เรื่องที่ 1 The Hands Resist Him
สวัสดีครับชาวพันทิปที่ชอบอ่านเรื่องน่ากลัวทุกคน ผมมีเรื่องเล่าเกิดขึ้นใกล้ตัวผมเองจะมาแชร์ความน่ากลัวให้ทุกคนได้อ่านกัน ผมขอเกริ่นนำก่อนว่า ผมมีเพื่อนชาวอเมริกันคนนึงชื่อว่า Billy เขาเป็นพวกที่ชอบงานศิลปะ ชอบซื้อสะสมงานศิลปะเป็นงานอดิเรก Billy ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิคและอนิเมชั่น เขาทำงานให้กับบริษัทดังๆมากมาย แต่นั้นไม่ใช้ประเด็น เรื่องมันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ Billy กำลังนั่งดูสินค้าภาพวาดต่างๆที่เขาชื่นชอบในเว็บ eBbay แล้วเขาก็สนใจภาพนึง เป็นรูปเด็กผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้ายืนอยู่ และมีตุ๊กตายืนอยู่ข้างๆกับเด็กผู้ชายคนนั้น เขาสนใจตัวภาพวาดนี้มาก เหมื่อนมีอะไรดึงดูดให้เข้าต้องซื้อมาใว้ประดับที่บ้านเขา เมื่อเขามองดูราคาก็ปะหลาดใจมาก เพราะมันถูกมากจนไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ 199 เหรียญ เท่านั้น เขาจึงตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่ลังเล
เมื่อของมาถึงบ้านของ Billy เรียบร้อยแล้ว Billy ก็ได้ติดมันใว้กับฝาผนั่งห้องนอนตัวเอง ในตอนแรก Billy เล่าให้ผมฟังว่า มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก แต่ Billy เขาฝัน เกี่ยวกับภาพนี้ว่า เด็กผู้ชายในภาพกำลังคุยกับตุ๊กตา แต่เขาจับใจความบทสนทนาไม่ได้ว่าคุยอะไรกันแน่ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาไม่ได้คิดอะไรมากที่เขาอาจจะฝันแบบนั้นเพราะเขาเพิ่งได้รูปนี้มาและเขาก็ชอบตรงที่เด็กผู้ชายเหมือนตัวเขาเองตอนเด็กๆ “ที่ฉันซื้อภาพนี้มาเพราะครั้งแรกที่ ฉันมองภาพนี้ มันเหมือนฉันเห็นตัวเองตอนเป็นเด็กๆ เหมือนกับว่าจิตรกรได้วาดภาพตัวฉันเอง แล้วจะไม่ให้ฉันเก็บภาพที่คนอื่นวาดตัวเองได้ไง เป็นนายมีคนมาขอถ่ายรูปนาย นายก็อยากรู้ใช้ไหมว่าเขาถ่ายออกมาดีไหม ถ้ามันออกมาดี นายก็อยากจะเก็บรูปถ่ายนั้นใว้เหมือนกันใช่ไหมละ ถึงแม้เขาจะมาขายกับนายก็เถอะ และราคาแค่ 199 เหรียญ กับภาพแบบนี้ เป็นใครมันก็ต้องซื้อกันทั้งนั้นแหละ ต่อให้ไม่ได้สะสมงานศิลปะเหมือนฉันก็เถอะ” Billy ได้บอกกับผมแบบนี้ ผมก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงซื้อรูปนี้มาโดยไม่ลังเลอะไรเลย เพราะจริงๆแล้ว Billy จะเป็นคนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยยิ่งงานศิลปะที่เขาชอบด้วยแล้ว ไมใช่ว่าเขาชอบแล้วจะซื้อนะครับ เขายังดูเรื่องราคา ขนาดภาพ จิตกร องค์ประกอบนู้นนี้นั้นของเขา ซึ่งคนอย่างผมไม่เข้าใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขาก็จะบอกพูดไปนายก็ไม่เข้าใจหรอก ก็ถูกของเขา
มีครั้งนึงผมได้มีโอกาศไปบ้าน Billy บ้านเขาก็จะเต็มไปด้วยงานศิลปะเยอะแยะทั้งภาพติดฝาผนัง รูปปั้นต่างๆ มีเต็มบ้านเขาไปหมด เยอะกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านเขาซ่ะอีก ผมไปงานวันเกิดของเขา ก็เป็นงานวันเกิดเล็กๆครับ มีคนมางาน 4 คน ล้วนแต่เป็นคนสนิทของ Billy ทั้งนั้นและเป็นเพื่อนสนิทผมด้วย วันนั้นเราค้างคืนกันที่บ้านของ Billy หลังจากงานวันเกิดจบทุกคนก็เมามายนอนกันไม่เป็นที่เป็นทาง และแน่นอนว่าผมก็เมาจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พอรุ่งเช้าเพื่อนผมชื่อ Ed ได้ถาม Billy ว่า เด็กที่เขาเล่นด้วยเมื่อคืนมาจากใหนและตอนนี้ไปไหนแล้ว Billy ทำหน้างงๆ ว่าเด็กที่ไหน บ้านนี้ปกติแล้วเขาอยู่แค่คนเดียวและเขาก็บอกว่าพวกนายก็น่าจะรู้ว่าฉันยังไม่ได้แต่งงานเลย และบริเวณแถวบ้านฉันก็ไม่มีเด็กอยู่ด้วย Billy บอกกับ Ed ไปแบบนั้นและไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเพราะคิดว่า Ed เมา และทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บกวาดจากสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สักครู่นึงก็มีเสียงตะโกนดังว่า “นี้ไงๆ” Ed ร้องตะโกนดังรั่น “เด็กที่ฉันเห็นในงานปารตี้เมื่อคืนนี้ ฉันจำได้เด็กผู้ชายคนนี้” ED บอกและชี้นิ้วไปที่เด็ก ผู้ชายในภาพวาด “เดี๋ยวนะ ฉันจำได้ว่าภาพนี้มันอยู่ในห้องนอนฉัน แล้ว มัน มา อยู่ ที่ ห้อง นั่ง เล่น ได้ ไง” Billy ถาม Ed “ฉันไม่รู้ ฉันจะไปรู้กับนายไหมว่าภาพนี้มันควรอยู่ตรงไหน ฉันแค่บอกว่า เรื่องที่ฉันเล่าว่าเล่นกับเด็กเมื่อคืนเหมือนกับเด็กในภาพนี้แค่นั้นเอง” Ed ตอบ “ฉันว่าเมื่อคืนนายคงเมามากและนึกสนุกเข้าห้องนอนฉัน และนายย้ายภาพนี้มาแล้วคิดว่านายเล่นอยู่กับเด็กรึเปล่าเพราะภาพวาดมันคงไม่มีขาเดินมาที่ห้องนี้เองได้นะ” Billy เริ่มโมโหที่มีคนมายุ่งกับงานสะสมของเขา “นายก็รู้นี้ Ed ว่า ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับงานศิลปะในห้องนอนฉัน” Billy เริ่มต่อว่า Ed “แล้วทำไมนายไม่ล๊อคห้องนายใว้ดีๆเหมือนทุกครั้งละ”ผมถาม Billy “เออ จริงด้วย ฉันจำได้ว่าก่อนพวกนายมาถึงฉันล๊อคห้องนอนฉันเรียบร้อยแล้ว.....แล้ว Ed เข้าห้องได้ไง ? กุญแจ!!” Billy พูดเสร็จและนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเก็บกุญแจใว้ในที่ ที่นึง แล้วเขา วิ่งไปตามหา “เจอแล้วววววว” Billy ตะโกนด้วยความดีใจ และวิ่งมาห้องนั่งเล่น “ฉันมั่นใจเลยว่า Ed ไม่มีทางรู้ที่ซ้อนกุญแจ และพวกนายทุกคนก็ด้วย ฉันมั่นใจเลย ฉันซ้อนในบ้านตัวเองจะมีใครรู้ดีไปกว่าบ้านตัวเองอีก และที่ซำคัญถ้ามันหายไปจากที่ฉันซ้อน ฉันมั่นใจเลยว่า กุญแจมันจะไม่กลับไปอยู่ที่ที่มันซ้อน” Billy พูด แล้วภาพนี้มันย้ายมาได้ไง นี้คือคำถามที่ทุกคนยังคงงงอยู่และไม่มีใครหาคำตอบได้
หลายวันต่อมาในที่ทำงานของพวกเรา เรานั่งกินข้าวและคุยกันปกติ และอยู่ๆ Billy ก็ขอโทษ Ed ที่ได้กล่าวหา Ed ในงานวันเกิด Ed ก็บอกไม่เป็นไรเพื่อน และ Billy ได้เล่าให้พวกผมฟังอีกว่า “ฉันได้ติดต่อกับ เจ้าของภาพคนเก่าไปอ่ะ เจ้าของภาพคนเก่าเป็นคู่สามีภรรยาจากแคลิฟอร์เนีย ได้ไปเจอภาพนี้ถูกทิ้งไว้ในโรงกลั่นเหล้าร้างโดยบังเอิญ เห็นว่าเป็นภาพที่ดีจึงนำติดมือกลับมา เมื่อได้เห็นครั้งแรกทั้งคู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อยว่าทำไมภาพดีๆอย่างนี้จึงถูกนำไปทิ้งไว้แบบนั้น แล้วก็แขวนภาพนี้ไว้ในห้องนอนของลูกสาววัยสี่ขวบ เช้าวันหนึ่งลูกสาวของพวกเขาบ่นให้ฟังว่าเด็กสองคนในภาพทะเลาะกันและออกจากภาพเข้ามาในห้องในช่วงกลางคืน ผู้เป็นพ่อจึงลองติดตั้งกล้องถ่ายภาพแบบมีเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวไว้ในห้องลูกสาวเป็นเวลาสามคืน กล้องได้ถ่ายภาพออกมาหลายภาพ และภาพถ่ายสองใบสุดท้ายนั้นดูเหมือนเด็กผู้ชายกำลังจะหนีออกมาจากภาพด้วยความหวาดกลัว พวกเขาตัดสินใจว่าไม่อยากจะเก็บภาพนี้ไว้ และบอกว่าจะไม่ขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นหลังการขาย และเขาส่ง 2 รูปนี้มาให้ฉันดู”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากที่พวกผมได้เห็น 2 ภาพนี้ไป ทำเอาผมขนลุกไปเลยจากบรรยากาศคุยสนุกสนานกันเมื่อครู่กลับกลายเป็นความเงียบงันและหนาวเย็นของแอร์ ผมจึงถาม Billy ว่า “และนายจะเอาไงต่อ” “ไม่รู้สิ ถ้ามันไม่ได้เลวร้ายมาก ฉันก็ยังคงเก็บมันใว้แหละ” Billy ตอบผม “เอาจริงดิ?” ผมถาม “นายก็น่าจะรู้ ว่างานศิลปะที่ฉันซื้อมาไม่เคยขายทิ้งเลยสักชิ้นเดียว เพราะฉันรักพวกมันมาก แต่ฉันคงไม่เก็บใว้ในห้องนอนแล้วละ ฉันจะเอาไปเก็บใว้ที่อื่น ฉันก็กลัวเหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ”
หลังจากที่เราทำงานเสร็จก็ต่างกลับบ้าน Billy ได้ย้ายภาพนั้นไปใว้ที่ห้องเก็บของ ของเขาในห้องใต้ดิน
ยามดึกคืนนั้น Billy ได้นอนอยู่บนเตียงของเขา แต่แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมากลางดึกเหมือนเขาได้ยินเสียงเด็กคุยกัน เป็น ผู้ชายและผู้หญิง เขารู้ทันทีเลยว่า โดนแล้ว เขาจึงตื่นขึ้นมาเปิดไฟ และตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น ภาพวาดนั้นได้กลับมาติดที่ฝาพนังห้องเขา และรูปที่เขาห็นไม่ได้เป็นรูปเดิมอีกต่อไป เขาเห็นสีหน้าของภาพวาดผู้ชายเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ เหมือนกับว่า เด็กผู้ชายคนนั้นอยากจะหนีออกไปจากภาพวาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลัวไปมากกว่านั้นคือ สีหน้าของตุ๊กตาผู้หญิงที่กำลังยิ้มหัวเราะอย่างสนุกสนาน และที่มือเขายังถือของคล้ายกับปืนอีกด้วย จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชาย “ช่วยผมด้วยๆ”และเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะ ขิๆๆ อย่างสนุกสนาน พอ Billy ได้เจอเหตุการณ์นี้ เขารับวิ่งหนีจะออกจากบ้าน และโทรศัพท์มาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังโดยทันที แต่ว่าในขณะที่ Billy คุยโทรศัพท์กับผมอยู่นั้นเอง ผมเหมือนได้ยินเสียงเหมือนสวดมนต์ของศาสนาคริสบ่นงึมงำแว่วๆที่ปลายสายขณะที่ Billy เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมเลยบอก Billy ว่าให้มาค้างบ้านผมก่อนก็ได้คืนนี้ แล้วพรุ้งนี้เอามันไปขาย หรือทำลายมันทิ้ง ก็ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นผมกับ Billy มีความอยากรู้ที่มาที่ไปของภาพนี้ว่าใครเป็นคนวาดออกมาแล้วทำไมถึงมีผีอยู่ในภาพวาดนี้ได้ Bill Stoneham คือจิตรกรที่ได้วาดภาพนี้ขึ้นมา และได้ติดต่อคุยกับเขาแล้วพบว่าที่มาของภาพนี้คือต้นแบบมาจากภาพถ่ายของ Bill Stoneham เองในสมัยเด็กๆที่มีจินตนาการว่าเขาและหุ่นยนตร์ผู้หญิงกำลังจะไปผจญภัยกันในโลกหน้า โดยที่ หุ่นผู้หญิงไม่ได้ถือปืนแต่เป็นไฟฉายนำทางให้เด็กผู้ชายในภาพวาด และนี้คือจุดประสงค์ที่เขาวาดภาพนี้ขึ้นมา และ Bill Stoneham ได้ส่งรูปที่เป็นตัวเขาและแรงบันดาลใจภาพนี้มาให้พวกผมดูกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นผมก็สืบอีกว่า ภาพนี้มันถูกทิ้งได้ไง โดยที่ก่อนหน้าคู่สามาภรรยาจะได้ไปนั้น Bill Stoneham จิตรกรชาวโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกจัดแสดงครั้งแรกที่ Los Angeles gallery และนักวิจารณ์ศิลปะของ Los Angeles Times ที่ลงบทความเกี่ยวกับงานนี้ ทั้งคู่ได้เสียชีวิตภายในหนึ่งปีหลังจากงานแสดงภาพของเขาจริงๆ และจากนั้นได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ John Marley นักแสดง(รับบทเป็น Jack Woltz ในภาพยนตร์ The Godfather)ที่ได้ซื้อภาพนี้ไป ภายหลังเขาได้เสียชีวิตลงในปี 1984 แต่ก็ยังไม่สามารถทราบได้เลยว่าภาพนี้ถูกทิ้งใว้ในโรงเหล้าเก่าได้ยังไง Billy จึงตัดสินใจขายภาพนี้ให้กับคนที่ชอบเก็บสะสมพวกของพวกนี้
บทส่งท้ายนี้ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://chaosblade.exteen.com/20090825/the-hands-resist-him และ
http://viola.bz/the-hands-resist-him/ ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปเยี้ยมชมเงานศิลปะอื่นๆของ Bill Stoneham ได้ที่
http://www.stonehamstudios.com/ และขอบคุณผู้อ่านพันทิปทุกท่าน จากผม นาย ทวีสิน ผู้เขียนกระทู้ครับ
เรื่องสั่นทวีสิน
เรื่องที่ 1 The Hands Resist Him
สวัสดีครับชาวพันทิปที่ชอบอ่านเรื่องน่ากลัวทุกคน ผมมีเรื่องเล่าเกิดขึ้นใกล้ตัวผมเองจะมาแชร์ความน่ากลัวให้ทุกคนได้อ่านกัน ผมขอเกริ่นนำก่อนว่า ผมมีเพื่อนชาวอเมริกันคนนึงชื่อว่า Billy เขาเป็นพวกที่ชอบงานศิลปะ ชอบซื้อสะสมงานศิลปะเป็นงานอดิเรก Billy ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิคและอนิเมชั่น เขาทำงานให้กับบริษัทดังๆมากมาย แต่นั้นไม่ใช้ประเด็น เรื่องมันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ Billy กำลังนั่งดูสินค้าภาพวาดต่างๆที่เขาชื่นชอบในเว็บ eBbay แล้วเขาก็สนใจภาพนึง เป็นรูปเด็กผู้ชายใส่เสื้อสีฟ้ายืนอยู่ และมีตุ๊กตายืนอยู่ข้างๆกับเด็กผู้ชายคนนั้น เขาสนใจตัวภาพวาดนี้มาก เหมื่อนมีอะไรดึงดูดให้เข้าต้องซื้อมาใว้ประดับที่บ้านเขา เมื่อเขามองดูราคาก็ปะหลาดใจมาก เพราะมันถูกมากจนไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ 199 เหรียญ เท่านั้น เขาจึงตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่ลังเล
เมื่อของมาถึงบ้านของ Billy เรียบร้อยแล้ว Billy ก็ได้ติดมันใว้กับฝาผนั่งห้องนอนตัวเอง ในตอนแรก Billy เล่าให้ผมฟังว่า มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก แต่ Billy เขาฝัน เกี่ยวกับภาพนี้ว่า เด็กผู้ชายในภาพกำลังคุยกับตุ๊กตา แต่เขาจับใจความบทสนทนาไม่ได้ว่าคุยอะไรกันแน่ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาไม่ได้คิดอะไรมากที่เขาอาจจะฝันแบบนั้นเพราะเขาเพิ่งได้รูปนี้มาและเขาก็ชอบตรงที่เด็กผู้ชายเหมือนตัวเขาเองตอนเด็กๆ “ที่ฉันซื้อภาพนี้มาเพราะครั้งแรกที่ ฉันมองภาพนี้ มันเหมือนฉันเห็นตัวเองตอนเป็นเด็กๆ เหมือนกับว่าจิตรกรได้วาดภาพตัวฉันเอง แล้วจะไม่ให้ฉันเก็บภาพที่คนอื่นวาดตัวเองได้ไง เป็นนายมีคนมาขอถ่ายรูปนาย นายก็อยากรู้ใช้ไหมว่าเขาถ่ายออกมาดีไหม ถ้ามันออกมาดี นายก็อยากจะเก็บรูปถ่ายนั้นใว้เหมือนกันใช่ไหมละ ถึงแม้เขาจะมาขายกับนายก็เถอะ และราคาแค่ 199 เหรียญ กับภาพแบบนี้ เป็นใครมันก็ต้องซื้อกันทั้งนั้นแหละ ต่อให้ไม่ได้สะสมงานศิลปะเหมือนฉันก็เถอะ” Billy ได้บอกกับผมแบบนี้ ผมก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงซื้อรูปนี้มาโดยไม่ลังเลอะไรเลย เพราะจริงๆแล้ว Billy จะเป็นคนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยยิ่งงานศิลปะที่เขาชอบด้วยแล้ว ไมใช่ว่าเขาชอบแล้วจะซื้อนะครับ เขายังดูเรื่องราคา ขนาดภาพ จิตกร องค์ประกอบนู้นนี้นั้นของเขา ซึ่งคนอย่างผมไม่เข้าใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขาก็จะบอกพูดไปนายก็ไม่เข้าใจหรอก ก็ถูกของเขา
มีครั้งนึงผมได้มีโอกาศไปบ้าน Billy บ้านเขาก็จะเต็มไปด้วยงานศิลปะเยอะแยะทั้งภาพติดฝาผนัง รูปปั้นต่างๆ มีเต็มบ้านเขาไปหมด เยอะกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านเขาซ่ะอีก ผมไปงานวันเกิดของเขา ก็เป็นงานวันเกิดเล็กๆครับ มีคนมางาน 4 คน ล้วนแต่เป็นคนสนิทของ Billy ทั้งนั้นและเป็นเพื่อนสนิทผมด้วย วันนั้นเราค้างคืนกันที่บ้านของ Billy หลังจากงานวันเกิดจบทุกคนก็เมามายนอนกันไม่เป็นที่เป็นทาง และแน่นอนว่าผมก็เมาจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พอรุ่งเช้าเพื่อนผมชื่อ Ed ได้ถาม Billy ว่า เด็กที่เขาเล่นด้วยเมื่อคืนมาจากใหนและตอนนี้ไปไหนแล้ว Billy ทำหน้างงๆ ว่าเด็กที่ไหน บ้านนี้ปกติแล้วเขาอยู่แค่คนเดียวและเขาก็บอกว่าพวกนายก็น่าจะรู้ว่าฉันยังไม่ได้แต่งงานเลย และบริเวณแถวบ้านฉันก็ไม่มีเด็กอยู่ด้วย Billy บอกกับ Ed ไปแบบนั้นและไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกเพราะคิดว่า Ed เมา และทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บกวาดจากสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สักครู่นึงก็มีเสียงตะโกนดังว่า “นี้ไงๆ” Ed ร้องตะโกนดังรั่น “เด็กที่ฉันเห็นในงานปารตี้เมื่อคืนนี้ ฉันจำได้เด็กผู้ชายคนนี้” ED บอกและชี้นิ้วไปที่เด็ก ผู้ชายในภาพวาด “เดี๋ยวนะ ฉันจำได้ว่าภาพนี้มันอยู่ในห้องนอนฉัน แล้ว มัน มา อยู่ ที่ ห้อง นั่ง เล่น ได้ ไง” Billy ถาม Ed “ฉันไม่รู้ ฉันจะไปรู้กับนายไหมว่าภาพนี้มันควรอยู่ตรงไหน ฉันแค่บอกว่า เรื่องที่ฉันเล่าว่าเล่นกับเด็กเมื่อคืนเหมือนกับเด็กในภาพนี้แค่นั้นเอง” Ed ตอบ “ฉันว่าเมื่อคืนนายคงเมามากและนึกสนุกเข้าห้องนอนฉัน และนายย้ายภาพนี้มาแล้วคิดว่านายเล่นอยู่กับเด็กรึเปล่าเพราะภาพวาดมันคงไม่มีขาเดินมาที่ห้องนี้เองได้นะ” Billy เริ่มโมโหที่มีคนมายุ่งกับงานสะสมของเขา “นายก็รู้นี้ Ed ว่า ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับงานศิลปะในห้องนอนฉัน” Billy เริ่มต่อว่า Ed “แล้วทำไมนายไม่ล๊อคห้องนายใว้ดีๆเหมือนทุกครั้งละ”ผมถาม Billy “เออ จริงด้วย ฉันจำได้ว่าก่อนพวกนายมาถึงฉันล๊อคห้องนอนฉันเรียบร้อยแล้ว.....แล้ว Ed เข้าห้องได้ไง ? กุญแจ!!” Billy พูดเสร็จและนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเก็บกุญแจใว้ในที่ ที่นึง แล้วเขา วิ่งไปตามหา “เจอแล้วววววว” Billy ตะโกนด้วยความดีใจ และวิ่งมาห้องนั่งเล่น “ฉันมั่นใจเลยว่า Ed ไม่มีทางรู้ที่ซ้อนกุญแจ และพวกนายทุกคนก็ด้วย ฉันมั่นใจเลย ฉันซ้อนในบ้านตัวเองจะมีใครรู้ดีไปกว่าบ้านตัวเองอีก และที่ซำคัญถ้ามันหายไปจากที่ฉันซ้อน ฉันมั่นใจเลยว่า กุญแจมันจะไม่กลับไปอยู่ที่ที่มันซ้อน” Billy พูด แล้วภาพนี้มันย้ายมาได้ไง นี้คือคำถามที่ทุกคนยังคงงงอยู่และไม่มีใครหาคำตอบได้
หลายวันต่อมาในที่ทำงานของพวกเรา เรานั่งกินข้าวและคุยกันปกติ และอยู่ๆ Billy ก็ขอโทษ Ed ที่ได้กล่าวหา Ed ในงานวันเกิด Ed ก็บอกไม่เป็นไรเพื่อน และ Billy ได้เล่าให้พวกผมฟังอีกว่า “ฉันได้ติดต่อกับ เจ้าของภาพคนเก่าไปอ่ะ เจ้าของภาพคนเก่าเป็นคู่สามีภรรยาจากแคลิฟอร์เนีย ได้ไปเจอภาพนี้ถูกทิ้งไว้ในโรงกลั่นเหล้าร้างโดยบังเอิญ เห็นว่าเป็นภาพที่ดีจึงนำติดมือกลับมา เมื่อได้เห็นครั้งแรกทั้งคู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อยว่าทำไมภาพดีๆอย่างนี้จึงถูกนำไปทิ้งไว้แบบนั้น แล้วก็แขวนภาพนี้ไว้ในห้องนอนของลูกสาววัยสี่ขวบ เช้าวันหนึ่งลูกสาวของพวกเขาบ่นให้ฟังว่าเด็กสองคนในภาพทะเลาะกันและออกจากภาพเข้ามาในห้องในช่วงกลางคืน ผู้เป็นพ่อจึงลองติดตั้งกล้องถ่ายภาพแบบมีเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวไว้ในห้องลูกสาวเป็นเวลาสามคืน กล้องได้ถ่ายภาพออกมาหลายภาพ และภาพถ่ายสองใบสุดท้ายนั้นดูเหมือนเด็กผู้ชายกำลังจะหนีออกมาจากภาพด้วยความหวาดกลัว พวกเขาตัดสินใจว่าไม่อยากจะเก็บภาพนี้ไว้ และบอกว่าจะไม่ขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นหลังการขาย และเขาส่ง 2 รูปนี้มาให้ฉันดู”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากที่พวกผมได้เห็น 2 ภาพนี้ไป ทำเอาผมขนลุกไปเลยจากบรรยากาศคุยสนุกสนานกันเมื่อครู่กลับกลายเป็นความเงียบงันและหนาวเย็นของแอร์ ผมจึงถาม Billy ว่า “และนายจะเอาไงต่อ” “ไม่รู้สิ ถ้ามันไม่ได้เลวร้ายมาก ฉันก็ยังคงเก็บมันใว้แหละ” Billy ตอบผม “เอาจริงดิ?” ผมถาม “นายก็น่าจะรู้ ว่างานศิลปะที่ฉันซื้อมาไม่เคยขายทิ้งเลยสักชิ้นเดียว เพราะฉันรักพวกมันมาก แต่ฉันคงไม่เก็บใว้ในห้องนอนแล้วละ ฉันจะเอาไปเก็บใว้ที่อื่น ฉันก็กลัวเหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ”
หลังจากที่เราทำงานเสร็จก็ต่างกลับบ้าน Billy ได้ย้ายภาพนั้นไปใว้ที่ห้องเก็บของ ของเขาในห้องใต้ดิน
ยามดึกคืนนั้น Billy ได้นอนอยู่บนเตียงของเขา แต่แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมากลางดึกเหมือนเขาได้ยินเสียงเด็กคุยกัน เป็น ผู้ชายและผู้หญิง เขารู้ทันทีเลยว่า โดนแล้ว เขาจึงตื่นขึ้นมาเปิดไฟ และตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น ภาพวาดนั้นได้กลับมาติดที่ฝาพนังห้องเขา และรูปที่เขาห็นไม่ได้เป็นรูปเดิมอีกต่อไป เขาเห็นสีหน้าของภาพวาดผู้ชายเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ เหมือนกับว่า เด็กผู้ชายคนนั้นอยากจะหนีออกไปจากภาพวาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลัวไปมากกว่านั้นคือ สีหน้าของตุ๊กตาผู้หญิงที่กำลังยิ้มหัวเราะอย่างสนุกสนาน และที่มือเขายังถือของคล้ายกับปืนอีกด้วย จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเด็กผู้ชาย “ช่วยผมด้วยๆ”และเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะ ขิๆๆ อย่างสนุกสนาน พอ Billy ได้เจอเหตุการณ์นี้ เขารับวิ่งหนีจะออกจากบ้าน และโทรศัพท์มาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังโดยทันที แต่ว่าในขณะที่ Billy คุยโทรศัพท์กับผมอยู่นั้นเอง ผมเหมือนได้ยินเสียงเหมือนสวดมนต์ของศาสนาคริสบ่นงึมงำแว่วๆที่ปลายสายขณะที่ Billy เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมเลยบอก Billy ว่าให้มาค้างบ้านผมก่อนก็ได้คืนนี้ แล้วพรุ้งนี้เอามันไปขาย หรือทำลายมันทิ้ง ก็ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นผมกับ Billy มีความอยากรู้ที่มาที่ไปของภาพนี้ว่าใครเป็นคนวาดออกมาแล้วทำไมถึงมีผีอยู่ในภาพวาดนี้ได้ Bill Stoneham คือจิตรกรที่ได้วาดภาพนี้ขึ้นมา และได้ติดต่อคุยกับเขาแล้วพบว่าที่มาของภาพนี้คือต้นแบบมาจากภาพถ่ายของ Bill Stoneham เองในสมัยเด็กๆที่มีจินตนาการว่าเขาและหุ่นยนตร์ผู้หญิงกำลังจะไปผจญภัยกันในโลกหน้า โดยที่ หุ่นผู้หญิงไม่ได้ถือปืนแต่เป็นไฟฉายนำทางให้เด็กผู้ชายในภาพวาด และนี้คือจุดประสงค์ที่เขาวาดภาพนี้ขึ้นมา และ Bill Stoneham ได้ส่งรูปที่เป็นตัวเขาและแรงบันดาลใจภาพนี้มาให้พวกผมดูกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นผมก็สืบอีกว่า ภาพนี้มันถูกทิ้งได้ไง โดยที่ก่อนหน้าคู่สามาภรรยาจะได้ไปนั้น Bill Stoneham จิตรกรชาวโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกจัดแสดงครั้งแรกที่ Los Angeles gallery และนักวิจารณ์ศิลปะของ Los Angeles Times ที่ลงบทความเกี่ยวกับงานนี้ ทั้งคู่ได้เสียชีวิตภายในหนึ่งปีหลังจากงานแสดงภาพของเขาจริงๆ และจากนั้นได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ John Marley นักแสดง(รับบทเป็น Jack Woltz ในภาพยนตร์ The Godfather)ที่ได้ซื้อภาพนี้ไป ภายหลังเขาได้เสียชีวิตลงในปี 1984 แต่ก็ยังไม่สามารถทราบได้เลยว่าภาพนี้ถูกทิ้งใว้ในโรงเหล้าเก่าได้ยังไง Billy จึงตัดสินใจขายภาพนี้ให้กับคนที่ชอบเก็บสะสมพวกของพวกนี้
บทส่งท้ายนี้ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://chaosblade.exteen.com/20090825/the-hands-resist-him และ http://viola.bz/the-hands-resist-him/ ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปเยี้ยมชมเงานศิลปะอื่นๆของ Bill Stoneham ได้ที่ http://www.stonehamstudios.com/ และขอบคุณผู้อ่านพันทิปทุกท่าน จากผม นาย ทวีสิน ผู้เขียนกระทู้ครับ