เป็นกระทู้แรกของ จขกท คิดว่าจะตั้งกระทู้นานแล้วแต่มีความทำไม่เป็น + ไม่มีเวลา
รูปอาจจะไม่สวยมากนะคะ ถ่ายจากมือถือทั้งหมดค่ะ + กับใช้ PS ไม่เป็น (ยังจะมีหน้ามาตั้งกระทู้ ฮืออออ)
ทริปนี้เป็นทริปไปเกาหลีครั้งแรกของ จขกท ไปกับเพื่อนร่วมทริปอีก 3 ชีวิตเคยไปเที่ยวเกาหลีมาแล้ว
แต่ทุกคนไปกับทัวร์ ทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันเองแบบไม่ง้อทัวร์ เราจะไปติ่ง จัดแจงจองตั๋วเครื่องบินกันแบบไม่พึ่งโปรฯ
เพราะช่วงที่ไปคือ 1 พ.ค. - 6 พ.ค. 2559 ที่ไทยคือหยุดยาวตั๋วโปรไม่มีจ้าแต่ด้วยเหตุผลบางประการเราต้องไปช่วงนั้น
เลือกบินกับสายการบิน Air Asia-X ราคาอยู่ที่ประมาณ 11,xxx บาท รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก.
เนื่องจากทุกคนไว้ใจให้เป็นไกด์ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไป เลยทำการบ้านเยอะมาก (แต่ก็ยังมีหลงบ้างนะ)
เริ่มจากหาที่พัก --> เลือกแหล่งท่องเที่ยว --> ศึกษาเส้นทาง --> หาร้านหมูย่างอร่อยๆ --> แลกเงิน
ทริปนี้จัดตามความสนใจของ จขกท และเพื่อนร่วมทริป เราเลยเซย์บ๊ายบายกับสวนสนุกต่างๆ ไปเลย
เป็นทริปที่ติ่งตามๆ กันไป กินตามๆ ที่ติ่ง และที่เค้าแนะนำมาว่าต้องไปตำ
เราหาขอมูลจาก
http://seoulcafe2013.blogspot.com/ ที่แนะนำตั้งแต่การเขียนใบ ตม. การใช้Subway
จนถึงสถานที่เที่ยวต่างๆ แบบใครไม่เคยไปเกาหลีก็ไปได้ ไม่ต้องกลัวหลงทาง
ส่วนเรื่องอาหารนั้นเราอ่านมาจากเพจ GamJa Guesthouse Seoul, Korea ตอนแรกจะไปพักที่นี่แต่ว่าที่พักเต็ม

เราออกเดินทางวันที่ 1 พ.ค. 2559 01.55น. ไปถึงเกาหลี เวลา 09.10 น.(เวลาท้องถิ่น)
นัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง เช็คอินโหลดกระเป๋าก็เตรียมตัวขึ้นเครื่อง
ที่นั่ง Air Asia-X สำหรับ จขกท เอง ก็คิดว่าโอเคอยู่นะคะไฟลท์ไม่ได้นานมาก บินตอนกลางคืนก็นอนถึงเกาหลีเช้าก็เที่ยวได้เลย
พอเครื่องลงจอดที่สนามบิน Incheon เนื่องจากเครื่อง Air Asia X จะจอดที่ Satellite Building จะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปที่อาคาร หลังจากนั้นก็เดินตามทางไปเรื่อยเพื่อจะไปผ่าน ตม. แอบเดินไกลเหมือนกัน
เคยได้ยินข่าวว่า ตม. ที่เกาหลีนี่เข้มมากโดยเฉพาะกับคนไทย จริงๆ คือค่อนข้างจะเครียดเรื่อง ตม. ที่เคยได้ยินมา เพราะว่าเป็นการไปเกาหลีครั้งแรก ด้วยความที่ไม่อยากถูกส่งกลับประเทศ จขกท ก็เตรียมหนังสือรับรองการทำงานภาษาอังกฤษของตัวเอง เตรียม Itinerary ใบจองห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน ให้ทุกคน คิดว่าถ้าต้องเข้าห้องเย็นฉันมีหลักฐานพร้อมนะว่าเนี่ยมาติ่งอปป้า ไม่ได้จะหนีเข้าเมือง ระว่างรอ ตม. ตอนแรกเครียดนิดหน่อยสักพักเริ่มเครียดมาก เพราะคนไทยข้างหน้าโดนเรียกเข้าห้องเย็นสัก 6-7 คนได้ จนพี่ที่ไปด้วยเครียดตามเขาบอกว่าไม่เคยเจอ ตม. เครียดแบบนี้มาก่อน ถึงแม้จะเคยมาเกาหลีแล้ว พอจะถึงคิวตัวเองใจตุ้มๆ ต่อมๆ มาก ไปถึงยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็มองหน้า ไม่พูดไม่จา ไม่คุยด้วย สักพักเสียงเครื่องแสกนนิ้วก็ดังให้แสกนนิ้วทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ประทับตราใน Passport เสร็จก็คืนมาให้ อนนี่คุยกับหนูหน่อยจิ หนูเตรียมตัวมา ฮ่าๆๆๆ สรุปทั้ง 4 คน เจ้าหน้าที่ไม่มีใครคุยด้วยเลย
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ตื่นเต้นเราก็ไปรอรับกระเป๋า จริงๆ กระเป๋ามารอเราแล้วเพราะรอ ตม. นานมาก
รับกระเป๋าเสร็จก็เดินลงมาข้างล่างมาเช่า Pocket Wifi ของ LGu+ (อ่านจากระทู้แนะนำหลายๆ กระทู้) เคาเตอร์หาง่าย ลงมาก็เจอเลย พี่อีก 2 คน ก็ไปหาซื้อ T-Money ใน CU Minimart ใกล้ๆ กับที่เช่าWifi มีราคา 2800 วอน (แบบธรรมดา) กับ ราคา 4000 วอน (ไลน์ธีม คอลเลคชั่น)

เคาเตอร์สำหรับเช่า Wifi จะอยู่ตรงกันข้ามกับบอร์ดอันนี้ หันหลังมาก็เจอเลยค่ะ
เราเช่าแบบแพคเกจรายวันถ้าอยู่เกิน 5 วันจะไม่เสียค่าเช่าเครื่อง จะเสียแค่ค่าบริการวันละ 5500 วอน ทางร้านจะรูดบัตรเครดิตเราไว้ 0 วอน ค่อยมาชำระเงินตอนที่นำเครื่องมาคืน ในนั้นจะมีรายละเอียดให้ด้วยว่าถ้าทำชำรุดต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่พูดภษาอังกฤษได้ สะดวกดีค่ะ พอเช่าWifi เสร็จก็เตรียมตัวไปที่พัก ซึ่งตอนแรกเราแพลนไว้ว่าจะนั่ง Airport ลีมูซีนบัส
ไปลงฮงแด แต่ก่อนไปแค่ 2-3 วันราคาบัสขึ้นจ้า จาก 10,000 วอน เป็น 15,000 วอน พอมาคำณวณแล้วก็เยอะอยู่นะ เลยตัดสินใจนั่งรถไฟใต้ดิน Airport Railroad (AREX) ไปดีกว่าราคา 4,250 วอน ถูกกว่ากันเยอะมาก
เดินตามป้าย KTX Airport Railroad ไปเรื่อยๆ นะคะ
เดินทางโดย AREX ให้เลือกเดินมาฝั่ง All Stop Train นะคะ อีกฝั่ง จะเป็น KTX ถ้ามี T-Money ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องไปแลกบัตรค่ะ
อ้อ เราโหลดแอพที่ชื่อ Subway ไอค่อนสีเหลืองๆ มุมซ้ายมือ มาใช้ สะดวกดีนะคะ สามารถคำนวณเส้นทาง การเปลี่ยนสาย และราคาให้ด้วยค่ะ (แอบโชว์หน้าจอว่า จขกท ติ่งน้องแบมแบม GOT7)
เนื่องจากเราขึ้นจากต้นสายเลยมีที่นั่ง นั่งยาวๆ ไปถึงสถานีที่พักเลยค่ะ (ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) สายประหยัดเชิญทางนี้เลย
ยิ่งถ้าคนไม่ค่อยมีสัมภาระยิ่งสะดวกค่ะ พอดีว่าเราพักแถวฮงแด สามารถลงสถานี Hongik University ได้เลย
แล้วฝั่งที่พักก็มีบันไดเลื่อนเลยไม่ลำบากมากค่ะ แอบเหนื่อยนิดหน่อยแต่ไหวค่ะ
นอกจากทำเล ราคาที่พัก + คะแนนรีวิว ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเลือกอีกด้วย ^_^
ถึงที่พักแล้ว หาไม่ยากก่อนจะมาเราได้อีเมลล์สอบถามแผนที่ทางห้องพักไว้ เลยสะดวกไม่ต้องเดินหา
เราพักที่ Twins Rabbit Guesthouse ห่างจากสถานี Hongik ประมาณ 5 นาที (เดิน)
จองที่พักจาก Booking.com (คะแนนรีวิว 9.2 ถือว่าเยอะอยู่นะคะ)
ห้องที่จองเป็นแบบ Family Room มีตียง 2 ชั้น และเตียงเดี่ยวติดกัน 2 เตียง
มีห้องน้ำในตัว ไวไฟ ตู้เย็น แอร์ ทีวี ของใช้ในห้องน้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็ก ไดร์เป่าผม เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า(เรากับเพื่อนที่ไปด้วยกันซักทุกวันเลย5555) ปลั๊กไฟที่มีAdapter แต่ถ้าไปกันหลายคนแนะนำให้เอาปลั๊กไฟเราไปเพิ่ม ชาร์ตหลายสิ่ง ปลั๊กอาจจะไม่พอค่ะ
มีลิฟท์แต่ว่าลิฟท์เล็กไปหน่อย ถ้ามีกระเป๋าด้วย 2 คน + กระเป๋าก็เต็มแล้ว
ระบบความปลอดภัยก็โอเคนะคะ ประตูห้องให้เราตั้งรหัสเอง ประตูใหญ่ข้างล่างจะมีรหัสให้หลังเที่ยงคืนประตูด้านล่างจะล๊อคต้องใส่รหัสผ่าน
พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน อปป้าที่เกสเฮาส์ก็แอบแซ่บอยู่น๊า
มีอาหารเช้าให้ (ทำเอง) มีห้องครัว อุปกรณ์ทำครัวให้พร้อม
เช็คอินบ่ายสอง แต่ถ้าไปถึงก่อนสามารถฝากกระเป๋าได้ ตอนที่ไปเราถึงพอดีมีห้องว่างเลยได้Early Check-in โชคดีไป
เราพักที่นี่ที่เดียวนะคะ ด้วยความขี้เกียจย้ายที่พัก 5 คืน ค่าที่พัก 440,000 วอน (ประมาณ 13,640 บาท คนละ 3,4xx บาท)
นี่ไงถึงแล้ว
ห้อง Family Room ที่เราพัก
หลังจากเช็คอินเสร็จก็พากันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปหาร้านกินข้าว อยู่เกาหลีแน่นอนเราต้องไม่พลาดหมูย่างเกาหลี ปักหมุดไว้หลายที่ เราเลยเลือกไปร้านที่เปิด 24 ชม. ก่อน กลัวไปร้านอื่นแล้วยังไม่ถึงเวลาเปิด ออกจากที่พักเดินไปไม่ไกลมาก
ร้านนี้คนขายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คนทานก็พูดภาษาเกาหลีไม่ได้กว่าจะเข้าใจกันลำบากนิดหน่อยแต่คนขายใจดีมากไม่รำคาญ ไม่โวยวาย เราไม่รู้ว่าปกติเป็นแบบนี้ไหมหรือเพราะว่าพวกเราสื่อการกันไม่ได้ คนขายเลยเรียกให้ไปดูว่าต้องตักอาหารตรงไหน ผักเติมตรงไหน น้ำอยู่ตรงไหน ให้หยิบเองทุกอย่างจ้า
เซทแรกคนขายจะยกมาเสิร์ฟให้ แต่ต่อไปบริการตัวเอง ร้านนี้เป็นแบบบุฟเฟต์ ราคาอยู่ที่ 10,000-12,000 วอน/คน ทานได้ 80 นาที น้ำเปล่าฟรี มีเมนูเพิ่มเติมอย่างเช่นพวกไข่ตุ๋น น้ำอัดลม เบียร์ คิดราคาเพิ่มต่างหาก
เดินตามแผนที่นี้นะคะ ขอบคุณแผนที่จาก GamJa Guesthouse Seoul, Korea
ถึงแล้ว
เซทแรกที่ที่ร้านมาเสิร์ฟให้ หลังจากนั้นก็ตักเองแต่จะไม่มีเห็ดกับไส้กรอกแล้วนะคะ
มาย่างกันเถอะ
อิ่มท้องแล้วก็เตรียมลุยกันต่อวันนี้ภาระกิจคือต้องไปหน้าตึก JYP เพราะว่าเราจะไปหาน้องแบมแบม
นั่งรถจากสถานี Hongik ไปที่สถานี Apgujeong Roeo (ใช้แอพSubwayช่วย สะดวกมาก) นั่งรถประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว ออกจากสถานี Apgujeong Roeo Exit 2 ก็เดินตามแผนที่เลยค่า ขอบคุณแผนที่จาก
http://seoulcafe2013.blogspot.com/
เดินมาก็จะเจอ K-Star Road จะหุ่นตุ๊กตาหมีของศิลปินดังจากเกาหลี แต่ละตัวแต่ละวงก็จะไม่เหมือนกัน กรี๊ดหมีไปก่อนเหมือนได้กรี๊ดไอดอลที่เราชอบ ^__^
ของ EXO ก็มี
เดินเลาะตามถนนไปเรื่อยจนถึงหน้าตึก (เดินขึ้นเนิน ลงเนิน แอบไกลเหมือนกัน กว่าจะถึงหน้าตึกก็เหนื่อยพอดี) จะมีป้ายบอกทางว่าต้องเลี้ยวตรงไหน ดูในแผนที่ได้เลยค่ะ
ระว่างทางที่เราเดินไปที่ตึก ก็เจอกับรถบัสโปรเจควันเกิดของแบมแบม จะช้าอยู่ทำไมต้องเข้าไปถ่ายรูป ดูเสื้อก็รู้แล้ว เรา TEAM BAM2 นะ
วันที่เราไปคือวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งหลังเที่ยงคืนก็จะเป็นวันเกิดของน้องแบมแบม นี่คือเหตุผลบางประการว่าทำไมเราต้องไปเกาหลีช่วงนี้
เราจะมารอ Happy Birthday น้องแบมแบม วันนี้แฟนมารอหน้าตึกเยอะมากทั้งแฟนไทย เกาหลี จีน แฟนไทยเยอะมากนึกว่าอยู่กรุงเทพฯ
สายติ่งก็ปักหลักนั่งรอGOT7 อยู่หน้าตึก สายเมาก็ไปหาร้านใกล้ๆตึก นั่งจิบเบียร์ จิบโซจูรอ เห็นไหมสายติ่ง สายเมา เราไปด้วยกันได้ 555
หน้าตึกติดป้ายวันเกิดแบมแบมแล้ว
หน้าตึก JYP ไม่มีของฝากนะคะ พวกของ Good Official หรือของ Fan Made หาซื้อได้ที่เมียงดง หรือ LOTTE FITIN ที่ทงแดมุนค่ะ
(เผื่อมีใครไปหน้าตึกแล้วผิดหวังบอกว่าไม่มีของฝาก)



นั่งแทะไอติมเมล่อน รอ
นั่งรอแบบมีความหวังว่าเราจะต้องไม่นก เราจะต้องได้เจอGOT7 ก็ได้เจอครบทุกคน รวมถึงลุงผักด้วย (รูปหน้าตึกที่มีศิลปินเราไม่ได้ลงนะคะ ) สรุปแล้วรอไป 5 ชั่วโมง แต่เป็น 5 ชั่วโมง ที่มีความสุขมาก พอเจอครบทุกคนก็แบบพอใจแล้ว แค่นี้ก็ดีใจแล้ว เหนื่อยแล้ว ตะลอนมาทั้งวันแล้ว กลับกันเถอะ
ป.ลิง สายเมาบอกว่าราคาโซจูแถวนั้นช่างกร๊าวใจ โดนไปขวดละ 5000 วอน (ตามร้านมินิมาร์ทจะขายอยู่ 1300 วอน แถวที่พัก 3000 วอน)

Day2 อยู่เม้นถัดไปนะคะ
เที่ยวเกาหลีแบบ สายกิน สายติ่ง สายเมา เราไปด้วยกัน
รูปอาจจะไม่สวยมากนะคะ ถ่ายจากมือถือทั้งหมดค่ะ + กับใช้ PS ไม่เป็น (ยังจะมีหน้ามาตั้งกระทู้ ฮืออออ)
ทริปนี้เป็นทริปไปเกาหลีครั้งแรกของ จขกท ไปกับเพื่อนร่วมทริปอีก 3 ชีวิตเคยไปเที่ยวเกาหลีมาแล้ว
แต่ทุกคนไปกับทัวร์ ทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันเองแบบไม่ง้อทัวร์ เราจะไปติ่ง จัดแจงจองตั๋วเครื่องบินกันแบบไม่พึ่งโปรฯ
เพราะช่วงที่ไปคือ 1 พ.ค. - 6 พ.ค. 2559 ที่ไทยคือหยุดยาวตั๋วโปรไม่มีจ้าแต่ด้วยเหตุผลบางประการเราต้องไปช่วงนั้น
เลือกบินกับสายการบิน Air Asia-X ราคาอยู่ที่ประมาณ 11,xxx บาท รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก.
เนื่องจากทุกคนไว้ใจให้เป็นไกด์ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไป เลยทำการบ้านเยอะมาก (แต่ก็ยังมีหลงบ้างนะ)
เริ่มจากหาที่พัก --> เลือกแหล่งท่องเที่ยว --> ศึกษาเส้นทาง --> หาร้านหมูย่างอร่อยๆ --> แลกเงิน
ทริปนี้จัดตามความสนใจของ จขกท และเพื่อนร่วมทริป เราเลยเซย์บ๊ายบายกับสวนสนุกต่างๆ ไปเลย
เป็นทริปที่ติ่งตามๆ กันไป กินตามๆ ที่ติ่ง และที่เค้าแนะนำมาว่าต้องไปตำ
เราหาขอมูลจาก http://seoulcafe2013.blogspot.com/ ที่แนะนำตั้งแต่การเขียนใบ ตม. การใช้Subway
จนถึงสถานที่เที่ยวต่างๆ แบบใครไม่เคยไปเกาหลีก็ไปได้ ไม่ต้องกลัวหลงทาง
ส่วนเรื่องอาหารนั้นเราอ่านมาจากเพจ GamJa Guesthouse Seoul, Korea ตอนแรกจะไปพักที่นี่แต่ว่าที่พักเต็ม
เราออกเดินทางวันที่ 1 พ.ค. 2559 01.55น. ไปถึงเกาหลี เวลา 09.10 น.(เวลาท้องถิ่น)
นัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง เช็คอินโหลดกระเป๋าก็เตรียมตัวขึ้นเครื่อง
ที่นั่ง Air Asia-X สำหรับ จขกท เอง ก็คิดว่าโอเคอยู่นะคะไฟลท์ไม่ได้นานมาก บินตอนกลางคืนก็นอนถึงเกาหลีเช้าก็เที่ยวได้เลย
พอเครื่องลงจอดที่สนามบิน Incheon เนื่องจากเครื่อง Air Asia X จะจอดที่ Satellite Building จะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปที่อาคาร หลังจากนั้นก็เดินตามทางไปเรื่อยเพื่อจะไปผ่าน ตม. แอบเดินไกลเหมือนกัน
เคยได้ยินข่าวว่า ตม. ที่เกาหลีนี่เข้มมากโดยเฉพาะกับคนไทย จริงๆ คือค่อนข้างจะเครียดเรื่อง ตม. ที่เคยได้ยินมา เพราะว่าเป็นการไปเกาหลีครั้งแรก ด้วยความที่ไม่อยากถูกส่งกลับประเทศ จขกท ก็เตรียมหนังสือรับรองการทำงานภาษาอังกฤษของตัวเอง เตรียม Itinerary ใบจองห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน ให้ทุกคน คิดว่าถ้าต้องเข้าห้องเย็นฉันมีหลักฐานพร้อมนะว่าเนี่ยมาติ่งอปป้า ไม่ได้จะหนีเข้าเมือง ระว่างรอ ตม. ตอนแรกเครียดนิดหน่อยสักพักเริ่มเครียดมาก เพราะคนไทยข้างหน้าโดนเรียกเข้าห้องเย็นสัก 6-7 คนได้ จนพี่ที่ไปด้วยเครียดตามเขาบอกว่าไม่เคยเจอ ตม. เครียดแบบนี้มาก่อน ถึงแม้จะเคยมาเกาหลีแล้ว พอจะถึงคิวตัวเองใจตุ้มๆ ต่อมๆ มาก ไปถึงยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็มองหน้า ไม่พูดไม่จา ไม่คุยด้วย สักพักเสียงเครื่องแสกนนิ้วก็ดังให้แสกนนิ้วทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ประทับตราใน Passport เสร็จก็คืนมาให้ อนนี่คุยกับหนูหน่อยจิ หนูเตรียมตัวมา ฮ่าๆๆๆ สรุปทั้ง 4 คน เจ้าหน้าที่ไม่มีใครคุยด้วยเลย
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ตื่นเต้นเราก็ไปรอรับกระเป๋า จริงๆ กระเป๋ามารอเราแล้วเพราะรอ ตม. นานมาก
รับกระเป๋าเสร็จก็เดินลงมาข้างล่างมาเช่า Pocket Wifi ของ LGu+ (อ่านจากระทู้แนะนำหลายๆ กระทู้) เคาเตอร์หาง่าย ลงมาก็เจอเลย พี่อีก 2 คน ก็ไปหาซื้อ T-Money ใน CU Minimart ใกล้ๆ กับที่เช่าWifi มีราคา 2800 วอน (แบบธรรมดา) กับ ราคา 4000 วอน (ไลน์ธีม คอลเลคชั่น)
เคาเตอร์สำหรับเช่า Wifi จะอยู่ตรงกันข้ามกับบอร์ดอันนี้ หันหลังมาก็เจอเลยค่ะ
เราเช่าแบบแพคเกจรายวันถ้าอยู่เกิน 5 วันจะไม่เสียค่าเช่าเครื่อง จะเสียแค่ค่าบริการวันละ 5500 วอน ทางร้านจะรูดบัตรเครดิตเราไว้ 0 วอน ค่อยมาชำระเงินตอนที่นำเครื่องมาคืน ในนั้นจะมีรายละเอียดให้ด้วยว่าถ้าทำชำรุดต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่พูดภษาอังกฤษได้ สะดวกดีค่ะ พอเช่าWifi เสร็จก็เตรียมตัวไปที่พัก ซึ่งตอนแรกเราแพลนไว้ว่าจะนั่ง Airport ลีมูซีนบัส
ไปลงฮงแด แต่ก่อนไปแค่ 2-3 วันราคาบัสขึ้นจ้า จาก 10,000 วอน เป็น 15,000 วอน พอมาคำณวณแล้วก็เยอะอยู่นะ เลยตัดสินใจนั่งรถไฟใต้ดิน Airport Railroad (AREX) ไปดีกว่าราคา 4,250 วอน ถูกกว่ากันเยอะมาก
เดินตามป้าย KTX Airport Railroad ไปเรื่อยๆ นะคะ
เดินทางโดย AREX ให้เลือกเดินมาฝั่ง All Stop Train นะคะ อีกฝั่ง จะเป็น KTX ถ้ามี T-Money ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องไปแลกบัตรค่ะ
อ้อ เราโหลดแอพที่ชื่อ Subway ไอค่อนสีเหลืองๆ มุมซ้ายมือ มาใช้ สะดวกดีนะคะ สามารถคำนวณเส้นทาง การเปลี่ยนสาย และราคาให้ด้วยค่ะ (แอบโชว์หน้าจอว่า จขกท ติ่งน้องแบมแบม GOT7)
เนื่องจากเราขึ้นจากต้นสายเลยมีที่นั่ง นั่งยาวๆ ไปถึงสถานีที่พักเลยค่ะ (ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง) สายประหยัดเชิญทางนี้เลย
ยิ่งถ้าคนไม่ค่อยมีสัมภาระยิ่งสะดวกค่ะ พอดีว่าเราพักแถวฮงแด สามารถลงสถานี Hongik University ได้เลย
แล้วฝั่งที่พักก็มีบันไดเลื่อนเลยไม่ลำบากมากค่ะ แอบเหนื่อยนิดหน่อยแต่ไหวค่ะ
นอกจากทำเล ราคาที่พัก + คะแนนรีวิว ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเลือกอีกด้วย ^_^
ถึงที่พักแล้ว หาไม่ยากก่อนจะมาเราได้อีเมลล์สอบถามแผนที่ทางห้องพักไว้ เลยสะดวกไม่ต้องเดินหา
เราพักที่ Twins Rabbit Guesthouse ห่างจากสถานี Hongik ประมาณ 5 นาที (เดิน)
จองที่พักจาก Booking.com (คะแนนรีวิว 9.2 ถือว่าเยอะอยู่นะคะ)
ห้องที่จองเป็นแบบ Family Room มีตียง 2 ชั้น และเตียงเดี่ยวติดกัน 2 เตียง
มีห้องน้ำในตัว ไวไฟ ตู้เย็น แอร์ ทีวี ของใช้ในห้องน้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็ก ไดร์เป่าผม เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า(เรากับเพื่อนที่ไปด้วยกันซักทุกวันเลย5555) ปลั๊กไฟที่มีAdapter แต่ถ้าไปกันหลายคนแนะนำให้เอาปลั๊กไฟเราไปเพิ่ม ชาร์ตหลายสิ่ง ปลั๊กอาจจะไม่พอค่ะ
มีลิฟท์แต่ว่าลิฟท์เล็กไปหน่อย ถ้ามีกระเป๋าด้วย 2 คน + กระเป๋าก็เต็มแล้ว
ระบบความปลอดภัยก็โอเคนะคะ ประตูห้องให้เราตั้งรหัสเอง ประตูใหญ่ข้างล่างจะมีรหัสให้หลังเที่ยงคืนประตูด้านล่างจะล๊อคต้องใส่รหัสผ่าน
พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน อปป้าที่เกสเฮาส์ก็แอบแซ่บอยู่น๊า
มีอาหารเช้าให้ (ทำเอง) มีห้องครัว อุปกรณ์ทำครัวให้พร้อม
เช็คอินบ่ายสอง แต่ถ้าไปถึงก่อนสามารถฝากกระเป๋าได้ ตอนที่ไปเราถึงพอดีมีห้องว่างเลยได้Early Check-in โชคดีไป
เราพักที่นี่ที่เดียวนะคะ ด้วยความขี้เกียจย้ายที่พัก 5 คืน ค่าที่พัก 440,000 วอน (ประมาณ 13,640 บาท คนละ 3,4xx บาท)
นี่ไงถึงแล้ว
ห้อง Family Room ที่เราพัก
หลังจากเช็คอินเสร็จก็พากันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปหาร้านกินข้าว อยู่เกาหลีแน่นอนเราต้องไม่พลาดหมูย่างเกาหลี ปักหมุดไว้หลายที่ เราเลยเลือกไปร้านที่เปิด 24 ชม. ก่อน กลัวไปร้านอื่นแล้วยังไม่ถึงเวลาเปิด ออกจากที่พักเดินไปไม่ไกลมาก
ร้านนี้คนขายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คนทานก็พูดภาษาเกาหลีไม่ได้กว่าจะเข้าใจกันลำบากนิดหน่อยแต่คนขายใจดีมากไม่รำคาญ ไม่โวยวาย เราไม่รู้ว่าปกติเป็นแบบนี้ไหมหรือเพราะว่าพวกเราสื่อการกันไม่ได้ คนขายเลยเรียกให้ไปดูว่าต้องตักอาหารตรงไหน ผักเติมตรงไหน น้ำอยู่ตรงไหน ให้หยิบเองทุกอย่างจ้า
เซทแรกคนขายจะยกมาเสิร์ฟให้ แต่ต่อไปบริการตัวเอง ร้านนี้เป็นแบบบุฟเฟต์ ราคาอยู่ที่ 10,000-12,000 วอน/คน ทานได้ 80 นาที น้ำเปล่าฟรี มีเมนูเพิ่มเติมอย่างเช่นพวกไข่ตุ๋น น้ำอัดลม เบียร์ คิดราคาเพิ่มต่างหาก
เดินตามแผนที่นี้นะคะ ขอบคุณแผนที่จาก GamJa Guesthouse Seoul, Korea
ถึงแล้ว
เซทแรกที่ที่ร้านมาเสิร์ฟให้ หลังจากนั้นก็ตักเองแต่จะไม่มีเห็ดกับไส้กรอกแล้วนะคะ
มาย่างกันเถอะ
อิ่มท้องแล้วก็เตรียมลุยกันต่อวันนี้ภาระกิจคือต้องไปหน้าตึก JYP เพราะว่าเราจะไปหาน้องแบมแบม
นั่งรถจากสถานี Hongik ไปที่สถานี Apgujeong Roeo (ใช้แอพSubwayช่วย สะดวกมาก) นั่งรถประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว ออกจากสถานี Apgujeong Roeo Exit 2 ก็เดินตามแผนที่เลยค่า ขอบคุณแผนที่จาก http://seoulcafe2013.blogspot.com/
เดินมาก็จะเจอ K-Star Road จะหุ่นตุ๊กตาหมีของศิลปินดังจากเกาหลี แต่ละตัวแต่ละวงก็จะไม่เหมือนกัน กรี๊ดหมีไปก่อนเหมือนได้กรี๊ดไอดอลที่เราชอบ ^__^
ของ EXO ก็มี
เดินเลาะตามถนนไปเรื่อยจนถึงหน้าตึก (เดินขึ้นเนิน ลงเนิน แอบไกลเหมือนกัน กว่าจะถึงหน้าตึกก็เหนื่อยพอดี) จะมีป้ายบอกทางว่าต้องเลี้ยวตรงไหน ดูในแผนที่ได้เลยค่ะ
ระว่างทางที่เราเดินไปที่ตึก ก็เจอกับรถบัสโปรเจควันเกิดของแบมแบม จะช้าอยู่ทำไมต้องเข้าไปถ่ายรูป ดูเสื้อก็รู้แล้ว เรา TEAM BAM2 นะ
วันที่เราไปคือวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งหลังเที่ยงคืนก็จะเป็นวันเกิดของน้องแบมแบม นี่คือเหตุผลบางประการว่าทำไมเราต้องไปเกาหลีช่วงนี้
เราจะมารอ Happy Birthday น้องแบมแบม วันนี้แฟนมารอหน้าตึกเยอะมากทั้งแฟนไทย เกาหลี จีน แฟนไทยเยอะมากนึกว่าอยู่กรุงเทพฯ
สายติ่งก็ปักหลักนั่งรอGOT7 อยู่หน้าตึก สายเมาก็ไปหาร้านใกล้ๆตึก นั่งจิบเบียร์ จิบโซจูรอ เห็นไหมสายติ่ง สายเมา เราไปด้วยกันได้ 555
หน้าตึกติดป้ายวันเกิดแบมแบมแล้ว
หน้าตึก JYP ไม่มีของฝากนะคะ พวกของ Good Official หรือของ Fan Made หาซื้อได้ที่เมียงดง หรือ LOTTE FITIN ที่ทงแดมุนค่ะ
(เผื่อมีใครไปหน้าตึกแล้วผิดหวังบอกว่าไม่มีของฝาก)
นั่งแทะไอติมเมล่อน รอ
นั่งรอแบบมีความหวังว่าเราจะต้องไม่นก เราจะต้องได้เจอGOT7 ก็ได้เจอครบทุกคน รวมถึงลุงผักด้วย (รูปหน้าตึกที่มีศิลปินเราไม่ได้ลงนะคะ ) สรุปแล้วรอไป 5 ชั่วโมง แต่เป็น 5 ชั่วโมง ที่มีความสุขมาก พอเจอครบทุกคนก็แบบพอใจแล้ว แค่นี้ก็ดีใจแล้ว เหนื่อยแล้ว ตะลอนมาทั้งวันแล้ว กลับกันเถอะ
ป.ลิง สายเมาบอกว่าราคาโซจูแถวนั้นช่างกร๊าวใจ โดนไปขวดละ 5000 วอน (ตามร้านมินิมาร์ทจะขายอยู่ 1300 วอน แถวที่พัก 3000 วอน)
Day2 อยู่เม้นถัดไปนะคะ