปหลบอยู่หลังกลุ่มนักเดินทางที่เป็นแม่ชีแคธอลิค
แต่ขนาดว่าหลบดีๆแบบนี้
ไอ้ริงโก้ยังโดนกำปั้นใครก็ไม่รู้
แล้วพอมันล้มลงก็โดนเตะซ้ำเข้าไปอีก 1 ดอก
งานนั้นไอ้ริงโก้ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า (ตีกลองไม่ได้ไปพักนึงเลยมั้ง..55555..!!!!!)
จอร์จก็ไม่เบา
เพราะวิ่งไปหลบอยู่หลังพระภิกษุสงฆ์ที่กำลังจะไปขึ้นเครื่อง
จอร์จมันคงถือคติ "ข้ามากับพระ" แน่ๆ..........55555555.......ไอ้จอร์จรอดไป
ส่วนพอลนี่ไม่มีรายละเอียดบรรยาย
แต่ดูแล้วคงเอาตัวรอดได้แบบหัวซุกหัวซุน
เผด็จการผัว-เมียยังเล่นกลต่อไป
ด้วยการทำให้บันไดเลื่อนที่จะไปที่ Gate ของพวกสี่เต่าทองหยุดทำงานได้ดื้อๆ
คณะของสี่เต่าทองต้องกระหืดกระหอบวิ่งหนีขึ้นบันไดปกติ
ก่อนที่จะไปถึง Gate ได้อย่างสบักสะบอม (บางคนได้เลือด)
และ นั่งรอเวลาที่เครื่องบินจะ เทค ออฟ อย่างชนิดขี้หดตดหาย
แต่แทนที่จะได้บินกลับบ้าน
กลับมีเสียงเรียกจากอินเตอร์คอมบนเครื่องว่า...
"การท่าอากาศยานขอพบ ผจก.วง , ฝ่าย PR และ ผช.ส่วนตัวของ เดอะ บีเทิ่ลส์"
1 ใน ผช.ส่วนตัวของสี่เต่าทองที่ชื่อ Mal
ถึงกับหันมาบอกพวกสี่เต่าทองก่อนจะเดินลงจากเครื่องว่า
"ฝากไปบอกเมียไอด้วยนะว่าไอรักเธอ.....Tell Lil I love her" (เมียมันชื่อ Lil)
55555.....มันคงคิดว่าเดินออกจากเครื่องไปคงตายคารันเวย์อย่าง "เบนินโญ่ อาคิโน่" แน่ๆ..!!
ปรากฏว่าพอกลับเข้าไปในสนามบิน
เดอะ บีเทิ่ลส์ และ คณะเจอลูกงอแงจาก จนท.
ในเรื่องของ "ภาษีขาออกสนามบิน" ที่ไอ้ปินส์เล่นกลใส่
ด้วยการใช้วิธีคำนวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจนทำให้จำนวนเงินมันขาดไป
ไบรอั้น เอ็บสไตน์ ต้องยอมจ่ายเพิ่มเพื่อตัดปัญหา และ ได้กลับไปขึ้นเครื่องอีกครั้ง
"The amount was reportedly around $18,000- $125,000 today."
หลังจากโดนเล่นงามจนงอมพระรามทั้งคณะ
เดอะ บีเทิ่ลส์ และ ทีมทั้งหมดก็โล่งใจในตอนที่เครื่องเทคออฟนั่นแหละครัฟฟฟฟ...55555
ริงโก้ซึ่งเป็นคนง่ายๆที่สุดในพวกเต่าทองถึงกับบอกว่า...
“The worst experience of my life… I thought they were going to put us in jail”
"เป็นประสบการณ์ที่ขนหัวลุกที่สุดของไอเลยว่ะ ตอนนั้นไอคิดว่าพวกเราคงได้นอนซังเตแน่ๆ"
ส่วนจอร์จที่ดูเป็นคน "รักสงบ" ที่สุดดันบอกแบบแค้นๆว่า
"ไออยากจะ drop a bomb on the Philippines ให้หายแค้นจริงๆว่ะ"
เมื่อวันเวลาติดปีกผ่านไป
และ คนฟิลิปปินส์เกิด "ตาสว่าง"
ระบอบเผด็จการของผัว-เมียคู่นี้ก็พังทะลายลงไป
เฟอร์ดินานด์ มาร์คอส โดนยึดทรัพย์ และ ลี้ภัยไปต่างประเทศ
ก่อนจะสิ้นลมในปี 89 ที่ฮอนโลลูลู ฮาวาย ปิดฉากเผด็จการไปใช้กรรมในนรก
ทำเนียบมาลากันยังของมาร์คอสโดนประชาชนบุก
และ ค้นพบความจริงที่สุดแสนจะเจ็บปวดในหัวใจว่า
ตลอดเวลาที่ประชาชนลำบากนั้น ครองครัวมาร์คอสเสวยสุขปานเทวดา
สุขสบายขนาดที่ว่าใน Walk-in closet ของอีเมลด้านั้น มีรองเท้าแบรนด์หรูมากกว่า 3,000 คู่ให้เลือกใส่
เรียกว่าขนาดใส่วันละคู่แบบไม่ซ้ำกัน อีเมลด้า มาร์คอส ก็ยังมีใส่ได้ถึง 10 ปี...!!!
ส่วน เดอะ บีเทิ่ลส์ นะเหรอ...
พวกเขาเข็ดขี้อ่อนขี้แก่กับฟิลิปปินส์
และ สาบานว่าจะไม่ไปเหยียบแผ่นดินตากาล็อคจนวันตาย
"The Beatles made a vow never to return to Manila or the Philippines and the vow was firmly kept."
เดอะ บีเทิ่ลส์ รักษาคำสัญญานั้นมาจนถึงบัดนี้.....!!!!!!!!!!!!!
ที่มา :
http://www.todayifoundout.com/index.php/2013/02/the-beatles-worst-experience/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Ferdinand_Marcos
https://www.theguardian.com/world/2012/sep/23/imelda-marcos-shoe-collection-mould
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@------------------------The Beatles ............กั บ เ ผ ด็ จ ก า ร ผั ว เ มี ย------------------@@@@@
เผด็จการในโลกนี้ล้วนแล้วแต่บ้าอำนาจ
เพราะการปกครองแบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น
มันทำให้คนเรารู้สึกว่าตัวใหญ่จนสามารถชี้นิ้วแสดงอำนาจได้อย่างที่ต้องการ
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความบันเทิง
ที่เผด็จการรู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับอะไรที่ "พิเศษ" มากกว่าคนปกติทั่วไป
ปี 1966
เดอะ บีเทิ่ลส์ ออกตระเวณทัวร์คอนเสิร์ท
พวกเขาเพิ่งจบโชว์จากประเทศเยอรมัน และ มุ่งหน้าต่อมายังเอเชีย
และ ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์นี่เอง
ที่พวก "สี่เต่าทอง" ได้เห็นฤทธิ์เดชของ "เผด็จการผัว-เมียมาร์คอส"
แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกบีเทิ่ลส์มาโดยไม่มี ไบรอั้น เอปสไตน์ ผจก.วงมาคอยช่วยเหลือ
ตอนที่ไปถึงสนามบินมะนิลา
สี่เต่าทองได้รับการต้อนรับโดย "การ์ด"
ที่แต่ละคนหน้าตาเอาเรื่อง และ มีอาวุธครบมือ
การ์ดฟิลิปปินส์พาพวกเต่าทองขึ้นรถไปส่งที่โรงแรมในบรรยากาศที่โคตรจะเคร่งขรึม อึดอัด
"They were taken to a limo and solemnly escorted to their hotel."
ริงโก้ สตาร์ ถึงกับเอ่ยปากในตอนหลังว่า.....
“I hated the Philippines. It was like that hot/ gun/ Spanish inquisition attitude.”
"ไอโคตรเกลียดฟิลิปปินส์จริงๆว่ะ
อากาศก็ร้อนตับแล่บ , เจอแต่ปืนให้ได้เสียว
แถมยังมีทัศคติชอบจับผิดแบบพวกสแปนิชอีกต่างหาก"
พวกบีเทิ่ลส์โดนยึดกระเป๋าเดินทางไป
แต่โชคดีที่ไม่ได้โดนทางการฟิลิปปินส์ตรวจค้น
ถ้าโดนค้นขึ้นมาก็คง "งามหน้า" ไปยันเมือง Liverpool แน่ๆ
เพราะสี่เต่าทองมันพก "กัญชา" ไปด้วยเพื่อเอาไว้ไป "พี้ built อารมณ์"
"Fortunately for the Fab Four (หมายถึงสี่เต่าทอง) ,their bags were not searched and their secret stash was never discovered.".....รอดไปเส้นยาแดงผ่าแปด....555555
พอเข้าที่พักเรียบร้อย
ยังไม่ทันขยับตัวทำอะไรเลย
เผด็จการผัว-เมียมาร์คอส ก็ออกฤทธิ์ใส่พวกเต่าทองทันที
สี่เต่าทองได้รับแจ้งว่า
พวกเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่ผัวเมียเผด็จการคู่นี้จัด
และ มีการเชิญ Matriarch ราษฏรอาวุโส อำมาตย์ ศักดินา ของประเทศนี้มาร่วมงานด้วย
"They were told they were to attend a reception for the country’s matriarch."
ด้วยความที่อ่อนเพลียจากอาการ "เจ็ทแล็ค"
พวกเต่าทองเลยปฏิเสธไปอย่างสุภาพว่าไม่ขอไปร่วมงาน
คำปฏิเสธของพวกเต่าทอง
ทำให้เกิดการโต้เถียงกับบรรดาการ์ดที่มาดูแล
เพราะคำสั่งของเผด็จการผัว-เมียมาร์คอสมันคือประกาศิตที่ทุกคนต้องทำตาม
แต่ท้ายที่สุดพวกเต่าทองก็ชนะ เพราะยืนยันกระต่ายขาเดียวว่ายังไงก็ไม่ไปร่วมงาน
โชคดีจริงๆ
ที่ เฟอร์ดินานด์ มาร์คอส มันไม่มีมาตรา 44
ไม่งั้นไอ้จอร์จ , จอห์น , พอล , ริงโก้ มีสิทธิ์ "ติดคุกปินอย" หัวโตแน่ๆ
ไอ้ไบรอั้น เอปสไตน์ ผจก.วง พอรู้เรื่องก็รีบเผ่นตามมาดูแลเด็กๆที่ฟิลิปปินส์ทันที...5555
หลังการขัดแย้งเรื่องงานเลี้ยง
ในท่ามกลางบรรยากาศเครียดๆที่เกิดขึ้นนั้น
สี่เต่าทองได้รับการดูแลจากฟิลิปปินส์ชนิดโคตรห่วย
ห้องแต่งตัวที่จัดให้ก็รกเหมือนรังหนู
อาหารการกินก็เหมือนเอามาเลี้ยงพวกอาสาพัฒนาวัด
พวกเขาต้องทนกิน corn flakes ห่วยๆ กับนมบูดๆเปรี้ยวๆ (ไม่อ๊วกแตกหรือไงวะเนี่ย..???)
"Their dressing room had been “a mess” and they had been served a horrible meal of corn flakes with lumpy, sour milk and some other horrible-looking food."
พอวันถัดมา
ริงโก้ กับ จอห์น เลยโทรไปสั่งอาหารที่รูมเซอร์วิส
แต่ปรากฏว่า "ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก"
ไอ้ 2 คนนี้เลยอดกินอีกตามระเบียบ
พอไม่มีอะไรทำ
พวกสี่เต่าทองก็เปิดทีวีดูข่าว
แล้วไอ้ 4 ตัวนี่ก็ตกใจจนแทบตกเก้าอี้....!!!!!!!!!
เพราะดันเปิดไปเจอข่าวเผด็จการมาร์คอส
กับ เด็กด้อยโอกาสกลุ่มใหญ่ที่ร้องให้น้ำตาไหลอาบแก้มออกทีวี
เรื่องของเรื่องก็คือ
อีเมลด้า มาร์คอส "เผด็จการเมีย" ดันอยากสร้างภาพ
ก็เลยคิดจะจัดงานเลี้ยง และ ไปสัญญากับเด็กๆด้อยโอกาสเอาไว้
ว่า The Beatles จะมาร่วมงาน และ เปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสได้ใกล้ชิด
แต่แผนการสร้างภาพทั้งหมดนี้เป็นการ คิดเอง เออเอง
โดยไม่ได้มีการมาบอกเล่าเก้าสิบอะไรกับพวกสี่เต่าทองไว้ก่อนเลย
พอพวกสี่เต่าทองไม่ไปร่วมงาน
(เพราะอยู่นอกเหนือข้อตกลง และ เหนื่อยจากการเดินทาง)
เผด็จการผัว-เมีย เลยตีข่าวว่า "เดอะ บีเทิ่ลส์ ไม่ให้เกียรติสุภาพสตรีหมายเลข 1 และ ทำร้ายหัวใจเด็กด้อยโอกาส"
แถม นสพ.ฟิลิปปินส์ก็ช่วยผสมโรง
ด้วยการพาดหัวไม้ตัวเบ่อเร่อเท่อ ว่า
"สี่เต่าทองดูถูกท่านประธานาธิบดี...Beatles Snub President"
ไบรอั้น เอ็ปสไตน์ ผจก.วงเห็นว่าเดี๋ยวจะไปกันใหญ่
ก็เลยตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อลดอารมณ์ของผู้คน
ด้วยการออกทีวีกล่าวคำขอโทษต่อสาธารณะเป็น formal apology
แต่ "เจ้าที่" ที่ฟิลิปปินส์ท่าจะแรง
เพราะในขณะที่ทีวีกำลังออกอากาศ formal apology นั้น
จู่ๆภาพของไบรอั้นก็หายไปจากหน้าจอแบบดื้อๆ กลายเป็น dead air เฉยเลย
โห.......ของเขาแรงจริงๆว่ะ...!!!!!!
เจอฤทธิ์เผด็จการผัว-เมียแบบนี้เข้า
เดอะ บีเทิ่ลส์ เลยรีบเร่งแพ็คกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
และ ขอให้จัดหารถไปส่งที่สนามบินด่วน....ให้ไว ให้ไว...!!!!
ฟิลิปปินส์ก็จัดให้ตามที่ขอ
แต่ต่างกับวันแรกที่มาถึงราวฟ้ากับเหว
เพราะวันที่มาถึงนั้นมีขบวนรถพร้อมการ์ดใหญ่โตโอฬาร
แต่ขากลับนี้มีรถให้ตามจำนวนคน และ มอเตอร์ไซด์กระจอกๆตาม Escort อีก 1 คัน
สี่เต่าทอง และ คณะ ถูกรถเอามาปล่อยไว้ที่หน้าประตูสนามบิน
ทุกคนต้องหอบหิ้วสัมภาระต่างๆกันเองจนกล้ามขึ้นยิ่งกว่า อาร์โนล ชวาซ์เน็คเกอร์
สี่เต่าทองพยายามหอบหิ้วของเดินไปหา Gate ที่จะขึ้นเครื่อง
แต่ระหว่างทางนั้นต้องเผชิญหน้ากับพวกฟิลิปปินโนที่อยู่ในอารมณ์เกรี้ยวกราด
ฟิลิปปินโนเหล่านี้พากันโกรธแค้นพวกสี่เต่าทองจากข่าวทีวีที่เผด็จการผัว-เมียออกข่าวไว้
ระหว่างทางไป Gate
สี่เต่าทองโดนกำปั้นพวกฟิลิปปินโน,
โดนเตะ , โดนตะโกนด่า ไปจนถึงโดนถ่มน้ำลายใส่
ขนาด จนท.สนามบินเองยัง "ร่วมด้วยช่วยกัน"
ด้วยการสำรอกใส่พวกเต่าทองอย่างดุเดือดว่า
"We treat you like ordinary passenger! Ordinary passenger!”
แต่ก็ยังถือว่าโชคดี
ที่พวกเต่าทองยังไม่เป็นอะไรมากนัก
เพราะบางคนในทีม เช่น คนขับรถของพวกเขาโดยกระทืบจนถึงเลือดถึงเนื้อ...!!!
แหมมม...ในดินแดนเผด็จการแบบนี้อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ
จอห์น กับ ริงโก้ มันรู้จักเอาตัวรอด
เพราะใช้วิธีวิ่งหนีไปหลบอยู่หลังกลุ่มนักเดินทางที่เป็นแม่ชีแคธอลิค
แต่ขนาดว่าหลบดีๆแบบนี้
ไอ้ริงโก้ยังโดนกำปั้นใครก็ไม่รู้
แล้วพอมันล้มลงก็โดนเตะซ้ำเข้าไปอีก 1 ดอก
งานนั้นไอ้ริงโก้ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า (ตีกลองไม่ได้ไปพักนึงเลยมั้ง..55555..!!!!!)
จอร์จก็ไม่เบา
เพราะวิ่งไปหลบอยู่หลังพระภิกษุสงฆ์ที่กำลังจะไปขึ้นเครื่อง
จอร์จมันคงถือคติ "ข้ามากับพระ" แน่ๆ..........55555555.......ไอ้จอร์จรอดไป
ส่วนพอลนี่ไม่มีรายละเอียดบรรยาย
แต่ดูแล้วคงเอาตัวรอดได้แบบหัวซุกหัวซุน
เผด็จการผัว-เมียยังเล่นกลต่อไป
ด้วยการทำให้บันไดเลื่อนที่จะไปที่ Gate ของพวกสี่เต่าทองหยุดทำงานได้ดื้อๆ
คณะของสี่เต่าทองต้องกระหืดกระหอบวิ่งหนีขึ้นบันไดปกติ
ก่อนที่จะไปถึง Gate ได้อย่างสบักสะบอม (บางคนได้เลือด)
และ นั่งรอเวลาที่เครื่องบินจะ เทค ออฟ อย่างชนิดขี้หดตดหาย
แต่แทนที่จะได้บินกลับบ้าน
กลับมีเสียงเรียกจากอินเตอร์คอมบนเครื่องว่า...
"การท่าอากาศยานขอพบ ผจก.วง , ฝ่าย PR และ ผช.ส่วนตัวของ เดอะ บีเทิ่ลส์"
1 ใน ผช.ส่วนตัวของสี่เต่าทองที่ชื่อ Mal
ถึงกับหันมาบอกพวกสี่เต่าทองก่อนจะเดินลงจากเครื่องว่า
"ฝากไปบอกเมียไอด้วยนะว่าไอรักเธอ.....Tell Lil I love her" (เมียมันชื่อ Lil)
55555.....มันคงคิดว่าเดินออกจากเครื่องไปคงตายคารันเวย์อย่าง "เบนินโญ่ อาคิโน่" แน่ๆ..!!
ปรากฏว่าพอกลับเข้าไปในสนามบิน
เดอะ บีเทิ่ลส์ และ คณะเจอลูกงอแงจาก จนท.
ในเรื่องของ "ภาษีขาออกสนามบิน" ที่ไอ้ปินส์เล่นกลใส่
ด้วยการใช้วิธีคำนวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจนทำให้จำนวนเงินมันขาดไป
ไบรอั้น เอ็บสไตน์ ต้องยอมจ่ายเพิ่มเพื่อตัดปัญหา และ ได้กลับไปขึ้นเครื่องอีกครั้ง
"The amount was reportedly around $18,000- $125,000 today."
หลังจากโดนเล่นงามจนงอมพระรามทั้งคณะ
เดอะ บีเทิ่ลส์ และ ทีมทั้งหมดก็โล่งใจในตอนที่เครื่องเทคออฟนั่นแหละครัฟฟฟฟ...55555
ริงโก้ซึ่งเป็นคนง่ายๆที่สุดในพวกเต่าทองถึงกับบอกว่า...
“The worst experience of my life… I thought they were going to put us in jail”
"เป็นประสบการณ์ที่ขนหัวลุกที่สุดของไอเลยว่ะ ตอนนั้นไอคิดว่าพวกเราคงได้นอนซังเตแน่ๆ"
ส่วนจอร์จที่ดูเป็นคน "รักสงบ" ที่สุดดันบอกแบบแค้นๆว่า
"ไออยากจะ drop a bomb on the Philippines ให้หายแค้นจริงๆว่ะ"
เมื่อวันเวลาติดปีกผ่านไป
และ คนฟิลิปปินส์เกิด "ตาสว่าง"
ระบอบเผด็จการของผัว-เมียคู่นี้ก็พังทะลายลงไป
เฟอร์ดินานด์ มาร์คอส โดนยึดทรัพย์ และ ลี้ภัยไปต่างประเทศ
ก่อนจะสิ้นลมในปี 89 ที่ฮอนโลลูลู ฮาวาย ปิดฉากเผด็จการไปใช้กรรมในนรก
ทำเนียบมาลากันยังของมาร์คอสโดนประชาชนบุก
และ ค้นพบความจริงที่สุดแสนจะเจ็บปวดในหัวใจว่า
ตลอดเวลาที่ประชาชนลำบากนั้น ครองครัวมาร์คอสเสวยสุขปานเทวดา
สุขสบายขนาดที่ว่าใน Walk-in closet ของอีเมลด้านั้น มีรองเท้าแบรนด์หรูมากกว่า 3,000 คู่ให้เลือกใส่
เรียกว่าขนาดใส่วันละคู่แบบไม่ซ้ำกัน อีเมลด้า มาร์คอส ก็ยังมีใส่ได้ถึง 10 ปี...!!!
ส่วน เดอะ บีเทิ่ลส์ นะเหรอ...
พวกเขาเข็ดขี้อ่อนขี้แก่กับฟิลิปปินส์
และ สาบานว่าจะไม่ไปเหยียบแผ่นดินตากาล็อคจนวันตาย
"The Beatles made a vow never to return to Manila or the Philippines and the vow was firmly kept."
เดอะ บีเทิ่ลส์ รักษาคำสัญญานั้นมาจนถึงบัดนี้.....!!!!!!!!!!!!!
ที่มา :
http://www.todayifoundout.com/index.php/2013/02/the-beatles-worst-experience/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Ferdinand_Marcos
https://www.theguardian.com/world/2012/sep/23/imelda-marcos-shoe-collection-mould
จ่าพิเชษฐ์