เที่ยวลังกาวี
สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะเพื่อนๆ พอเริ่มเขียนได้ ก็มีเรื่องเล่าเยอะเลย พ่อแม่พามิ่งเที่ยวอีกแล้ว คราวนี้ไปเที่ยวเกาะลังกาวีมั่ง ซึ่งเป็นการไปครั้งที่สองของบ้านหนูมิ่ง ครั้งแรกเราไปเมื่อปี 2014 เกาะนี้ใกล้ไทยนิดเดียวเอง ตั้งออยู่บนรัฐเคดาห์ (Kedah) เป็นรัฐที่อยู่ทางตอนหนือของมาเลเซีย โดยส่วนตัวแล้วเราว่าภูมิประเทศคล้ายชายฝั่งทะเลทางใต้ของบ้านเรา มีความเป็นธรรมชาติสูง ทะเล ท้องฟ้า ภูเขาเขียวอุดมสมบูรณ์ มีความเงียบสงบไม่จุ้นจ้าน ไม่หวือหวา เหมือนสาวน้อยบ้านนาผู้มีความงามตามธรรมชาติและจริงใจใสซื่อ
ก่อนไปเราก็จองล่วงหน้าเป็นปีเหมือนกันค่ะ วางแผนไว้ตั้งแต่การเดินทาง ที่พัก แหล่งท่องเที่ยวที่เก็บตกจากคราวที่แล้ว เราไปแค่ทริปสั้นๆ ค่ะ แต่คราวนี้ไป 2 คืน 3 วัน
เราเดือนทางโดยสายการบิน #AirAsia จากดอนเมือง เวลา 20:20 น.ไปลง
กัวลาลัมเปอร์ (KUL) ถึงเวลา 23 : 30 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เวลาที่มาเลเซียจะเร็วกว่าไทย 1 ชม. ขึ้นเครื่องปุ๊บหลับกองกันทั้งพ่อแม่ลูก ไม่ได้เก็บภาพบเครื่องมาฝาก
ค่าตั๋ว ดอนเมือง-KUL 0 บาท แต่ต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินประมาณ 700 บาท/คน (ไป-กลับ ประมาณ 1,400 บาท / คน)
ค่าตั๋ว KUL-ลังกาวี 90 บาท/คน (ไป-กลับ 180 / คน)
ค่าเช่ารถ 90 ริงกิต (ประมาณ 750/วัน)
จองตั๋วนานหน่อย คอยติดตามโปรฯ จากเพื่อน ๆ ในห้องบลูฯ และจากประกาศทั่วๆ ของสายการบิน ของโรงแรม และหาวันหยุดให้ลงล็อค แค่นี้ ก็เที่ยวสบายสไตล์มิ่งแล้วค่ะ
พอถึงก็ผ่าน ตม. ปกติ แต่ที่มาเลเซีย ไม่ต้องเขียนใบผ่าน ตม.(Immigration Form) สะดวกสบายดีค่ะ ผู้ใหญ่ต้องแสกนนิ้วและอมยิ้มให้กล้องตรงที่น้อง ตม. ประจำการ ส่วนเด็กเดินเข้า ตม. พร้อมพ่อหรือแม่นั่นล่ะค่ะ ดูแค่ Passport มองกล้องและอมยิ้มนิดหน่อยนะเด็ก
ผ่าน ตม. มาก็เจอ duty free ขายของปลอดภาษ๊ทั่วไป สำหรับที่นี่ก็ถือว่าปานกลางขึ้นไป ของขายเยอะเหมือนกัน ถ้ามีเวลาก็เดินช้อปได้เลยค่ะ พอดีเราไปถึงก็ดึกแล้วเลยรีบเดินไปหาที่พักที่จองไว้ล่วงหน้าแล้ว
คราวนี้จองโรงแรม T ไว้ เดินจากสนามบินไปได้เลย เดินออกมาแถวทางออก ลงบันไดเลื่อนไปทางเดียวกับที่จะไปขึ้นรถบัส รถ TAXI จะมีป้ายบอกและเป็นทางเชื่อมไปโรงแรม เดินสักประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ที่โรงแรมต้องจองไว้ก่อน ถ้าไม่จองนี่เต็มแน่นอน เพราะนักเดินทางที่ไปต่อเครื่องที่ KUL ส่วนใหญ่จะใช้บริการโรงแรมที่นี่ ห้องก็เล็ก เตียงนอนก็เบียดๆกันได้ 3 คนพ่อ แม่ ลูก ห้องน้ำก็เล็ก แต่ของในห้องครบ สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว แต่สมัยก่อนต้องแยกผ้าเช็ดตัวเพิ่มด้วยนะ
Day 1 (คืนแรก มาถึงก็นอนเลย)

เสียดายลืมเก็บรูปห้องพักที่ Tune Hotel ไว้ ได้มารูปเดียวเอง สุดเตียงอีกด้านที่เรายืนถ่ายรูป ก็เกือบสุดห้องละ หุหุ แต่ Tune Hotel ก็เล็กทุกที่นะ ห้องดี ประหยัด ปลอดภัย แต่เล็ก บริเวณ Lobby จะมีทางเชื่อมเดินไป 7-11 เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ พวก นม ขนมปังไว้ให้หนูมิ่ง ซื้อน้ำเปล่าไว้กินด้วย ที่โรงแรมไม่มีไว้บริการ หรือซื้อที่โรงแรมก็แพงกว่า เราประหยัดไว้ก่อนค่ะ
Day 2 เดินทางสู่จุดหมาย

เช้าวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2559 แม่ตื่น ตี 5 อาบน้ำแต่งตัว แพ็คกระเป๋า เตรียมชุดไว้ให้พ่อลูก แล้วปลุกทุกคนอาบน้ำ 6 โมงเช้าต้อง Check out จากโรงแรมให้เรียบร้อย และเดินมา Check-in ขึ้นเครื่องไปลังกาวี เที่ยวแรกออกจาก KL 7:30 น.ไปถึงลังกาวี 8:30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

ถึงแล้วจ้าาา เกาะลังกาวี ชอบบรรยากาศสนามบินที่เล็กๆ ไม่วุ่นวาย ผู้โดยสารสามารถเดินจากตัวเครื่องมาที่อาคารผู้โดยารได้เลย ไม่ต้องพ่วงงวงช้าง ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก

อาคารผู้โดยสารเดินมานิดเดียว เดินไปหมุนตัวดูวิวรอบๆ ตัวไป จนเจ้าหน้าที่ต้องเป่านกหวีดไล่ให้เดินเร็วๆ ท้องฟ้าสีสดใส ออกมายักคิ้วหลิ่วไหล่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเพลิดเพลิน

บริเวณรอบๆ สนามบิน ป้ายบิลบอร์อดขนาดใหญ่ มีรูปนกอินทรีย์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกาะลังกาวี

ตรงทางเข้าในอาคารมีแผนที่รอบเกาะ ไว้ยินดีย้อนรับนักเดินทางด้วย แม่แอบถ่ายรูปลูก และยังมีพ่อมาแอบถ่ายแม่กับลูกอีกที เหอะ เหอะ ปากห้อยเชียวแม่เอ้ยยยยย

Counter บริการรถเช่า มีเรียงรายหลายบริษัท เดินสุ่มไปเลย คราวนี้โชคดีได้รถดีหน่อย จะออกจากสนามบินได้ต้องมีน้องประจำรถไปสแกนบัตรตรงทางออก ถึงจะนำรถออกได้ ตรวจรถ เช็คสภาพให้เรียบร้อยนะจ๊ะ รถมีตำหนิตรงไหนแจ้งเขาด้วย ได้รถแล้วก็เปิด GPS ไปโลด
ปั๊มน้ำมันที่สวยที่สุดในลังกาวี Petronas Quay

ไปเติมน้ามันกันค่ะ
เอ้ยยย!!! นี่มันเรือยอร์ช
ใช่ๆๆๆ เรือยอร์ชจอดอยู่ในปั๊มน้ำมัน เดินจากหัวจ่าย 10 ก้าวก็ถึงท่าเรือยอร์ชที่จอดเรียงรายอยู่ในอ่าวเล็กๆ เต็มไปหมด มองลงมาจากเครื่องบินยิ่งสวยค่ะ

นี่ๆ รถเราสีขาว จอดแอบอยู่ตรงหัวจ่ายนี่ ซ้ายมือจะเป็นอ่าวจอดเรือยอร์ช ต้องไปจ่ายเงินก่อนแล้ว แล้วค่อยมาเติมน้ำมันเอง เหมือนปั๊มบางจากบ้านเราบางปั๊มก็ทำแบบนี้ น้ำมันที่นี่ถูกมาก เติมไป 200 บาทได้กี่ลิตรไม่รู้ลืมจดไว้ ตอนคืนรถไม่ต้องเติมน้ำมันเพิ่ม ถ้าเป็นบ้านเรา กฎการเช่ารถคืนตอนเช่ารถเติมเต็มถัง ตอนคืนรถก็เติมเต็มถังเช่นกันค่ะ

เจ้ามิ่งตัวดีแอบถ่ายรูปตอนแม่ปากห้อยระดับ 10 เอารูปตอนเติมน้ำมันมาให้ดูค่ะ
เติมน้ำมันเสร็จตาม GPS ไปที่จุดหมายที่ตั้งไว้ ที่ลังกาวีจะเป็นถนนรอบเกาะค่ะ ใช้เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง
Langkawi Cable Car & Langkawi Sky Bridge

จอดรถไว้ที่ลานจอด เดินมานิดเดียวก็เจอบริเวณท่องเที่ยว จัดไว้เป็นโซนต่างๆ

ร้านขายของที่ระลึกก็มีทั่วไปทั้งบริเวณ

ป้าหมายเราคือจะไปขึ้น Cable Car นี่คืออาคารขายตั๋ว ไอ้กลมๆ สีเงินนั่นคือ Sky Dome
ทุกคนต้องผ่านด่าน Sky Dome แล้วค่อยต่อแถวขึ้น Cable car

ราคาจำหน่ายตั๋ว บ้านเราเลือก COMBO A (1 ริงกิต ประมาณ 8.6 บาท ) ขอโทษทีค่ะ ถ่ายรูปไม่ชัด คนต่อแถวเยอะ ต้องเอนตัวไปข้างหลัง กลัวโดนตัวเพื่อนนักท่องเที่ยวค่ะ

ทางเข้า Sky Dome จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 20 คน ข้างในจะฉายหนัง 3 มิติ (น่าจะเป็น 3 มิติ นะ เพราะเก้าอี้ไม่สั่น ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่น ไม่มีละอองน้ำพ่นออกมาตอนดู) หนังเกี่ยวกับรถไฟตีลังกาผาดโผนประมาณนั้น ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จอหนังก็จะโค้งระดับสายตาและเหนือศีรษะ ซึ่งก็คือภายในโดมที่เราเห็นจากข้างนอกนั่นล่ะค่ะ ตื่นเต้นดี

ภายในโดม เป็นที่นั่งดูหนัง เก้าอี้นั่งสบาย จับจองที่นั่งได้ไม่ตั้งมีเลขที่นั่งค่ะ

ออกจาก Sky Dome แล้วก็เข้าแถวขึ้น Cable Car เลยค่ะความสูงไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ความหวาดเสียวสุดๆ จะอยู่ตรงเสาที่ยึดสลิง ซึ่งมีอยู่เป็นระยะ รอกจะหมุนกึกๆ กระเช้าจะแกว่งแรงจนรู้สึก แต่แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ค่ะ ใจยังไม่หายไปไหน

ยังขึ้นไม่สูงมากแต่วิวแจ่มมากค่ะ

ถึงสถานีจุดชมวิวแล้วค่ะ ตรงสถานีกระเช้าไม่หยุดแต่จะหมุนช้าๆ ให้คนได้ขึ้น ลง ประตูจะเปิดปิดอัตโนมัติ
จะมีช่องลมให้ลมผ่าน เย็นสบายฉ่ำผิว และได้กลิ่นไอหมอกด้วย

แวะเก็บภาพโลกทั้งใบเอาไว้เป็นที่ระลึก

หยอดเหยียญชมภาพขยายเกาะลังกาวีทั้งเกาะ สูงมาก หวาดเสียวมาก หนูมิ่งยืนกร็งเลย เหอะๆๆ

อีกมุมของสถานี

จะไป Sky Bridge ต้องซื้อตั๋วอีกรอบ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองเนอะ เมื่อสองปีก่อนไม่ได้ขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าทำยังไม่เสร็จ หรือปิดปรับปรุง คราวนี้เลยจัดไปไม่ให้พลาด สวยจริงๆค่ะ

ทางไป Sky Bridge ต้องลงเขาไปนิดหน่อยแต่ชันมาก ต้องค่อยเดิน มีราวให้จับตลอดทาง แต่ใครจะนั่งกระเช้าลงไปก็ได้ต้องเสียตังเพิ่ม ซึ่งเราจะเลือกแต่แรกว่าจะเอาแบบเดินหรือขึ้นกระเช้า บ้านมิ่งเลือกเดิน เพราะขาลุยอยู่แล้ว

ปลายทางเราอยู่โน้นนนนน

ใกล้ถึงแล้ว แค่เห็นรูปก็รู้สึกถึงระอองหมอกไหมคะ ของจริงมันเย็นฉ่ำจริงๆ ค่ะ

ขึ้นมาถึงจุดนี้ ขาสั่นกันทั้งบ้าน สูกงและสวยมากกกกก ไม่กล้าไปยืนเกาะราวสะพาน มีบางจุดที่เป้นกระจก แค่เดินเฉียดก็เข่าอ่อนแล้ว มนุษย์เอาชนะธรมชาติ ช้านนนนไปยืนเหนือเมฆอยู่บนเขาสองลูก

ภูเขาสลับซับซ้อนแบบนี้ทังบริเวณ ค่อยๆไล่เก็บโลกทั้งใบไว้ในสายตา ผ่านเลนส์ ผ่านความทรงจำ ผ่านการจดบันทึก

ลงแล้วจ้าาา ด้านหลังเป็นเขา ด้านหน้าเป็นทะเล เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย
[CR] เกาะลังกาวี...ใกล้แค่นี้เอง
เที่ยวลังกาวี
สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะเพื่อนๆ พอเริ่มเขียนได้ ก็มีเรื่องเล่าเยอะเลย พ่อแม่พามิ่งเที่ยวอีกแล้ว คราวนี้ไปเที่ยวเกาะลังกาวีมั่ง ซึ่งเป็นการไปครั้งที่สองของบ้านหนูมิ่ง ครั้งแรกเราไปเมื่อปี 2014 เกาะนี้ใกล้ไทยนิดเดียวเอง ตั้งออยู่บนรัฐเคดาห์ (Kedah) เป็นรัฐที่อยู่ทางตอนหนือของมาเลเซีย โดยส่วนตัวแล้วเราว่าภูมิประเทศคล้ายชายฝั่งทะเลทางใต้ของบ้านเรา มีความเป็นธรรมชาติสูง ทะเล ท้องฟ้า ภูเขาเขียวอุดมสมบูรณ์ มีความเงียบสงบไม่จุ้นจ้าน ไม่หวือหวา เหมือนสาวน้อยบ้านนาผู้มีความงามตามธรรมชาติและจริงใจใสซื่อ
ก่อนไปเราก็จองล่วงหน้าเป็นปีเหมือนกันค่ะ วางแผนไว้ตั้งแต่การเดินทาง ที่พัก แหล่งท่องเที่ยวที่เก็บตกจากคราวที่แล้ว เราไปแค่ทริปสั้นๆ ค่ะ แต่คราวนี้ไป 2 คืน 3 วัน
เราเดือนทางโดยสายการบิน #AirAsia จากดอนเมือง เวลา 20:20 น.ไปลง
กัวลาลัมเปอร์ (KUL) ถึงเวลา 23 : 30 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เวลาที่มาเลเซียจะเร็วกว่าไทย 1 ชม. ขึ้นเครื่องปุ๊บหลับกองกันทั้งพ่อแม่ลูก ไม่ได้เก็บภาพบเครื่องมาฝาก
ค่าตั๋ว ดอนเมือง-KUL 0 บาท แต่ต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินประมาณ 700 บาท/คน (ไป-กลับ ประมาณ 1,400 บาท / คน)
ค่าตั๋ว KUL-ลังกาวี 90 บาท/คน (ไป-กลับ 180 / คน)
ค่าเช่ารถ 90 ริงกิต (ประมาณ 750/วัน)
จองตั๋วนานหน่อย คอยติดตามโปรฯ จากเพื่อน ๆ ในห้องบลูฯ และจากประกาศทั่วๆ ของสายการบิน ของโรงแรม และหาวันหยุดให้ลงล็อค แค่นี้ ก็เที่ยวสบายสไตล์มิ่งแล้วค่ะ
พอถึงก็ผ่าน ตม. ปกติ แต่ที่มาเลเซีย ไม่ต้องเขียนใบผ่าน ตม.(Immigration Form) สะดวกสบายดีค่ะ ผู้ใหญ่ต้องแสกนนิ้วและอมยิ้มให้กล้องตรงที่น้อง ตม. ประจำการ ส่วนเด็กเดินเข้า ตม. พร้อมพ่อหรือแม่นั่นล่ะค่ะ ดูแค่ Passport มองกล้องและอมยิ้มนิดหน่อยนะเด็ก
ผ่าน ตม. มาก็เจอ duty free ขายของปลอดภาษ๊ทั่วไป สำหรับที่นี่ก็ถือว่าปานกลางขึ้นไป ของขายเยอะเหมือนกัน ถ้ามีเวลาก็เดินช้อปได้เลยค่ะ พอดีเราไปถึงก็ดึกแล้วเลยรีบเดินไปหาที่พักที่จองไว้ล่วงหน้าแล้ว
คราวนี้จองโรงแรม T ไว้ เดินจากสนามบินไปได้เลย เดินออกมาแถวทางออก ลงบันไดเลื่อนไปทางเดียวกับที่จะไปขึ้นรถบัส รถ TAXI จะมีป้ายบอกและเป็นทางเชื่อมไปโรงแรม เดินสักประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ที่โรงแรมต้องจองไว้ก่อน ถ้าไม่จองนี่เต็มแน่นอน เพราะนักเดินทางที่ไปต่อเครื่องที่ KUL ส่วนใหญ่จะใช้บริการโรงแรมที่นี่ ห้องก็เล็ก เตียงนอนก็เบียดๆกันได้ 3 คนพ่อ แม่ ลูก ห้องน้ำก็เล็ก แต่ของในห้องครบ สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว แต่สมัยก่อนต้องแยกผ้าเช็ดตัวเพิ่มด้วยนะ
Day 1 (คืนแรก มาถึงก็นอนเลย)
เสียดายลืมเก็บรูปห้องพักที่ Tune Hotel ไว้ ได้มารูปเดียวเอง สุดเตียงอีกด้านที่เรายืนถ่ายรูป ก็เกือบสุดห้องละ หุหุ แต่ Tune Hotel ก็เล็กทุกที่นะ ห้องดี ประหยัด ปลอดภัย แต่เล็ก บริเวณ Lobby จะมีทางเชื่อมเดินไป 7-11 เตรียมอาหารเช้าง่ายๆ พวก นม ขนมปังไว้ให้หนูมิ่ง ซื้อน้ำเปล่าไว้กินด้วย ที่โรงแรมไม่มีไว้บริการ หรือซื้อที่โรงแรมก็แพงกว่า เราประหยัดไว้ก่อนค่ะ
Day 2 เดินทางสู่จุดหมาย
เช้าวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2559 แม่ตื่น ตี 5 อาบน้ำแต่งตัว แพ็คกระเป๋า เตรียมชุดไว้ให้พ่อลูก แล้วปลุกทุกคนอาบน้ำ 6 โมงเช้าต้อง Check out จากโรงแรมให้เรียบร้อย และเดินมา Check-in ขึ้นเครื่องไปลังกาวี เที่ยวแรกออกจาก KL 7:30 น.ไปถึงลังกาวี 8:30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที
ถึงแล้วจ้าาา เกาะลังกาวี ชอบบรรยากาศสนามบินที่เล็กๆ ไม่วุ่นวาย ผู้โดยสารสามารถเดินจากตัวเครื่องมาที่อาคารผู้โดยารได้เลย ไม่ต้องพ่วงงวงช้าง ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก
อาคารผู้โดยสารเดินมานิดเดียว เดินไปหมุนตัวดูวิวรอบๆ ตัวไป จนเจ้าหน้าที่ต้องเป่านกหวีดไล่ให้เดินเร็วๆ ท้องฟ้าสีสดใส ออกมายักคิ้วหลิ่วไหล่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเพลิดเพลิน
บริเวณรอบๆ สนามบิน ป้ายบิลบอร์อดขนาดใหญ่ มีรูปนกอินทรีย์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกาะลังกาวี
ตรงทางเข้าในอาคารมีแผนที่รอบเกาะ ไว้ยินดีย้อนรับนักเดินทางด้วย แม่แอบถ่ายรูปลูก และยังมีพ่อมาแอบถ่ายแม่กับลูกอีกที เหอะ เหอะ ปากห้อยเชียวแม่เอ้ยยยยย
Counter บริการรถเช่า มีเรียงรายหลายบริษัท เดินสุ่มไปเลย คราวนี้โชคดีได้รถดีหน่อย จะออกจากสนามบินได้ต้องมีน้องประจำรถไปสแกนบัตรตรงทางออก ถึงจะนำรถออกได้ ตรวจรถ เช็คสภาพให้เรียบร้อยนะจ๊ะ รถมีตำหนิตรงไหนแจ้งเขาด้วย ได้รถแล้วก็เปิด GPS ไปโลด
ปั๊มน้ำมันที่สวยที่สุดในลังกาวี Petronas Quay
ไปเติมน้ามันกันค่ะ
เอ้ยยย!!! นี่มันเรือยอร์ช
ใช่ๆๆๆ เรือยอร์ชจอดอยู่ในปั๊มน้ำมัน เดินจากหัวจ่าย 10 ก้าวก็ถึงท่าเรือยอร์ชที่จอดเรียงรายอยู่ในอ่าวเล็กๆ เต็มไปหมด มองลงมาจากเครื่องบินยิ่งสวยค่ะ
นี่ๆ รถเราสีขาว จอดแอบอยู่ตรงหัวจ่ายนี่ ซ้ายมือจะเป็นอ่าวจอดเรือยอร์ช ต้องไปจ่ายเงินก่อนแล้ว แล้วค่อยมาเติมน้ำมันเอง เหมือนปั๊มบางจากบ้านเราบางปั๊มก็ทำแบบนี้ น้ำมันที่นี่ถูกมาก เติมไป 200 บาทได้กี่ลิตรไม่รู้ลืมจดไว้ ตอนคืนรถไม่ต้องเติมน้ำมันเพิ่ม ถ้าเป็นบ้านเรา กฎการเช่ารถคืนตอนเช่ารถเติมเต็มถัง ตอนคืนรถก็เติมเต็มถังเช่นกันค่ะ
เจ้ามิ่งตัวดีแอบถ่ายรูปตอนแม่ปากห้อยระดับ 10 เอารูปตอนเติมน้ำมันมาให้ดูค่ะ
เติมน้ำมันเสร็จตาม GPS ไปที่จุดหมายที่ตั้งไว้ ที่ลังกาวีจะเป็นถนนรอบเกาะค่ะ ใช้เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง
Langkawi Cable Car & Langkawi Sky Bridge
จอดรถไว้ที่ลานจอด เดินมานิดเดียวก็เจอบริเวณท่องเที่ยว จัดไว้เป็นโซนต่างๆ
ร้านขายของที่ระลึกก็มีทั่วไปทั้งบริเวณ
ป้าหมายเราคือจะไปขึ้น Cable Car นี่คืออาคารขายตั๋ว ไอ้กลมๆ สีเงินนั่นคือ Sky Dome
ทุกคนต้องผ่านด่าน Sky Dome แล้วค่อยต่อแถวขึ้น Cable car
ราคาจำหน่ายตั๋ว บ้านเราเลือก COMBO A (1 ริงกิต ประมาณ 8.6 บาท ) ขอโทษทีค่ะ ถ่ายรูปไม่ชัด คนต่อแถวเยอะ ต้องเอนตัวไปข้างหลัง กลัวโดนตัวเพื่อนนักท่องเที่ยวค่ะ
ทางเข้า Sky Dome จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 20 คน ข้างในจะฉายหนัง 3 มิติ (น่าจะเป็น 3 มิติ นะ เพราะเก้าอี้ไม่สั่น ไม่มีเสียงไม่มีกลิ่น ไม่มีละอองน้ำพ่นออกมาตอนดู) หนังเกี่ยวกับรถไฟตีลังกาผาดโผนประมาณนั้น ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จอหนังก็จะโค้งระดับสายตาและเหนือศีรษะ ซึ่งก็คือภายในโดมที่เราเห็นจากข้างนอกนั่นล่ะค่ะ ตื่นเต้นดี
ภายในโดม เป็นที่นั่งดูหนัง เก้าอี้นั่งสบาย จับจองที่นั่งได้ไม่ตั้งมีเลขที่นั่งค่ะ
ออกจาก Sky Dome แล้วก็เข้าแถวขึ้น Cable Car เลยค่ะความสูงไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ความหวาดเสียวสุดๆ จะอยู่ตรงเสาที่ยึดสลิง ซึ่งมีอยู่เป็นระยะ รอกจะหมุนกึกๆ กระเช้าจะแกว่งแรงจนรู้สึก แต่แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ค่ะ ใจยังไม่หายไปไหน
ยังขึ้นไม่สูงมากแต่วิวแจ่มมากค่ะ
ถึงสถานีจุดชมวิวแล้วค่ะ ตรงสถานีกระเช้าไม่หยุดแต่จะหมุนช้าๆ ให้คนได้ขึ้น ลง ประตูจะเปิดปิดอัตโนมัติ
จะมีช่องลมให้ลมผ่าน เย็นสบายฉ่ำผิว และได้กลิ่นไอหมอกด้วย
แวะเก็บภาพโลกทั้งใบเอาไว้เป็นที่ระลึก
หยอดเหยียญชมภาพขยายเกาะลังกาวีทั้งเกาะ สูงมาก หวาดเสียวมาก หนูมิ่งยืนกร็งเลย เหอะๆๆ
อีกมุมของสถานี
จะไป Sky Bridge ต้องซื้อตั๋วอีกรอบ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองเนอะ เมื่อสองปีก่อนไม่ได้ขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าทำยังไม่เสร็จ หรือปิดปรับปรุง คราวนี้เลยจัดไปไม่ให้พลาด สวยจริงๆค่ะ
ทางไป Sky Bridge ต้องลงเขาไปนิดหน่อยแต่ชันมาก ต้องค่อยเดิน มีราวให้จับตลอดทาง แต่ใครจะนั่งกระเช้าลงไปก็ได้ต้องเสียตังเพิ่ม ซึ่งเราจะเลือกแต่แรกว่าจะเอาแบบเดินหรือขึ้นกระเช้า บ้านมิ่งเลือกเดิน เพราะขาลุยอยู่แล้ว
ปลายทางเราอยู่โน้นนนนน
ใกล้ถึงแล้ว แค่เห็นรูปก็รู้สึกถึงระอองหมอกไหมคะ ของจริงมันเย็นฉ่ำจริงๆ ค่ะ
ขึ้นมาถึงจุดนี้ ขาสั่นกันทั้งบ้าน สูกงและสวยมากกกกก ไม่กล้าไปยืนเกาะราวสะพาน มีบางจุดที่เป้นกระจก แค่เดินเฉียดก็เข่าอ่อนแล้ว มนุษย์เอาชนะธรมชาติ ช้านนนนไปยืนเหนือเมฆอยู่บนเขาสองลูก
ภูเขาสลับซับซ้อนแบบนี้ทังบริเวณ ค่อยๆไล่เก็บโลกทั้งใบไว้ในสายตา ผ่านเลนส์ ผ่านความทรงจำ ผ่านการจดบันทึก
ลงแล้วจ้าาา ด้านหลังเป็นเขา ด้านหน้าเป็นทะเล เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น