เสียงตบฝาผนังห้องทำงานยังดังไม่หยุด เมื่อตั้งสติได้ทั้งสามคนก็จับกลุ่มรวมกัน และเอกอาสาไปเปิดประตูห้อง แต่ไม่เป็นผลเพราะไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดได้ มันเหมือนกับบานประตูกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับผนัง ไม่เพียงแค่นั้นเสียงตบประตูยังดังใส่ต่อหน้าต่อตาจนเอกผงะออกมา
"มันเกิดอะไรขึ้นคะ" ดาวพยายามถามแอ๊ด คนที่น่าจะรู้อะไรมากกว่าใครในห้องนี้ แต่แอ๊ดก็ได้แต่สายหัว เพราะเขารู้เพียงว่านี่คือปรากฏการณ์โพเตอร์ไกส์ที่รุนแรงเท่านั้น
ครู่หนึ่งปรากฏการณ์นั้นก็หยุดลงพร้อมกับเสียงเคาะภายนอกห้องของภู คราวนี้เอกเปิดประตูออกโดยง่าย
"เกิดอะไรขึ้น" ภูถาม แต่แทนที่จะเป็นคำตอบกลับกลายเป็นว่าดาวโผเข้ามากอดเขาแทน
"ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ย" ภูถามทุกคน อันที่จริงที่เขาขึ้นมาก็เพราะเขาได้ยินเสียงตึงตังมาจากออฟฟิส แต่พอเดินเข้ามาใกล้ก้กลับไม่มีอะไร เขาจึงคิดว่า ที่ห้องคงเจอดีแน่ๆ และก็เป็นจริง
"ไม่เป็นไร แต่ก้เกือบแย่ ยังไงก็ดูเด็กของนายก็แล้วกัน" แอ๊ดบอก เพราะดาวเริ่มมีอาการอ่อนเพลียออกทางสีหน้าจนต้องมานั่งพักโดยมีเอกดูแล ส่วนภูกับแอ๊ดต้องมานั่งคุยกันว่าจะต้องเปลี่ยนแผน เพราะในตอนนี้ ไม่มีส่วนใดในสตูดิโอที่จะปลอดภัย และการที่จะตั้งฐานไว้นอกอาคารก็ไกลเกินไป และไม่แน่ว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า
"คงได้แต่ตั้งกล้องทิ้งไว้แล้วค่อยมาเก็บเอา อีกอย่างจากที่พี่เล่ามา คราวนี้ก็คือโพเตอร์ไกส์ไม่ผิดแน่" แต่ภูก็ดูเหมือนจะยังวลอยู่
"แบบนี้คงต้องไปหายัยนั้นแล้วล่ะ เจี๊ยบน่ะเรื่องโพเตอร์ไกส์มันเก่งกว่าแกนี่นา" คำแนะนำของแอ๊ด เหมือนภูก้เห็นด้วย เพราะว่าถึงแม้ว่ามันเหมือนเขาเสียเหลี่ยมนิดๆก็ตาม
.............................
"ฉันก็เข้าใจนะว่าพวกนายจะมาคุยเรื่องงาน แต่จะยกโขยงกันมาทำไมไม่ทราบยะ" หมอเจี๊ยบตวาด เพราะภู ดาวแอ๊ด และผู้กองต้อมที่ตามมาสมทบ มาอัดอยู่ในห้องทำงานของเธอ ที่สพรอการชันสูตรยังนอนอยู่บนเตียงผ่าอยู่เลย ทำให้หมอเจี๊ยบต้องให้ผู้ช่วยกลับไปก่อน
"เอาน่าๆ มากันหลายๆคนจะได้ช่วยกันคิดไงจริงมั้ย" ผู้กองต้อมตอบ อันที่จริงเขาต้องยอมแลกเวรมาเมื่อรู้ว่าแอ๊ดจะมาด้วย
"แล้วผู้กองไม่กลัวผีเหรอคะ" ดาวถามพร้อมกับชี้ไปที่ศพที่นอนอยู่บนเตียง แต่ก็ทำให้ผู้กองต้อมหัวเราะชอบใจ
"ไม่หรอกไอ้ที่นอนนั่นน่ะเรียกว่าศพ ถ้ามันลุกมาได้ค่อยเรียกว่าผี" คำตอบของผู้กองทำเอาแฟนของเขาแช่งให้ศพลุกมาขี่คอผู้กองอยู่ในใจ
เมื่อเริ่มเข้าเรื่องการเรื่องงาน แอ๊ดก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ หมอเจี๊ยบกับผู้กองที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ฟัง ซึ่งดาวก็ยืนยันตามนั้นอีกเสียง ส่วนเอกผู้ที่อยู่ในเหตุการณือีกคนนั้นไม่ได้มาด้วย แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่ทำให้รู้ว่ามันคือโพเตอร์ไกสืไม่ผิดแน่
"แต่จากที่เล่ามามันก็แรงเอาเรื่องอยู่นะ ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันตอบสนองกับผู้สัมผัสวิญยาณน่ะ"เจี๊ยบตั้งข้อสังเกตุ เพราะในกรณีที่เกิดขึ้นในห้อง มีผู้สัมผัสวิญญาณอย่างน้อยสองคน ซึ่งผู้กองต้อมก็ตั้งข้อเปรียบเทียบว่า ผู้สัมผัสวิญยาณ(ยกเว้นภู) ก้เหมือนกองอึสุนัข ถ้ามีมากองรวมกันเยอะๆก็จะมีแมลงมาตอมมาก ซึ่งแม้จะสมเหตุสมผลก็โดนหมอเจี๊ยบตบคว่ำไป
"เรื่องนั้นผมทราบดี แต่ที่มาให้พี่ช่วยก็คือ จากเหตุการณืที่เกิด มันเป็นปรากฏการณืโพเตอร์ไกส์ทั้งหมด ซึ่งหายากในบ้านเรา" คำพูดของภูทำให้หมอเจี๊ยบผู้เชี่ยวชาญด้านโพเตอร์ไดส์ฉุกคิดถึงข้อสังเกต
"จริงด้วย ถ้าไม่นับเรื่องที่ภูให้ข้อมูลเรื่องยามก่อนหน้านี้ ทุกกรณีที่ผ่านมายืนยันว่าเป็นโพเตอร์ไกส์ทั้งหมด" หมอเจี๊ยบยิ้มเหมือนจะรู้อะไร พอดาวขอให้อธิบายเธอก็ร่ายยาวเป็นฉากๆ
โพเตอร์ไกส์เป็นปรากฏการณืทางวิญยาณที่เกี่ยวกับการรบกวนของวิญญาณ ผ่านการขยับสิ่งของ หรือตอบสนองกับวัตถุอื่น ส่วนมากมักไม่เปิดเผยตัว ซึ่งต่างจากกรณีปรากฏการณ์ทางวิญญาณในซีกโลกตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทย ที่ผีแทบจะแสดงตัวอย่างชัดเจนมากกว่าสร้างปรากฏการณ์โพเตอร์ไกส์ขึ้นมา
และส่วนใหญ่ปรากฏการณ์นี้มักจะมีสาเหตุอยู่สองอย่างคือ ต้องการขับไล่และไม่ต้องการเผยตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าวิญญาณในสตูดิโอนั้นต้องการขับไล่ให้ออกไป แต่ประเด็นที่สำคัญคือ ทำไม่วิญยาณนั้นถึงไม่แสดงตัวออกมาแต่กลับสร้างปรากฏการณ์โพเตอร์ไกส์ที่รุนแรงแทน ซึ่งหากพูดถึงบริบทของไทยมันไม่ค่อยสมมเหตุสมผลเท่าไหร่
"เป็นผีฝรั่งรึเปล่า" คำตอบของผู้กองต้อมก็โดนตบหัวทิ่มอีกรอบ
"นี่นายจะพูดเล่นอะไรตอนนี้หะ" หมอเจี๊ยบตวาดเพราะว่าแฟนเธอเล่นมุขไม่ดูตาม้าตาเรือ
"ล้อเล่นเอง แต่ฉันว่านะถ้าวิญยาณนั้นเลือกก่อกวนโดยไม่แสดงตัวออกมา ไม่แน่ว่าตัวตนของวิญยาณนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดก็ได้ คิดดูสิถ้าเรารู้แต่แรกว่าเป็นฝีมือใครบางทีเรื่งทั้งหมดมันอาจจบลงง่ายๆก็ได้นะ" คำพูดของผู้กองคราวนี้ภูเห็นด้วย เพราะไม่มีเหตุผลอื่นใดที่วิญญาณต้องปกปิดตัวตนอีก เพียงแต่ว่า ก็ไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงอยู่ดี
...................................
กว่าจะคุยกันเสร็จก็ค่อนข้างดึก ภูจึงมาส่งดาวที่บ้าน วันนี้พ่อของดาวต้องไปเข้าเวรหน้าหมู่บ้านวันนี้ดาวจึงนอนที่บ้านคนเดียวอีกคืนหนึ่ง
วันนี้เธอพยายามที่จะไม่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อันที่จริงเหตุการณืที่น่ากลัวกว่านี้เะอก็เคยเจอมาแล้ว แต่วันในนี้ออฟฟิสมันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่เพราะมันน่ากลัว แต่เธอรู้สึกกดดันอย่างประหลาด บางที่มันก็คงเหมือนทีผู้กองต้อมบอกไว้ ว่าผู้สัมผัสวิญยาณเหมือนอะไรที่คอยดึงดูดวิญยาณต่างๆ และมันเหมือนว่าเธอจะถูกดึงเอาพลังออกไปด้วย
แต่ถึงแม้จะเหนื่อยจนดาวอยากจะนอน แต่ปริศนาของเรื่องมันยังคาใจเธออยู่ ทั้งเรื่องเหตุผลที่วิญญาณไม่ยอมปรากฏตัว การพยายามไล่ให้ออกไปจากสตูดิโอ รวมไปถึงตัวตนของวิญยาณนั้น
"ระวังตัว.....ระวังตัว...ด้วย...."
เสียงเย็นๆลอยมาตามลม มันบอกไม่ได้ว่าเสียงนั้นเบาหรือว่าดัง มันเหมือนว่าเสียงนั้นดังอยู่ในหัวของดาวโดยตรง ร่างกายเธอเหมือนจะขยับไปเอง พอรู้ตัวอีกที เธอก็อยู่อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ด้านนอก มีผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ จากความรู้สึกที่ดาวสัมผัสได้ เธอดูเศร้า เธอพยายามอ้าปากพูด แต่เสียงนั้นแผ่วเบา แต่เธอก็ได้ยินมัน
"ระวัง...ระวัง...ให้ดี..."
ดาวตกใจตื่นเธอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอพยายามนึกถึงความฝัน แต่เหมือนจะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่คำพูดเพียงไม่กี่คำีเหมือนมันก้องอยู่
(ระวังตัวอย่างงั้นเหรอ)
ดวงจันทร์เหมือนค่อยๆลับหายไปกับกลีบเมฆ ร่างๆหนึ่งในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านค่อยๆเลื่อนหายไปกับแสงจันทร์
"ระวัง..ตัว..."
.......................................
file 4-1
http://pantip.com/topic/35493541
file 4-2
http://pantip.com/topic/35517645
ตอนต่อไป
http://pantip.com/topic/35565530
GHost Detective File 4-3 ผู้สัมผัสวิญญาณ
"มันเกิดอะไรขึ้นคะ" ดาวพยายามถามแอ๊ด คนที่น่าจะรู้อะไรมากกว่าใครในห้องนี้ แต่แอ๊ดก็ได้แต่สายหัว เพราะเขารู้เพียงว่านี่คือปรากฏการณ์โพเตอร์ไกส์ที่รุนแรงเท่านั้น
ครู่หนึ่งปรากฏการณ์นั้นก็หยุดลงพร้อมกับเสียงเคาะภายนอกห้องของภู คราวนี้เอกเปิดประตูออกโดยง่าย
"เกิดอะไรขึ้น" ภูถาม แต่แทนที่จะเป็นคำตอบกลับกลายเป็นว่าดาวโผเข้ามากอดเขาแทน
"ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ย" ภูถามทุกคน อันที่จริงที่เขาขึ้นมาก็เพราะเขาได้ยินเสียงตึงตังมาจากออฟฟิส แต่พอเดินเข้ามาใกล้ก้กลับไม่มีอะไร เขาจึงคิดว่า ที่ห้องคงเจอดีแน่ๆ และก็เป็นจริง
"ไม่เป็นไร แต่ก้เกือบแย่ ยังไงก็ดูเด็กของนายก็แล้วกัน" แอ๊ดบอก เพราะดาวเริ่มมีอาการอ่อนเพลียออกทางสีหน้าจนต้องมานั่งพักโดยมีเอกดูแล ส่วนภูกับแอ๊ดต้องมานั่งคุยกันว่าจะต้องเปลี่ยนแผน เพราะในตอนนี้ ไม่มีส่วนใดในสตูดิโอที่จะปลอดภัย และการที่จะตั้งฐานไว้นอกอาคารก็ไกลเกินไป และไม่แน่ว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า
"คงได้แต่ตั้งกล้องทิ้งไว้แล้วค่อยมาเก็บเอา อีกอย่างจากที่พี่เล่ามา คราวนี้ก็คือโพเตอร์ไกส์ไม่ผิดแน่" แต่ภูก็ดูเหมือนจะยังวลอยู่
"แบบนี้คงต้องไปหายัยนั้นแล้วล่ะ เจี๊ยบน่ะเรื่องโพเตอร์ไกส์มันเก่งกว่าแกนี่นา" คำแนะนำของแอ๊ด เหมือนภูก้เห็นด้วย เพราะว่าถึงแม้ว่ามันเหมือนเขาเสียเหลี่ยมนิดๆก็ตาม
.............................
"ฉันก็เข้าใจนะว่าพวกนายจะมาคุยเรื่องงาน แต่จะยกโขยงกันมาทำไมไม่ทราบยะ" หมอเจี๊ยบตวาด เพราะภู ดาวแอ๊ด และผู้กองต้อมที่ตามมาสมทบ มาอัดอยู่ในห้องทำงานของเธอ ที่สพรอการชันสูตรยังนอนอยู่บนเตียงผ่าอยู่เลย ทำให้หมอเจี๊ยบต้องให้ผู้ช่วยกลับไปก่อน
"เอาน่าๆ มากันหลายๆคนจะได้ช่วยกันคิดไงจริงมั้ย" ผู้กองต้อมตอบ อันที่จริงเขาต้องยอมแลกเวรมาเมื่อรู้ว่าแอ๊ดจะมาด้วย
"แล้วผู้กองไม่กลัวผีเหรอคะ" ดาวถามพร้อมกับชี้ไปที่ศพที่นอนอยู่บนเตียง แต่ก็ทำให้ผู้กองต้อมหัวเราะชอบใจ
"ไม่หรอกไอ้ที่นอนนั่นน่ะเรียกว่าศพ ถ้ามันลุกมาได้ค่อยเรียกว่าผี" คำตอบของผู้กองทำเอาแฟนของเขาแช่งให้ศพลุกมาขี่คอผู้กองอยู่ในใจ
เมื่อเริ่มเข้าเรื่องการเรื่องงาน แอ๊ดก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ หมอเจี๊ยบกับผู้กองที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ฟัง ซึ่งดาวก็ยืนยันตามนั้นอีกเสียง ส่วนเอกผู้ที่อยู่ในเหตุการณือีกคนนั้นไม่ได้มาด้วย แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่ทำให้รู้ว่ามันคือโพเตอร์ไกสืไม่ผิดแน่
"แต่จากที่เล่ามามันก็แรงเอาเรื่องอยู่นะ ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันตอบสนองกับผู้สัมผัสวิญยาณน่ะ"เจี๊ยบตั้งข้อสังเกตุ เพราะในกรณีที่เกิดขึ้นในห้อง มีผู้สัมผัสวิญญาณอย่างน้อยสองคน ซึ่งผู้กองต้อมก็ตั้งข้อเปรียบเทียบว่า ผู้สัมผัสวิญยาณ(ยกเว้นภู) ก้เหมือนกองอึสุนัข ถ้ามีมากองรวมกันเยอะๆก็จะมีแมลงมาตอมมาก ซึ่งแม้จะสมเหตุสมผลก็โดนหมอเจี๊ยบตบคว่ำไป
"เรื่องนั้นผมทราบดี แต่ที่มาให้พี่ช่วยก็คือ จากเหตุการณืที่เกิด มันเป็นปรากฏการณืโพเตอร์ไกส์ทั้งหมด ซึ่งหายากในบ้านเรา" คำพูดของภูทำให้หมอเจี๊ยบผู้เชี่ยวชาญด้านโพเตอร์ไดส์ฉุกคิดถึงข้อสังเกต
"จริงด้วย ถ้าไม่นับเรื่องที่ภูให้ข้อมูลเรื่องยามก่อนหน้านี้ ทุกกรณีที่ผ่านมายืนยันว่าเป็นโพเตอร์ไกส์ทั้งหมด" หมอเจี๊ยบยิ้มเหมือนจะรู้อะไร พอดาวขอให้อธิบายเธอก็ร่ายยาวเป็นฉากๆ
โพเตอร์ไกส์เป็นปรากฏการณืทางวิญยาณที่เกี่ยวกับการรบกวนของวิญญาณ ผ่านการขยับสิ่งของ หรือตอบสนองกับวัตถุอื่น ส่วนมากมักไม่เปิดเผยตัว ซึ่งต่างจากกรณีปรากฏการณ์ทางวิญญาณในซีกโลกตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทย ที่ผีแทบจะแสดงตัวอย่างชัดเจนมากกว่าสร้างปรากฏการณ์โพเตอร์ไกส์ขึ้นมา
และส่วนใหญ่ปรากฏการณ์นี้มักจะมีสาเหตุอยู่สองอย่างคือ ต้องการขับไล่และไม่ต้องการเผยตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าวิญญาณในสตูดิโอนั้นต้องการขับไล่ให้ออกไป แต่ประเด็นที่สำคัญคือ ทำไม่วิญยาณนั้นถึงไม่แสดงตัวออกมาแต่กลับสร้างปรากฏการณ์โพเตอร์ไกส์ที่รุนแรงแทน ซึ่งหากพูดถึงบริบทของไทยมันไม่ค่อยสมมเหตุสมผลเท่าไหร่
"เป็นผีฝรั่งรึเปล่า" คำตอบของผู้กองต้อมก็โดนตบหัวทิ่มอีกรอบ
"นี่นายจะพูดเล่นอะไรตอนนี้หะ" หมอเจี๊ยบตวาดเพราะว่าแฟนเธอเล่นมุขไม่ดูตาม้าตาเรือ
"ล้อเล่นเอง แต่ฉันว่านะถ้าวิญยาณนั้นเลือกก่อกวนโดยไม่แสดงตัวออกมา ไม่แน่ว่าตัวตนของวิญยาณนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดก็ได้ คิดดูสิถ้าเรารู้แต่แรกว่าเป็นฝีมือใครบางทีเรื่งทั้งหมดมันอาจจบลงง่ายๆก็ได้นะ" คำพูดของผู้กองคราวนี้ภูเห็นด้วย เพราะไม่มีเหตุผลอื่นใดที่วิญญาณต้องปกปิดตัวตนอีก เพียงแต่ว่า ก็ไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงอยู่ดี
...................................
กว่าจะคุยกันเสร็จก็ค่อนข้างดึก ภูจึงมาส่งดาวที่บ้าน วันนี้พ่อของดาวต้องไปเข้าเวรหน้าหมู่บ้านวันนี้ดาวจึงนอนที่บ้านคนเดียวอีกคืนหนึ่ง
วันนี้เธอพยายามที่จะไม่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อันที่จริงเหตุการณืที่น่ากลัวกว่านี้เะอก็เคยเจอมาแล้ว แต่วันในนี้ออฟฟิสมันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่เพราะมันน่ากลัว แต่เธอรู้สึกกดดันอย่างประหลาด บางที่มันก็คงเหมือนทีผู้กองต้อมบอกไว้ ว่าผู้สัมผัสวิญยาณเหมือนอะไรที่คอยดึงดูดวิญยาณต่างๆ และมันเหมือนว่าเธอจะถูกดึงเอาพลังออกไปด้วย
แต่ถึงแม้จะเหนื่อยจนดาวอยากจะนอน แต่ปริศนาของเรื่องมันยังคาใจเธออยู่ ทั้งเรื่องเหตุผลที่วิญญาณไม่ยอมปรากฏตัว การพยายามไล่ให้ออกไปจากสตูดิโอ รวมไปถึงตัวตนของวิญยาณนั้น
"ระวังตัว.....ระวังตัว...ด้วย...."
เสียงเย็นๆลอยมาตามลม มันบอกไม่ได้ว่าเสียงนั้นเบาหรือว่าดัง มันเหมือนว่าเสียงนั้นดังอยู่ในหัวของดาวโดยตรง ร่างกายเธอเหมือนจะขยับไปเอง พอรู้ตัวอีกที เธอก็อยู่อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ด้านนอก มีผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ จากความรู้สึกที่ดาวสัมผัสได้ เธอดูเศร้า เธอพยายามอ้าปากพูด แต่เสียงนั้นแผ่วเบา แต่เธอก็ได้ยินมัน
"ระวัง...ระวัง...ให้ดี..."
ดาวตกใจตื่นเธอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอพยายามนึกถึงความฝัน แต่เหมือนจะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่คำพูดเพียงไม่กี่คำีเหมือนมันก้องอยู่
(ระวังตัวอย่างงั้นเหรอ)
ดวงจันทร์เหมือนค่อยๆลับหายไปกับกลีบเมฆ ร่างๆหนึ่งในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านค่อยๆเลื่อนหายไปกับแสงจันทร์
"ระวัง..ตัว..."
.......................................
file 4-1 http://pantip.com/topic/35493541
file 4-2 http://pantip.com/topic/35517645
ตอนต่อไป http://pantip.com/topic/35565530