กระทู้นี้เกิดขึ้นจากการเดินผ่านช่วงเวลาช่วงหนึ่งของ จขกท. นะครับ เป็นการตกผลึกความคิดที่อยากนำมาแบ่งปัน ทั้งนี้ต้องออกตัวก่อนว่าผมเองก็ไม่ใช่ Guru หรือผู้เชี่ยวชาญอะไร สิ่งที่นำเสนอจึงเป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย วิเคราะห์ วิจารณ์ได้ครับ ขอบคุณที่ร่วม Discuss ครับ
ความรัก... ความรักคืออะไร หน้าตามันเป็นยังไง ความรู้สึกมันคือแบบไหน หรือมันจะเป็นเพียงคำที่ใช้นิยามอารมณ์ในช่วงเวลาช่วงหนึ่งของชีวิต ตกลงในความคิดของเรานั้น "ความรักคืออะไร?"
1. “ตอนนี้โสดก็มีความสุขดี ไม่เห็นจะต้องมีแฟน”
ผมไม่เถียงนะครับเรื่องความสุขที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราเป็นโสด เพราะตอนนี้ จขกท. ก็ยังโสดอยู่ครับและก็มีความสุขดี แต่ผมไม่เคยนำเอาเรื่องความโสดมาเปรียบเทียบกับการมีแฟนว่าแบบไหนมีความสุขกว่ากัน มันคนละเรื่องกันเลยด้วยซ้ำ โสดคือสถานะ มีแฟนก็คือสถานะ แต่ความสุขคือความสุขครับ ความสุขคืออารมณ์ ความสุขคือความพึงพอใจกับสถานะของคุณ คุณโสดคุณก็มีความสุขได้ คุณมีแฟนหรือแต่งงาน คุณก็มีความสุขได้ มันไม่ได้แปลว่าการเปลี่ยนสถานะของคุณจะทำให้ความสุขของคุณต้องลดลงหรือหายไป บางคนกลัวว่าการมีคู่ต้องคิดมาก ปวดหัว มีความทุกข์ ติดอยู่ในเงื่อนไข ก็ดูซิครับ ยังไม่ทันจะรักใครคุณเองก็กลับมีเงื่อนไขมากมาย "ถ้าจะรักกับฉัน ฉันอยากมีรักที่ไม่มีเงือนไข นี่คือเงื่อนไขของฉันนะ" เอ๊ะ! ตกลงจะเอายังไงกันแน่?!! หรือแม้แต่คนที่ต้องร้างลากับความรัก การเป็นโสดอีกครั้งไม่จำเป็นว่าต้องกลายไปเป็นความทุกข์ คุณอาจกำลังมีเวลาที่จะใส่ใจตัวเอง ได้เก็บรายละเอียดในชีวิต ได้ทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง หรือได้พบเจอคนใหม่ๆที่ดีกับคุณจริงๆก็เป็นได้ "การไม่ปล่อยมือจากของเก่า แล้วของใหม่จะเข้ามาแทนที่ได้อย่างไร" (ในบางเคส ถ้าคุณอยู่กับเพื่อนที่โสดหลายๆคน ก็ไม่แปลกที่คุณจะมองว่าความโสดเป็นเรื่องสนุก ทั้งที่ความจริงแล้วคุณไม่ได้สนุกกับความโสด แต่คุณกำลังสนุกกับเพื่อนโสดๆของคุณต่างหาก!) สิ่งต่างๆในอนาคตมันอาจเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ถูกต้องไหมครับ ผมขอขมวดข้อนี้สั้นๆว่า การเป็นโสดคือ Lifestyle มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่าเอาความโสดกับความสุขมาผสมกันแล้วบอกว่าดีกว่าการมีแฟน และเช่นกันก็อย่าเอาความโสดมาคิดว่าโสดแล้วต้องทุกข์จนต้องดิ้นรนหนีความเดียวดาย เพราะคุณจะต้องเจอทั้งความสุขและความทุกข์จากทุกการเปลี่ยนแปลง ทุกสถานะ คุณหนีความรู้สึกเหล่านั้นไม่พ้นหรอก! “คุณจะเจ็บต่อไปถ้าคุณยังมีตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก”
2. “ที่ผ่านมาก็แบบนี้ทั้งนั้น!”
หลายครั้งที่ผมได้ยินเพื่อนบ่นหรือโพสต์ข้อความประชดประชัน ตีอกชกตัวถึงความเสียใจ ทำไมชีวิตถึงเจอแต่คนไม่ดี ทำไมมีแฟนไม่นานก็เลิก จนไปถึงวลีเด็ดที่ว่า "ผู้ชายก็เลวเหมือนกันหมด" หรือ "ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ" คนรวย คนจน คนมีการศึกษา คนบ้า สารพัด category ที่จะแบ่ง เพราะประสบการณ์ความรักที่ผิดหวังซ้ำๆ มักจะเกิดขึ้นในรูปแบบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ถามว่าเพราะอะไร? บนโลกกลมๆใบนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน" อาศัยอยู่ราวๆเจ็ดพันสี่ร้อยล้านคน (ข้อมูลปี 2016) แน่นอนว่าแต่ละคนก็จะมีนิสัยที่แตกต่างกันครับ เราทุกคนมีแก่น (Core) ของความเป็นตัวเรา และนิสัย (Habit) ต่างๆของเราคือส่วนเติมแต่งให้เราเป็นเราแบบนี้ ทุกครั้งที่จะมีความรัก เราก็มักจะมองที่ความเข้ากันได้ รูปร่างหน้าตา พื้นฐานนิสัย และเมื่อเราเจอจุดเชื่อม เราก็จะเชื่อมจุดเหล่านั้นให้แข็งแรง แต่คนเจ็ดพันสี่ร้อยล้านคนมันก็มีลักษณะต่างกันถึงเจ็ดพันสี่ร้อยล้านแบบ แต่เรากลับให้ความสนใจกับนิสัยบางแบบที่เราชอบ นั่นหมายความว่าโอกาสที่เราจะเจอความเสียใจจากคนเป็นล้านบนโลกที่ผ่านเข้ามาย่อมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นไม่ใช่เพราะคนทุกคนเหมือนกันหมด แต่เพราะเราเองต่างหากที่ให้ความสนใจ (Focus) ที่นิสัยบางแบบ และ “คาดหวัง” มันจากคนหลายๆคนที่เคยเดินผ่านเข้ามาในชีวิต สิ่งที่ผมอยากบอกคือ "คนเก่ากับคนใหม่คือคนละคน" เราจะเหมาว่า ยีราฟคือสัตว์ ฮิปโปคือสัตว์ คุณไม่ชอบสัตว์ คุณเลยไม่ชอบทั้งยีราฟและฮิปโปมันก็ไม่แฟร์ถูกไหมครับ เช่นกันกับคน ถ้าคุณมองเค้าที่ธรรมชาติของเค้า ธรรมชาติของคนๆนึง คุณจะเลือกได้ง่ายขึ้นและผิดหวังกับความรักซ้ำไปซ้ำมาได้น้อยลง เพราะคุณเข้าใจในตัวตน (core) ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณเลือกที่จะสนใจ (Focus)
3. “ให้โอกาสเค้า เผื่อว่ารักของเราจะดีขึ้น”
เรื่องนี้คงเหมือนภาคต่อของข้อสอง หลายครั้งที่ผมเห็นเพื่อนเสียอกเสียใจ โอ๊ยยยยจะเลิกอย่างงั้นอย่างงี้ เค้าทำให้ชีวิตเราพัง ทำชีวิตเราแย่ ฟังเพลงเศร้ายิ่งสะใจ กูนี่แหละเหยื่อของความรัก บลาๆๆๆ ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ โพสต์รูปคู่ลงโซเชียล สร้างฉากบอกกับโลกถึงความน่ารักในการขอคืนดี ดูโรแมนติคดูมีความสุข แล้วเดี๋ยวมันก็กลับมาเลิกกันอีก พอไปไม่รอดจริงๆก็เหมาด่าความรัก แต่ไม่นานนักก็มีแฟนใหม่ วนๆซ้ำๆ ... แล้วความรักคืออะไรครับ? ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับกับการให้โอกาสคนผิดได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้านั่นจะเป็นการทำให้เค้าปรับปรุงตัวใหม่ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (ต้องแน่ใจนะครับว่าสิ่งที่ต้องการให้เค้าปรับปรุงมันคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่การปรับเพื่อให้ถูกใจเรา) จากข้อสองผมเน้นย้ำเรื่องของ "ธรรมชาติของคน" ธรรมชาติคือธรรมชาติครับ มันคือสิ่งที่ถูกฝึกและสะสมมาตั้งแต่เป็นเด็ก เรื่องราวที่ผ่านมาของแต่ละคนแตกต่างกัน คนบางคนเติบโตมาในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นก็จะตามหาความอบอุ่น คนบางคนเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นก็อาจจะไม่ได้โหยหาความอบอุ่นแต่โหยหาเรื่องความสำเร็จหรือแม้แต่เรื่องอื่นๆ นิสัยของแต่ละคนถูกเก็บสะสมมาเรียกว่า ประสบการณ์เก่า (Background) ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนใครได้หรอกครับ "ถ้าเจ้าตัวไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนอะไร" ผมจึงจบข้อนี้ด้วยความจริงใจที่จะบอกว่า "คุยกับคนเดิมคุณก็จะได้เรื่องเดิม" ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรอกครับ อย่าเสียเวลา..
4. “เลวหรือดี”
คน... คือสิ่งมีชีวิตที่มีสมองส่วนคิด แต่ก็มักจะแพ้สมองส่วนสัญชาตญาณ เราพยายามคุยกันที่เหตุผลแต่เราก็มักจะพังเพราะอารมณ์เสมอ และสมองของเรามักมีนิสัยอย่างหนึ่ง มันชอบตัดสินว่าอะไรดีและอะไรเลวกับเรา เพื่อรักษาเราให้อยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย แต่ทว่า... "ต่อให้รู้ว่าอะไรที่เลวกับเรา แต่เราก็ยังไปรักมัน" และเราก็รู้สึกอึดอัด นั่นเพราะการทำงานของสมองสองส่วนทำงานขัดกันครับ สมองส่วนคิดกับสมองส่วนสัญชาตญาณมันไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันซะแล้ว จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความอึดอัด สารเคมีในสมองถูกหลั่งออกมามากมาย เหมือนคุณผสมน้ำแดงกับโซดาและมีเหล้าติดมานิดๆ มึนซิครับ ผมเกริ่นนำหัวข้อนี้ซะยาวก็เพื่อนำคุณเข้ามาสู่โลกของการคิดตัดสินของสมองของคุณครับ อย่างที่เรียนให้ทราบว่ามีคนบนโลกอยู่เจ็ดพันสี่ร้อยล้านคน เราไม่สามารถแบ่งได้หรอกครับว่ามีคนดีกี่คนและมีคนเลวกี่คน เพราะถ้าให้เราทุกคนเขียนความดีและความเลวของตัวเองจริงๆลงในกระดาษอย่างละ 10 ข้อ ผมก็เชื่อว่าทุกคนจะเขียนได้ครบทั้งความดีและความเลว (ถ้าคุณเขียนความเลวได้มากกว่าความดี แนะนำว่าให้เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยด่วน เว้นแต่ว่าคุณรู้สึกโอเคกับมัน) เห็นไหมครับว่าเราทุกคนมีทั้งความดีและความเลวอยู่ในตัวเราเองทั้งสิ้น ดังนั้นการที่เราเป็นคนดีที่ชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเลว เค้าเลวแบบนี้ ทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้ ชีวิตเราต้องพังทลาย จิตใจสูญสลาย เพราะเค้าเป็นคนเลว เราพลาดที่เผลอไปคบคนเลว ผมคิดว่านั่นคือทัศนคติที่ผิดที่สุดนะครับ เค้าทำเลวกับเรานั่นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นครับ (ในที่นี้ขออนุมานคำว่าเลวคือเลวจริงๆก่อนนะครับ) เค้าเลวกับเรา ส่งผลให้เราได้รับความสูญเสีย อันนี้เข้าใจได้ แต่เพราะเราสูญเสีย ชีวิตของเราจึงพังทลาย อันนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะชีวิตเราก็คือชีวิตของเราครับ ไม่มีใครจะมาพังชีวิตเราได้นอกเสียจากเราเองที่ยอมเป็นเหยื่อของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และปิดบังความอ่อนแอของตัวเองไว้ด้วยการฝากความเลวความรับผิดชอบไว้ที่ใครอีกคน ... (ผมเคยเห็นคนคนหนึ่งที่ถูกตีตราว่าเป็นคนเลว เป็นสามีที่เลว แต่เค้าก็ไม่เคยจากครอบครัวไปไหน และก็ยังดิ้นรนทำมาหากินอยู่ คนๆนั้นคือพ่อผมเอง) เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนทำไม่ดีกับเรา ผมขอให้นึกไว้เสมอๆครับว่า "No body perfect!" ถ้าไปกันไม่ได้ก็แยกย้าย ไม่เห็นต้องตีตราใครว่าดีหรือเลว เพราะคุณไม่รู้ได้แน่ชัดหรอกครับว่าคนๆนั้นเค้าเคยผ่านอะไรมา
5. “ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น”
ตลอดช่วงเวลาความโสดที่เป็นสุขของผม 9 ปีที่ผ่านมา มีเคสความรักเข้ามาปรึกษาผมเยอะมาก ผมเฝ้าดูและวิเคราะห์พื้นฐานนิสัยของคน มุมมองความคิด ไปจนถึงการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ และผมมักจะได้พบกับวลีเด็ดของกลุ่มคนที่ผิดหวัง เช่น "เวรกรรมมีจริง" "ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น" เต็มไปด้วยความเครียดแค้น ตัดพ้อ ความโกรธ โมโห ทุกสิ่งอย่างมาเต็ม เรียกได้ว่าฆ่าได้คงฆ่ากันให้ตายไปข้าง และกลายเป็น "ความเกลียดชัง" (Disgust) ภายในใจของคนๆนั้น ผมขอฉีกมุมมองนี้ออกไปซักนิดนะครับ ถ้าถามผมว่าเวรกรรมมีจริงมั๊ย ผมตอบว่ามีจริงครับ แต่ถ้าถามว่าเวรกรรมคืออะไร ผมคงตอบว่าคุณไม่ต้องเสียเวลาสวดคาถาสาปแช่งใดๆ หรือใช้อวิชชาให้ใครอีกคนต้องรู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เค้าทำให้คุณรู้สึกหรอกครับ เพราะเวรกรรมมันเกิดจากการกระทำ มันคือผลของการแสดงออกที่เกิดขึ้นจากนิสัยที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ถ้าแก่นของความเป็นคุณกับความเป็นเค้ามันเข้ากันไม่ได้ การแยกจากกันก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ จะอยู่กันไปเพื่อทำร้ายหัวใจกันทำไม คุณอาจไม่พอใจในสิ่งที่เค้าเป็น(บางสิ่ง) อาจเป็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้คุณกับเค้าต้องจากลากัน เกลียดกัน และคุณก็สาปส่งไปว่าเพราะสิ่งๆนั้นที่เค้าเป็น(และคุณไม่ชอบ) มันจะต้องส่งผลให้เค้าต้องชีวิตพังเหมือนที่เค้าเข้ามาพังชีวิตคุณในตอนนี้! (และบางกรณีก็พาลด่า “คนแบบนี้ก็เหมือนๆกันหมด!” คุ้นๆมั๊ยครับ) โอ้โห! ปาทิชชู่สิปัดโธ่! นี่มันแค้นฝังหุ่นชัดๆ น่ากลัวมาก ซึ่งผมจะบอกความลับให้ครับ ความจริงแล้วถ้าเค้าคนนั้นจะโดนกรรมตารมสนองนั่นไม่ใช่เพราะคุณอ้อนวอนให้เค้าต้องพบกฏแห่งกรรมหรอกครับ เพราะถ้ามันจะแค่นั้นคุณกับเค้าเคลียร์กันมันก็จบง่ายกว่า แต่ที่เค้าต้องไปเผชิญวิบากกรรมต่อนั่นก็เพราะว่า "นิสัย" ของเค้าครับ นิสัยไม่ดีที่มันทำให้คุณกับเค้าไปกันไม่ได้ ถ้ามันเป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ และไม่ดีกับคนอื่นด้วย คุณไม่ต้องสาปแช่งเค้าให้ร้อนใจตัวเองเปล่าๆหรอกครับ เพราะเค้าเองก็ไม่อาจอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยนิสัยแย่ๆแบบนั้นอย่างมีความสุขอย่างแน่นอน "ไม่มีหรอกเวรกรรมตามที่คิดหวัง มีแต่ความพังเพราะการกระทำที่เกิดจากนิสัย"
มีต่อ...
+++ 9 ปรัชญาความรักที่คนมักเข้าใจผิด +++
ความรัก... ความรักคืออะไร หน้าตามันเป็นยังไง ความรู้สึกมันคือแบบไหน หรือมันจะเป็นเพียงคำที่ใช้นิยามอารมณ์ในช่วงเวลาช่วงหนึ่งของชีวิต ตกลงในความคิดของเรานั้น "ความรักคืออะไร?"
1. “ตอนนี้โสดก็มีความสุขดี ไม่เห็นจะต้องมีแฟน”
ผมไม่เถียงนะครับเรื่องความสุขที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราเป็นโสด เพราะตอนนี้ จขกท. ก็ยังโสดอยู่ครับและก็มีความสุขดี แต่ผมไม่เคยนำเอาเรื่องความโสดมาเปรียบเทียบกับการมีแฟนว่าแบบไหนมีความสุขกว่ากัน มันคนละเรื่องกันเลยด้วยซ้ำ โสดคือสถานะ มีแฟนก็คือสถานะ แต่ความสุขคือความสุขครับ ความสุขคืออารมณ์ ความสุขคือความพึงพอใจกับสถานะของคุณ คุณโสดคุณก็มีความสุขได้ คุณมีแฟนหรือแต่งงาน คุณก็มีความสุขได้ มันไม่ได้แปลว่าการเปลี่ยนสถานะของคุณจะทำให้ความสุขของคุณต้องลดลงหรือหายไป บางคนกลัวว่าการมีคู่ต้องคิดมาก ปวดหัว มีความทุกข์ ติดอยู่ในเงื่อนไข ก็ดูซิครับ ยังไม่ทันจะรักใครคุณเองก็กลับมีเงื่อนไขมากมาย "ถ้าจะรักกับฉัน ฉันอยากมีรักที่ไม่มีเงือนไข นี่คือเงื่อนไขของฉันนะ" เอ๊ะ! ตกลงจะเอายังไงกันแน่?!! หรือแม้แต่คนที่ต้องร้างลากับความรัก การเป็นโสดอีกครั้งไม่จำเป็นว่าต้องกลายไปเป็นความทุกข์ คุณอาจกำลังมีเวลาที่จะใส่ใจตัวเอง ได้เก็บรายละเอียดในชีวิต ได้ทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง หรือได้พบเจอคนใหม่ๆที่ดีกับคุณจริงๆก็เป็นได้ "การไม่ปล่อยมือจากของเก่า แล้วของใหม่จะเข้ามาแทนที่ได้อย่างไร" (ในบางเคส ถ้าคุณอยู่กับเพื่อนที่โสดหลายๆคน ก็ไม่แปลกที่คุณจะมองว่าความโสดเป็นเรื่องสนุก ทั้งที่ความจริงแล้วคุณไม่ได้สนุกกับความโสด แต่คุณกำลังสนุกกับเพื่อนโสดๆของคุณต่างหาก!) สิ่งต่างๆในอนาคตมันอาจเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ถูกต้องไหมครับ ผมขอขมวดข้อนี้สั้นๆว่า การเป็นโสดคือ Lifestyle มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่าเอาความโสดกับความสุขมาผสมกันแล้วบอกว่าดีกว่าการมีแฟน และเช่นกันก็อย่าเอาความโสดมาคิดว่าโสดแล้วต้องทุกข์จนต้องดิ้นรนหนีความเดียวดาย เพราะคุณจะต้องเจอทั้งความสุขและความทุกข์จากทุกการเปลี่ยนแปลง ทุกสถานะ คุณหนีความรู้สึกเหล่านั้นไม่พ้นหรอก! “คุณจะเจ็บต่อไปถ้าคุณยังมีตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก”
2. “ที่ผ่านมาก็แบบนี้ทั้งนั้น!”
หลายครั้งที่ผมได้ยินเพื่อนบ่นหรือโพสต์ข้อความประชดประชัน ตีอกชกตัวถึงความเสียใจ ทำไมชีวิตถึงเจอแต่คนไม่ดี ทำไมมีแฟนไม่นานก็เลิก จนไปถึงวลีเด็ดที่ว่า "ผู้ชายก็เลวเหมือนกันหมด" หรือ "ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ" คนรวย คนจน คนมีการศึกษา คนบ้า สารพัด category ที่จะแบ่ง เพราะประสบการณ์ความรักที่ผิดหวังซ้ำๆ มักจะเกิดขึ้นในรูปแบบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ถามว่าเพราะอะไร? บนโลกกลมๆใบนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน" อาศัยอยู่ราวๆเจ็ดพันสี่ร้อยล้านคน (ข้อมูลปี 2016) แน่นอนว่าแต่ละคนก็จะมีนิสัยที่แตกต่างกันครับ เราทุกคนมีแก่น (Core) ของความเป็นตัวเรา และนิสัย (Habit) ต่างๆของเราคือส่วนเติมแต่งให้เราเป็นเราแบบนี้ ทุกครั้งที่จะมีความรัก เราก็มักจะมองที่ความเข้ากันได้ รูปร่างหน้าตา พื้นฐานนิสัย และเมื่อเราเจอจุดเชื่อม เราก็จะเชื่อมจุดเหล่านั้นให้แข็งแรง แต่คนเจ็ดพันสี่ร้อยล้านคนมันก็มีลักษณะต่างกันถึงเจ็ดพันสี่ร้อยล้านแบบ แต่เรากลับให้ความสนใจกับนิสัยบางแบบที่เราชอบ นั่นหมายความว่าโอกาสที่เราจะเจอความเสียใจจากคนเป็นล้านบนโลกที่ผ่านเข้ามาย่อมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นไม่ใช่เพราะคนทุกคนเหมือนกันหมด แต่เพราะเราเองต่างหากที่ให้ความสนใจ (Focus) ที่นิสัยบางแบบ และ “คาดหวัง” มันจากคนหลายๆคนที่เคยเดินผ่านเข้ามาในชีวิต สิ่งที่ผมอยากบอกคือ "คนเก่ากับคนใหม่คือคนละคน" เราจะเหมาว่า ยีราฟคือสัตว์ ฮิปโปคือสัตว์ คุณไม่ชอบสัตว์ คุณเลยไม่ชอบทั้งยีราฟและฮิปโปมันก็ไม่แฟร์ถูกไหมครับ เช่นกันกับคน ถ้าคุณมองเค้าที่ธรรมชาติของเค้า ธรรมชาติของคนๆนึง คุณจะเลือกได้ง่ายขึ้นและผิดหวังกับความรักซ้ำไปซ้ำมาได้น้อยลง เพราะคุณเข้าใจในตัวตน (core) ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณเลือกที่จะสนใจ (Focus)
3. “ให้โอกาสเค้า เผื่อว่ารักของเราจะดีขึ้น”
เรื่องนี้คงเหมือนภาคต่อของข้อสอง หลายครั้งที่ผมเห็นเพื่อนเสียอกเสียใจ โอ๊ยยยยจะเลิกอย่างงั้นอย่างงี้ เค้าทำให้ชีวิตเราพัง ทำชีวิตเราแย่ ฟังเพลงเศร้ายิ่งสะใจ กูนี่แหละเหยื่อของความรัก บลาๆๆๆ ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ โพสต์รูปคู่ลงโซเชียล สร้างฉากบอกกับโลกถึงความน่ารักในการขอคืนดี ดูโรแมนติคดูมีความสุข แล้วเดี๋ยวมันก็กลับมาเลิกกันอีก พอไปไม่รอดจริงๆก็เหมาด่าความรัก แต่ไม่นานนักก็มีแฟนใหม่ วนๆซ้ำๆ ... แล้วความรักคืออะไรครับ? ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับกับการให้โอกาสคนผิดได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้านั่นจะเป็นการทำให้เค้าปรับปรุงตัวใหม่ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (ต้องแน่ใจนะครับว่าสิ่งที่ต้องการให้เค้าปรับปรุงมันคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่การปรับเพื่อให้ถูกใจเรา) จากข้อสองผมเน้นย้ำเรื่องของ "ธรรมชาติของคน" ธรรมชาติคือธรรมชาติครับ มันคือสิ่งที่ถูกฝึกและสะสมมาตั้งแต่เป็นเด็ก เรื่องราวที่ผ่านมาของแต่ละคนแตกต่างกัน คนบางคนเติบโตมาในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นก็จะตามหาความอบอุ่น คนบางคนเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นก็อาจจะไม่ได้โหยหาความอบอุ่นแต่โหยหาเรื่องความสำเร็จหรือแม้แต่เรื่องอื่นๆ นิสัยของแต่ละคนถูกเก็บสะสมมาเรียกว่า ประสบการณ์เก่า (Background) ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนใครได้หรอกครับ "ถ้าเจ้าตัวไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนอะไร" ผมจึงจบข้อนี้ด้วยความจริงใจที่จะบอกว่า "คุยกับคนเดิมคุณก็จะได้เรื่องเดิม" ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรอกครับ อย่าเสียเวลา..
4. “เลวหรือดี”
คน... คือสิ่งมีชีวิตที่มีสมองส่วนคิด แต่ก็มักจะแพ้สมองส่วนสัญชาตญาณ เราพยายามคุยกันที่เหตุผลแต่เราก็มักจะพังเพราะอารมณ์เสมอ และสมองของเรามักมีนิสัยอย่างหนึ่ง มันชอบตัดสินว่าอะไรดีและอะไรเลวกับเรา เพื่อรักษาเราให้อยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย แต่ทว่า... "ต่อให้รู้ว่าอะไรที่เลวกับเรา แต่เราก็ยังไปรักมัน" และเราก็รู้สึกอึดอัด นั่นเพราะการทำงานของสมองสองส่วนทำงานขัดกันครับ สมองส่วนคิดกับสมองส่วนสัญชาตญาณมันไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันซะแล้ว จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความอึดอัด สารเคมีในสมองถูกหลั่งออกมามากมาย เหมือนคุณผสมน้ำแดงกับโซดาและมีเหล้าติดมานิดๆ มึนซิครับ ผมเกริ่นนำหัวข้อนี้ซะยาวก็เพื่อนำคุณเข้ามาสู่โลกของการคิดตัดสินของสมองของคุณครับ อย่างที่เรียนให้ทราบว่ามีคนบนโลกอยู่เจ็ดพันสี่ร้อยล้านคน เราไม่สามารถแบ่งได้หรอกครับว่ามีคนดีกี่คนและมีคนเลวกี่คน เพราะถ้าให้เราทุกคนเขียนความดีและความเลวของตัวเองจริงๆลงในกระดาษอย่างละ 10 ข้อ ผมก็เชื่อว่าทุกคนจะเขียนได้ครบทั้งความดีและความเลว (ถ้าคุณเขียนความเลวได้มากกว่าความดี แนะนำว่าให้เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยด่วน เว้นแต่ว่าคุณรู้สึกโอเคกับมัน) เห็นไหมครับว่าเราทุกคนมีทั้งความดีและความเลวอยู่ในตัวเราเองทั้งสิ้น ดังนั้นการที่เราเป็นคนดีที่ชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเลว เค้าเลวแบบนี้ ทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้ ชีวิตเราต้องพังทลาย จิตใจสูญสลาย เพราะเค้าเป็นคนเลว เราพลาดที่เผลอไปคบคนเลว ผมคิดว่านั่นคือทัศนคติที่ผิดที่สุดนะครับ เค้าทำเลวกับเรานั่นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นครับ (ในที่นี้ขออนุมานคำว่าเลวคือเลวจริงๆก่อนนะครับ) เค้าเลวกับเรา ส่งผลให้เราได้รับความสูญเสีย อันนี้เข้าใจได้ แต่เพราะเราสูญเสีย ชีวิตของเราจึงพังทลาย อันนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะชีวิตเราก็คือชีวิตของเราครับ ไม่มีใครจะมาพังชีวิตเราได้นอกเสียจากเราเองที่ยอมเป็นเหยื่อของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และปิดบังความอ่อนแอของตัวเองไว้ด้วยการฝากความเลวความรับผิดชอบไว้ที่ใครอีกคน ... (ผมเคยเห็นคนคนหนึ่งที่ถูกตีตราว่าเป็นคนเลว เป็นสามีที่เลว แต่เค้าก็ไม่เคยจากครอบครัวไปไหน และก็ยังดิ้นรนทำมาหากินอยู่ คนๆนั้นคือพ่อผมเอง) เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนทำไม่ดีกับเรา ผมขอให้นึกไว้เสมอๆครับว่า "No body perfect!" ถ้าไปกันไม่ได้ก็แยกย้าย ไม่เห็นต้องตีตราใครว่าดีหรือเลว เพราะคุณไม่รู้ได้แน่ชัดหรอกครับว่าคนๆนั้นเค้าเคยผ่านอะไรมา
5. “ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น”
ตลอดช่วงเวลาความโสดที่เป็นสุขของผม 9 ปีที่ผ่านมา มีเคสความรักเข้ามาปรึกษาผมเยอะมาก ผมเฝ้าดูและวิเคราะห์พื้นฐานนิสัยของคน มุมมองความคิด ไปจนถึงการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ และผมมักจะได้พบกับวลีเด็ดของกลุ่มคนที่ผิดหวัง เช่น "เวรกรรมมีจริง" "ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น" เต็มไปด้วยความเครียดแค้น ตัดพ้อ ความโกรธ โมโห ทุกสิ่งอย่างมาเต็ม เรียกได้ว่าฆ่าได้คงฆ่ากันให้ตายไปข้าง และกลายเป็น "ความเกลียดชัง" (Disgust) ภายในใจของคนๆนั้น ผมขอฉีกมุมมองนี้ออกไปซักนิดนะครับ ถ้าถามผมว่าเวรกรรมมีจริงมั๊ย ผมตอบว่ามีจริงครับ แต่ถ้าถามว่าเวรกรรมคืออะไร ผมคงตอบว่าคุณไม่ต้องเสียเวลาสวดคาถาสาปแช่งใดๆ หรือใช้อวิชชาให้ใครอีกคนต้องรู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เค้าทำให้คุณรู้สึกหรอกครับ เพราะเวรกรรมมันเกิดจากการกระทำ มันคือผลของการแสดงออกที่เกิดขึ้นจากนิสัยที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ถ้าแก่นของความเป็นคุณกับความเป็นเค้ามันเข้ากันไม่ได้ การแยกจากกันก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ จะอยู่กันไปเพื่อทำร้ายหัวใจกันทำไม คุณอาจไม่พอใจในสิ่งที่เค้าเป็น(บางสิ่ง) อาจเป็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้คุณกับเค้าต้องจากลากัน เกลียดกัน และคุณก็สาปส่งไปว่าเพราะสิ่งๆนั้นที่เค้าเป็น(และคุณไม่ชอบ) มันจะต้องส่งผลให้เค้าต้องชีวิตพังเหมือนที่เค้าเข้ามาพังชีวิตคุณในตอนนี้! (และบางกรณีก็พาลด่า “คนแบบนี้ก็เหมือนๆกันหมด!” คุ้นๆมั๊ยครับ) โอ้โห! ปาทิชชู่สิปัดโธ่! นี่มันแค้นฝังหุ่นชัดๆ น่ากลัวมาก ซึ่งผมจะบอกความลับให้ครับ ความจริงแล้วถ้าเค้าคนนั้นจะโดนกรรมตารมสนองนั่นไม่ใช่เพราะคุณอ้อนวอนให้เค้าต้องพบกฏแห่งกรรมหรอกครับ เพราะถ้ามันจะแค่นั้นคุณกับเค้าเคลียร์กันมันก็จบง่ายกว่า แต่ที่เค้าต้องไปเผชิญวิบากกรรมต่อนั่นก็เพราะว่า "นิสัย" ของเค้าครับ นิสัยไม่ดีที่มันทำให้คุณกับเค้าไปกันไม่ได้ ถ้ามันเป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ และไม่ดีกับคนอื่นด้วย คุณไม่ต้องสาปแช่งเค้าให้ร้อนใจตัวเองเปล่าๆหรอกครับ เพราะเค้าเองก็ไม่อาจอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยนิสัยแย่ๆแบบนั้นอย่างมีความสุขอย่างแน่นอน "ไม่มีหรอกเวรกรรมตามที่คิดหวัง มีแต่ความพังเพราะการกระทำที่เกิดจากนิสัย"
มีต่อ...