ยืดเยื้อ..ยาวนาน...ยังไม่จบ
นักสืบคดีพิเศษจึงไม่อาจอยู่เฉยได้
ขอไขข้อสงสัยให้กระจ่าง!!???
คดีสหกรณ์เครดิต ใครผิดกันแน่??
DSI ได้สั่งฟ้องคดี 2 คดี ในกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ขัดแย้งกันเอง ได้แก่
1. คดีพิเศษที่ 146/2556 สั่งฟ้องนายศุภชัยและพวกข้อหา
“ลักทรัพย์นายจ้าง”
แสดงว่าทรัพย์นั้นต้องเป็นของสหกรณ์ฯ คลองจั่น
ซึ่งเป็นนายจ้างของนายศุภชัย
2. คดีพิเศษที่ 63/2557 สั่งฟ้องนายศุภชัยและพวกข้อหา
“ฉ้อโกงประชาชน ”คือหลอกชาวบ้านให้มาฝากเงินกับสหกรณ์ฯ แสดงว่าทรัพย์นั้น เป็นทรัพย์ที่เกิดจากการกระทำความผิด
เจ้าของทรัพย์ที่มีสิทธิเรียกเอาทรัพย์คืน คือ
ประชาชนที่ถูกหลอกลวง
ทรัพย์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์ของสหกรณ์ฯ คลองจั่นการที่ดีเอสไอสับสน สั่งฟ้องมั่วทั้ง 2 คดีที่ขัดแย้งกันเอง จึงขัดต่อหลักกฎหมาย
ทางแก้ไข??
ทางสหกรณ์ฯคลองจั่นยืนยันมาตลอดว่า ทรัพย์นั้นเป็นของตนและเป็นผู้แจ้งความในคดีที่ 146/2556 จนอัยการสั่งฟ้อง เรื่องขึ้นสู่ศาลแล้ว
ดังนั้นทางออกในการแก้ปัญหา
การตั้งคดีที่ขัดแย้งกันเองขัดต่อหลักกฎหมายของDSI คือ ทางอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่ 63/2557
ผลกระทบ!!!
การจะตั้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินในคดีพิเศษที่ 27/2559 ต่อ พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) และคนอื่นๆ ได้ จะต้องมีความผิดมูลฐานก่อน
ในกรณีนี้คือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่ 63/2557 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนแล้ว ความผิดมูลฐานของการฟอกเงินก็หมดไป ข้อหาสมคบกันฟอกเงินในคดีที่ 27/2559 ก็จะหมดไปด้วย
สรุปง่ายๆ ในสำนวนคดีนี้..
หมายความว่าเช็คทั้งหลายทั้งสิ้นที่นายศุภชัยจ่าย ที่ DSI มาตรวจเล็งที่เดียวที่วัดพระธรรมกาย เป็นสิ่งไม่ถูกต้องอีกทั้งรูปคดีนี้ ใน
กรณีลักทรัพย์ เงินและเช็คนั้นต้องเป็นของสหกรณ์ ผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่ง ไม่เกี่ยวข้องใดใดกับวัดพระธรรมกายเลย
กรณีฉ้อโกงฯ ก็ต้องเป็นประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งวัดพระธรรมกายไม่ได้นำทรัพย์ทั้งหมดนั้นมา และไม่มีเกี่ยวข้องในการหลอกลวงประชาชนเลย
เพราะคนที่มาฝากเงิน ไม่ได้นำเงินมาทำบุญ หรือมีส่วนกับวัด
ดังนั้น ควรจะหยุดคดีนี้ได้หรือยัง!!?? จะยืดไปอีกนานแค่ไหน อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้กฎหมาย หรือวัดพระธรรมกายจะเป็นแพะรับบาปให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราจะสืบสาวตัวการบงการให้ถึงที่สุด!!??? คอยดู
สืบจากเช็ค คดีสหกรณ์ เงินใครกันแน่!!!???
นักสืบคดีพิเศษจึงไม่อาจอยู่เฉยได้
ขอไขข้อสงสัยให้กระจ่าง!!???
คดีสหกรณ์เครดิต ใครผิดกันแน่??
DSI ได้สั่งฟ้องคดี 2 คดี ในกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ขัดแย้งกันเอง ได้แก่
1. คดีพิเศษที่ 146/2556 สั่งฟ้องนายศุภชัยและพวกข้อหา
“ลักทรัพย์นายจ้าง”
แสดงว่าทรัพย์นั้นต้องเป็นของสหกรณ์ฯ คลองจั่น
ซึ่งเป็นนายจ้างของนายศุภชัย
2. คดีพิเศษที่ 63/2557 สั่งฟ้องนายศุภชัยและพวกข้อหา
“ฉ้อโกงประชาชน ”คือหลอกชาวบ้านให้มาฝากเงินกับสหกรณ์ฯ แสดงว่าทรัพย์นั้น เป็นทรัพย์ที่เกิดจากการกระทำความผิด
เจ้าของทรัพย์ที่มีสิทธิเรียกเอาทรัพย์คืน คือ
ประชาชนที่ถูกหลอกลวง
ทรัพย์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์ของสหกรณ์ฯ คลองจั่นการที่ดีเอสไอสับสน สั่งฟ้องมั่วทั้ง 2 คดีที่ขัดแย้งกันเอง จึงขัดต่อหลักกฎหมาย
ทางแก้ไข??
ทางสหกรณ์ฯคลองจั่นยืนยันมาตลอดว่า ทรัพย์นั้นเป็นของตนและเป็นผู้แจ้งความในคดีที่ 146/2556 จนอัยการสั่งฟ้อง เรื่องขึ้นสู่ศาลแล้ว
ดังนั้นทางออกในการแก้ปัญหา
การตั้งคดีที่ขัดแย้งกันเองขัดต่อหลักกฎหมายของDSI คือ ทางอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่ 63/2557
ผลกระทบ!!!
การจะตั้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินในคดีพิเศษที่ 27/2559 ต่อ พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) และคนอื่นๆ ได้ จะต้องมีความผิดมูลฐานก่อน
ในกรณีนี้คือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่ 63/2557 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนแล้ว ความผิดมูลฐานของการฟอกเงินก็หมดไป ข้อหาสมคบกันฟอกเงินในคดีที่ 27/2559 ก็จะหมดไปด้วย
สรุปง่ายๆ ในสำนวนคดีนี้..
หมายความว่าเช็คทั้งหลายทั้งสิ้นที่นายศุภชัยจ่าย ที่ DSI มาตรวจเล็งที่เดียวที่วัดพระธรรมกาย เป็นสิ่งไม่ถูกต้องอีกทั้งรูปคดีนี้ ใน
กรณีลักทรัพย์ เงินและเช็คนั้นต้องเป็นของสหกรณ์ ผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่ง ไม่เกี่ยวข้องใดใดกับวัดพระธรรมกายเลย
กรณีฉ้อโกงฯ ก็ต้องเป็นประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย ซึ่งวัดพระธรรมกายไม่ได้นำทรัพย์ทั้งหมดนั้นมา และไม่มีเกี่ยวข้องในการหลอกลวงประชาชนเลย
เพราะคนที่มาฝากเงิน ไม่ได้นำเงินมาทำบุญ หรือมีส่วนกับวัด
ดังนั้น ควรจะหยุดคดีนี้ได้หรือยัง!!?? จะยืดไปอีกนานแค่ไหน อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้กฎหมาย หรือวัดพระธรรมกายจะเป็นแพะรับบาปให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้