เคยใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีจุดหมายมั้ยครับ?
ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
ผมเป็นแบบนี้มา 2 ปี นับตั้งแต่เธอเลือกทางเดินใหม่
ด้วยเหตุผลที่ผมยังคงเฝ้ารอคำตอบ
ผมเกือบจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว
ถ้าเธอคนนั้นไม่กลับมา
จากที่เคยมั่นใจว่าตัวเองเข้มแข็ง
แค่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น ทุกอย่างที่พยายามลืม
กลับต้องไปเริ่มต้นใหม่
เริ่มเข้าหน้าหนาวของเดือนธันวาคม
หนาวจนฟันออกปาก
ผมทำงานอยู่ในห้องแอร์รวมครับ
ใช้ร่วมกับคนเป็นพัน
ดรอปเรียนไว้นี่ก็ 2 ปีแล้ว
ทำงานพาร์ทไทม์ร้านไอศรีมในห้าง
พนักงานเยอะเลยจำกัดแค่คนละ 4 ชั่วโมง/วัน
เอาจริงๆไม่พอกินหรอกครับ
แต่ที่ทำเพราะ อยู่บ้านเฉยๆมันน่าเบื่อไง
ฟุ้งซ่านด้วย มาทำงานได้เจอ
ลูกค้าหลายๆแบบสนุกดีครับ
น้องแพทก็เป็นหนึ่งในลูกค้าแปลกๆของผม
เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน
ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่เคยเห็น
แพทคุยโทรศัพท์กับใครเลยสักครั้ง
ตอนนั้นไลน์ยังไม่มีเลยครับ
โปรแกรมออนไลน์ไว้คุยกับเพื่อนที่ดีที่สุด
คงหนีไม่พ้น msn กับ ไฮไฟว์
เธอมาเวลาเดิมทุกวันคือสี่โมงเย็น
ยกเว้นวันอาทิตย์ จะมาตั้งแต่ร้านเปิด
และนั่งอยู่แบบนั้นทั้งวัน
"น้องคนนั้นที่ขาวๆ ผมสั้น
นั่งโซฟาตัวในสุดเค้าเป็นใครเหรอ"
ผมเก็บความสงสัยมานาน
จนอดที่จะถามพี่ดาวซุปเปอร์ไวเซอร์ของร้านไม่ได้
พี่ดาวอายุมากกว่าผม 5 ปี แต่ดูดีมากเป็นพริตตี้ได้เลย
"น้องแพท หลานเจ้าของร้าน อาเค้าฝากไว้
ถามไมเหรอ ปกติพี่ไม่เห็นเราสนใจลูกค้าคนไหนนะ"
"ป่าวพี่ แค่สงสัยว่าน้องเค้าไม่คิดจะไปไหนบ้างหรา"
"พีช..อย่ายุ่งเลย เชื่อพี่เหอะ"
พี่ดาวเตือนผมด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย
ผมแค่ขมวดคิ้ว และทำหน้าสงสัย แต่ไม่ได้ตอบอะไรไป
น้องใส่เสื้อกันหนาวสีขาวติดขนเฟอร์สีน้ำตาลที่ฮู้ด
ยาวมาคลุมกระโปรงลายสก็อตสีฟ้าของเธอ
มันดูดีมากๆเลยนะ สำหรับเด็กมัธยม
เฮ้ย! นี่ผมกำลังจ้องเด็กมัธยมเหรอเนี่ย
น้องเพิ่งอายุ 14 เองนะ ห่างกันตั้ง 10 ปีเลยนะ ท่องไว้ๆ
น้องนั่งมองคนเดินผ่านไปผ่านมา หน้าเธอนิ่งจนไม่รู้ว่า
คิออะไรอยู่ ผมมองเธอจนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ
"พี่พีช ออเดอร์ค่ะ"
มารู้สึกตัวก็ตอนที่เสียงน้องกิ๊ฟเรียก
เสียงมันดังมาก จนคนทั้งร้านหันมามองรวมทั้งแพทด้วย
กิ๊ฟเป็นโฮสต์หน้าร้าน แต่วันนี้เข้ากะเป็นฟลอร์เสริฟไอศครีม
กิ๊ฟเรียนอาชีวะปี 3 มาทำพาร์ทไทม์เหมือนกัน
มันเป็นเป็นลึดเดอร์ของงานกีฬาโรงเรียนทุกปี
นิสัยขี้วีน เหวี่ยง และเสียงดังทุกครั้งเวลาโกธร
"โกธรไรพี่ป่าว"
"ไม่ค่ะ หนูเห็นพี่ไม่สนใจออเดอร์เดี๋ยวลูกค้าจะรอ"
กิ๊ฟมองไปทางแพทแล้วหันมาตอบผม
"ขอโทษนะที่เหม่อ"
"ค่ะ"
มันตอบแค่นั้นแล้วเดินไป
"กิ๊ฟ เดี๋ยวเลิกงานพี่เลี้ยงติม
"จริงนะ"
"อื้อ ถ้วยใหญ่เลย แต่ต้องยิ้มก่อน เดี๋ยวลูกค้าคอมเพลนนะ"
"อื้อๆ ถ้าไม่เลี้ยงมีเรื่องแน่"
มันยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าจะชกผม
"เกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วนี่ไง"
มันดึงมือกลับ แลบลิ้นใส่ผมแล้วเดินไปหาลูกค้า
ผมมองไปทางแพทอีกรอบ สบตากับที่แพทมองมาพอดี
ตาหวานๆคู่นั้น ทำไมถึงได้ดูเศร้าจังนะ
หน้าเธอนิ่งและหันไปทางเดิม ที่เธอมักจะมองตลอด
สี่ทุ่มเป็นเวลาเลิกงาน ผมเลี้ยงไอติมกิ๊ฟตามที่สัญญา
แพทกลับไปตอนสามทุ่มพร้อมผู้ชายใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาว
กางเกงสแล็คสีเทา กับรองเท้าหนังสีดำคู่นั้นที่ดูมีราคา
ผมขี่รถกลับบ้าน ในหัวมีแต่เรื่องของแพทเต็มไปหมด
จนลืมมองหมาที่วิ่งตัดหน้ารถ นั่นแหล่ะครับ
ผมชนเข้ากับน้องหมา ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก
แค่มือซ้นนิดหน่อย พยายามลากสังขารกลับมาบ้านจนได้
โดนแม่บ่นไปตามระเบียบ แม่บอกผมว่า เฟย์โทรหาแม่
ถามว่าผมเป็นไงบ้าง กลับไปเรียนรึยัง
แปลกดีเนอะ ทิ้งเราไปแต่ยังพยายามเป็นห่วงเรา
คนเป็นห่วงกันจริงต้องไม่ทิ้งกันแบบนี้ดิ
ผมอยากบอกเฟย์นะ ว่าชีวิตผมพังมา 2 ปี เพราะเฟย์
แต่ผมคงทำงั้นไม่ได้ มันผิดที่ผมเอง
เช้าวันศุกร์ ผมตื่นมาพร้อมอาการปวดข้อมือ
ตอนแรกว่าจะไม่ไปหาหมอ เพราะกลัวโดนฉีดยา
แต่ต้องจำใจไปเพราะอยู่บ้านแม่บ่นหูชา
ทรมานกว่าฉีดยาอีก หมอถามว่า
ถ้าระดับ 1- 10 ตอนนี้ปวดถึงระดับไหน
ใครมันจะรู้ฟะว่าความปวดของเรามันระดับไหน
ไม่ตอบก็กลัวหมอจะดุว่าโง่ เลยตอบกลางๆไปว่า 5
หมอบีบข้อมือผมเบาๆ
"โอ๊ยยยย" ผมร้องจนเกือบแต๋วแตก
"ไหนบอกระดับ 5 นี่มันระดับ 7"
โว๊ะ..ใครจะไปรู้ล่ะหมอ
"กลัวเข็มเหรอเรา"
หมอถามผมนิ่งๆ
"เปล่าครับ ผู้ชายที่ไหนเค้ากลัวเข็มกัน"
"เหงื่อออกเยอะเลยนะ ร้อนเหรอ"
"เอ่อ..ร้อนครับ"
เสียงหัวเราะในลำคอของหมอมันกวนประสาทผมมากนะตอนนั้น
"ทานยาให้ครบนะคะ"
ผู้ช่วยหมอย้ำผมอีกรอบก่อนผมออกจากคลินิค
พี่ดาวโทรหาผมว่าเข้างานไหวมั้ย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงลางาน
แต่เพราะอยากไปเจอแพทมั้ง เลยบอกพี่ดาวไปว่าไหว
ผมไปถึงร้าน สี่โมงสี่สิบห้า กฏที่นี่คือต้องมาร้านก่อนเวลาเข้างาน
15 นาที เพื่อมาแต่งตัว อยู่ที่นี่บุคลิกภาพต้องดี รวมถึงหน้าตาด้วย 55
"ไงพี่พีช เจ็บมั้ยนั่น มัวแต่เหม่อถึงใครอยู่รึเปล่า อิอิ"
"แสนรู้จริงๆนะเราอ่ะ"
"โอ๊ยพี่ ขยี้หัวหนูอีกละ หนูขี้เกียจมัดใหม่นะ"
"ก็เรามันน่าแกล้งนี่ เอ่อ..กิ๊ฟไปไหนอ่ะ วันนี้มันต้องยืนโฮสต์?"
"มันโทรมาลาปวดท้องเมน"
"อ่อ โรคผู้หญิง"
"ไหวแน่นะพีช"
พี่ดาวถามผมพร้อมกับเอามือมาจับแผล
"พี่ดาวห่วงผมบ่อยๆแบบนี้ ผมจะหวั่นไหวละนะ"
"ไม่ต้องมาหยอดชั้นเลย ไปดูแลน้องกิ๊ฟแกนู่น
เป็นไรมากป่าวไม่รู้ พี่บอกมันแล้วว่าอย่ากินน้ำเย็น"
"เฮ้ย ของผมที่ไหนล่ะ กิ๊ฟมันน้อง"
"แต่มันไม่น้องกับแกน่ะสิ"
"อย่ามาปั่นผมเลยพี่ มันกะไอเบ๊นซ์รักกันจะตาย"
"เวลาคุยกับพี่ มองตาพี่บ้างก็ได้นะ
"หืมม มองนะ พี่คิดมากไปป่าว
เออ..พี่วันนี้ผมโค(โคไลน์คือคนตักไอศรีม)ไม่ไหวนะ"
"งั้นมาอยู่เฟาเท่น(คนแต่งไอศครีม)มั้ย"
"ไม่ดีกว่า ขอลงฟลอร์ละกัน"
ปกติผู้ชายไม่ลงฟลอร์ครับแต่ผมกรณีพิเศษลงได้
"เติมน้ำมั้ยครับ"
แพทพยักหน้า มองมือผมข้างที่พันผ้าก็อต
"รถล้มครับ เหม่อไปหน่อย แต่ไม่ค่อยเจ็บแล้ว" (มีความเผือกบอกเอง)
แพทหน้านิ่งเหมือนเดิม แค่พยักรับได้ยินที่ผมพูด
ผมเดินออกมา รู้สึกถึงกำแพงขนาดใหญ่ ภายใต้ตาหวานอมเศร้าคู่นั้น
คนเราต้องผ่านอะไรมานะ ถึงแผ่รังสีความเศร้าได้ขนาดนั้น
ผมลงฟลอร์อยู่ 3 วัน กับประโยคเดิม คำถามเดิม
และแพทก็แค่พยักหน้าเหมือนเดิมพี่ดาวถามถึงกิ๊ฟ
ผมไม่ได้คุยกับมันมาสามวันแล้ว ตั้งแต่วันที่ลางาน ผมรับปากพี่ดาว
ว่าตอนเย็นจะไปดูให้ เพราะวันนี้ผมเข้ากะบ่ายเลิกตอนเย็น
กิ๊ฟเป็นเด็กหลังสวน พ่อคนใต้ แม่คนเหนือ แต่มาเรียนที่นี่
เช่าอพาร์ทเมนต์อยู่กับน้าสองคน ผมไม่เคยถามถึงพ่อแม่กิ๊ฟ
เพราะดูเค้าไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ ส่วนน้าไม่ค่อยอยู่ห้อง
ไปขายของต่างจังหวัดนานๆจะกลับมาห้อง
ผมยืนเรียกกิ๊ฟอยู่ประมาณ 5 นาที กิ๊ฟถึงยอมมาเปิดประตูให้
"ยังปวดท้องเมนอยู่อ่อ
"อื้อ ..
"ได้กินยามั่งเปล่า"
"ไม่กินอ่ะ ไม่ชอบ"
"ทำไมชอบดื้อ บอกกี่ครั้งแล้ว ไม่ไหวให้กินยา"
"ก็ไม่ชอบ กินแล้วมึนหัว"
"เงยหน้าดิ๊"
" ........... "
ผมจับคางมันให้เงยหน้า มันหลับตาไม่ยอมสบตา
ผมเลื่อนมือไปแตะมุมปากกิ๊ฟ ตรงที่ยังมีเลือดซึมอยู่
"ไอ้เบนซ์ใช่มั้ย"
".......... อย่า" กิ๊ฟดึงแขนเสื้อคลุมผมไว้
"ช่างมันเถอะ ไม่เจ็บแล้ว"
"ไม่เจ็บแล้วร้องไห้ทำไม"
พอผมถามประโยคนี้ไป กิ๊ฟยิ่งร้องหนักกว่าเดิม
มันเปลี่ยนจากจับแขนเสื้อมากอดเอวผมไว้
"พี่พีชไม่ต้องไป" กิ๊ฟซบหลังผมร้องไห้จนเสื้อเปียก
ผมนิ่งอยู่แบบนั้น จนเสียงสะอื้นค่อยๆเงียบไป
"พี่ขอโทษนะ ผมขอโทษพร้อมกับลูบหัวกิ๊ฟ"
"พี่จะขอโทษทำไม กิ๊ฟดื้อเองที่ไม่เชื่อพี่ตั้งแต่แรก"
"ถ้าพี่ไม่พากิ๊ฟไปสนามบอล กิ๊ฟก็ไม่เจอมัน"
ตื้ดๆๆ.... มีสายเรียกเข้า หน้าจอโชว์ชื่อ BENZ ผมกดรับสาย
"พี่พีช ผมขอโทษ ผมไปหาพี่ที่ร้าน พี่ดาวบอกพี่มาหากิ๊ฟ"
"เราเคยคุยกันแล้วนะ เรื่องกิ๊ฟ"
"ผมขอโทษจริงๆพี่ ผมทนไม่ได้ มันบอกเลิกผม ผมเสียมันไปไม่ได้"
ผมมองหน้ากิ๊ฟ มันได้ยินเพราะผมเปิดลำโพง
แล้วเมิงต้องทำมันเหรอ อารมณ์โกธรที่ผมพยายามเก็บ
เริ่มเก็บไม่อยู่ กุเคยบอกเมิงแล้วไง
ว่าอย่าเอาความเป็นคนอารมณ์ร้อนของเมิงมาใช้กับมัน
กิ๊ฟบีบมือผมแน่น ผมรับรู้จากสายตาที่ส่งมา ว่าให้ผมใจเย็น
"พี่จะด่าผมยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าให้กิฟท์ไปจากผมนะ"
กิ๊ฟเริ่มน้ำไหลอีกรอบ
"แล้วทำไมกิ๊ฟบอกเลิกเมิง"
"มัน...เห็นในไฮไฟว์ว่าผมแอบคุยกับน้องที่มอ
"susเบ๊นซ์ ทำไมเมิงทำแบบนี้วะ"
"พี่จะโทษผมคนเดียวไม่ได้ พี่ลองถามมันดู
เดี๋ยวนี้เคยสนใจผมมั้ยโทรไปก็ไม่ค่อยรับ
ชวนไปไหนก็ปฏิเสธตลอด"
"แล้วมันนอกใจเมิงเหรอ เมิงถึงนอกใจมัน"
เบ๊นซ์เงียบ ไม่ตอบคำถามผม
"เมิงไปรอกุที่บ้าน เดี๋ยวกุไป"
ผมกดตัดสาย กิ๊ฟเตี้ยกว่าผม 50 เซนต์
เลยต้องเอามือสองข้างจับแก้มมันให้เงยหน้า
ขึ้นมามองตาผม มีอะไรอยากบอกพี่มั้ย
มันกระพริบตาปริบๆ ทั้งที่ยังมีน้ำตาคลอเบ้า
มันชอบทำแบบนี้เวลาจะอ้อนขออะไรสักอย่าง
"ไม่ต้องมาปิ๊บๆเลย ไม่เล่าก็ไม่เล่า"
มันแลบลิ้นหลับตาปี๋ สงสัยเค็มน้ำตาตัวเอง
คือลิ้นมันน่ารักนะ เป็นแฟนกันผมคงกัดลิ้นมันไปแล้ว
คนอะไร ลิ้นน่ารัก 55 กิ๊ฟมักจะทำให้ผมหัวเราะได้เสมอ
"พี่พีช อย่าเพิ่งไปเจอเบ๊นซ์ได้มั้ย"
"กลัวหรา พี่ไม่ทำอะไรมันหรอกน่า
ก็แค่..มันต้องมีแบบนี้เหมือนกัน"
ผมแตะไปที่รอยแผลเล็กๆตรงมุมปากนั้นอีกครั้ง
มันสะดุ้งนิดๆ ผมเดินไปหยิบน้ำเกลือกับสำลีมาเช็ดแผลให้
(น้ำเกลือมันเอาไว้เช็ดเครื่องสำอางค์)
สงสัยแสบน่าดู เล็บมันนี่จิกแขนผมเป็นรอยหมดเลย
"พี่ดีกับกิฟท์แบบนี้แค่คนเดียวได้มั้ย"
ผมขยี้หัวมัน
"เป็นอะไร โดนตบจนสมองเพี้ยนหรา
ไหนดูดิ๊ สมองยังอยู่มั้ย 55"
"กวนตีน"
"ห๊ะ ว่าไงนะ"
มันยักคิ้วข้างเดียวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมเดินไปนอนรอบนที่นอนมัน เหลือที่ให้นอนนิดเดียว
บนที่นอนเต็มไปด้วยตุ๊กตา ลิโล สติช ผมสงสัยมาตลอด
ว่าไอตุ๊กตาตัวสีฟ้า ตาโต ฟันแหลม นี่มันน่ารักตรงไหน
แต่กิ๊ฟโคตรจะชอบมันเลย ครึ่งนึงเบ๊นซ์ซื้อให้
อีกครึ่งจากบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนมันให้มา
ผมจับตัวนู้นตัวนี้มาพิจารณาหาความน่ารัก
จนหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีเพราะอาการเหน็บรับประทานที่แขน
กิ๊ฟนอนหนุนแขนเอาหัวมาซุกอยู่ตรงหน้าอกผม
มีโพสอิทติดอยู่ที่สติชตัวนึงว่า แอร์มันเย็นขอซุกหน่อย
คือพวกเราสนิทกันอ่ะครับ หลังเลิกงานแล้วไปเที่ยวผับต่อ
เวลากลับไม่ไหว เรามักจะนอนที่ห้องกิ๊ฟกัน เพราะใกล้ผับสุด
แต่ปกติจะมากันหลายคน แล้วเบนซ์จะอยู่ด้วย
เช้ามาก่ายกันเละเทะตลอด ผมหยิบ nokia6230 มากดดูเวลา
สี่ทุ่มกว่าแล้ว มีสายไม่ได้รับจากเบ๊นซ์ 30 สาย
ผมนึกไม่ออกว่าปิดเสียงโทรศัพท์ไปตอนไหน
ผมกดโทรศัพท์หาแม่ถามถึงเบนซ์ แม่บอกให้มันกลับไปแล้ว
รำคาญมันมานั่งร้องไห้ แม่จะดูละคร นี่แหล่ะแม่ผม หึหึ
ผมบอกแม่ว่าวันนี้ไม่ได้กลับไปนอนบ้านนะ
เค้าไม่ได้ถามอะไร แล้วก็วางสายไป
กิ๊ฟลืมตาเพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของผม
"ยิ้มอะไร"
"เปล่านิ ไม่กลับบ้านอ่อ"
"อื้อ ดึกแล้วอันตราย ใครมาฉุดพี่ทำไงอ่ะ"
"เหอะ"
"เอ้า ลุกก่อน พี่จะอาบน้ำ
"ไม่อาว น้องชอบกลิ่นนี้"
"กลิ่นตัว?"
"บ้า กลิ่นวิปครีม กับไอศรีมอ่ะ เหมือนได้นอนทับของกิน ฟินนน"
"โว๊ะ โรคจิต แต่ขอถามนิดนึง"
มันลืมตามองผม ทำตาเป็นประกาย
"เนี่ยที่แก้มเนี่ย เอาจริงๆ น้ำตาหรือน้ำลาย"
"น้ำตาจิ"
"พี่ว่ากิฟท์ควรไปหาหมอมั่งนะ น้ำตานี่เหนียวเชียว"
ผมเอาปลายนิ้วก้อยเขี่ยๆที่แก้มมัน
"เนี่ยเป็นโรคอะไรแน่ๆ น้ำตาตกสะเก็ดขาวๆ เป็นแผ่นเลย"
มันทุบหน้าอกผม แล้วมุดเข้าไปซุกอกแน่นกว่าเดิม
เมื่อไหร่กันนะที่ผมเริ่มมองมันน่ารัก
หัวใจผมเต้นแรง รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ถ้าไปส่องกระจกดู
ตอนนี้หน้าคงแดงเป็นเหล็กโดนความร้อนแน่ๆ
อาการเหน็บชาที่แขนยังคงอยู่
แต่อาการชินชาที่หัวใจของผมกำลังละลาย ....
ตื้ดดดด ๆๆๆๆ ๆๆๆๆ ๆๆๆๆๆๆ
"ครับแม่"
"พีชเข้ามากินข้าวมั้ยลูก"
เสียงของแม่จากปลายสาย
"ไม่ดีกว่า พีชว่าจะไปดูกิ๊ฟอีกรอบ มันไม่ค่อยสบาย"
ผมโกหกแม่อีกแล้ว แม่วางสายไป
หน้าจอโชว์เวลา 9:00 โมงเช้า แขนขวาผมหายไป
ขยับไม่ได้ ไม่รู้สึกอะไรเลย ผมมองไปที่ตัว
ต้นเหตุที่ทำให้แขนผมเป็นเหน็บ
เพิ่งสังเกตุว่าเวลาไม่แต่งหน้า หน้ามันใสมาก
ใสจนเห็นเส้นเลือดเล็กๆกระจายอยู่ตรงแก้ม
ตาโตๆของมันตอนนี้ปิดสนิท ขนตายาวลงมาปิดขอบตาด้านล่าง
ปากเล็กๆอมชมพูเวลาไม่พูดมาก ดูน่าจุ๊บดีนะ
เดี๋ยวๆๆ คิดอะไรเนี่ย มันน้องนะ..
"W" Two Way สองทางสองใจ
ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
ผมเป็นแบบนี้มา 2 ปี นับตั้งแต่เธอเลือกทางเดินใหม่
ด้วยเหตุผลที่ผมยังคงเฝ้ารอคำตอบ
ผมเกือบจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว
ถ้าเธอคนนั้นไม่กลับมา
จากที่เคยมั่นใจว่าตัวเองเข้มแข็ง
แค่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น ทุกอย่างที่พยายามลืม
กลับต้องไปเริ่มต้นใหม่
เริ่มเข้าหน้าหนาวของเดือนธันวาคม
หนาวจนฟันออกปาก
ผมทำงานอยู่ในห้องแอร์รวมครับ
ใช้ร่วมกับคนเป็นพัน
ดรอปเรียนไว้นี่ก็ 2 ปีแล้ว
ทำงานพาร์ทไทม์ร้านไอศรีมในห้าง
พนักงานเยอะเลยจำกัดแค่คนละ 4 ชั่วโมง/วัน
เอาจริงๆไม่พอกินหรอกครับ
แต่ที่ทำเพราะ อยู่บ้านเฉยๆมันน่าเบื่อไง
ฟุ้งซ่านด้วย มาทำงานได้เจอ
ลูกค้าหลายๆแบบสนุกดีครับ
น้องแพทก็เป็นหนึ่งในลูกค้าแปลกๆของผม
เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน
ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่เคยเห็น
แพทคุยโทรศัพท์กับใครเลยสักครั้ง
ตอนนั้นไลน์ยังไม่มีเลยครับ
โปรแกรมออนไลน์ไว้คุยกับเพื่อนที่ดีที่สุด
คงหนีไม่พ้น msn กับ ไฮไฟว์
เธอมาเวลาเดิมทุกวันคือสี่โมงเย็น
ยกเว้นวันอาทิตย์ จะมาตั้งแต่ร้านเปิด
และนั่งอยู่แบบนั้นทั้งวัน
"น้องคนนั้นที่ขาวๆ ผมสั้น
นั่งโซฟาตัวในสุดเค้าเป็นใครเหรอ"
ผมเก็บความสงสัยมานาน
จนอดที่จะถามพี่ดาวซุปเปอร์ไวเซอร์ของร้านไม่ได้
พี่ดาวอายุมากกว่าผม 5 ปี แต่ดูดีมากเป็นพริตตี้ได้เลย
"น้องแพท หลานเจ้าของร้าน อาเค้าฝากไว้
ถามไมเหรอ ปกติพี่ไม่เห็นเราสนใจลูกค้าคนไหนนะ"
"ป่าวพี่ แค่สงสัยว่าน้องเค้าไม่คิดจะไปไหนบ้างหรา"
"พีช..อย่ายุ่งเลย เชื่อพี่เหอะ"
พี่ดาวเตือนผมด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย
ผมแค่ขมวดคิ้ว และทำหน้าสงสัย แต่ไม่ได้ตอบอะไรไป
น้องใส่เสื้อกันหนาวสีขาวติดขนเฟอร์สีน้ำตาลที่ฮู้ด
ยาวมาคลุมกระโปรงลายสก็อตสีฟ้าของเธอ
มันดูดีมากๆเลยนะ สำหรับเด็กมัธยม
เฮ้ย! นี่ผมกำลังจ้องเด็กมัธยมเหรอเนี่ย
น้องเพิ่งอายุ 14 เองนะ ห่างกันตั้ง 10 ปีเลยนะ ท่องไว้ๆ
น้องนั่งมองคนเดินผ่านไปผ่านมา หน้าเธอนิ่งจนไม่รู้ว่า
คิออะไรอยู่ ผมมองเธอจนเวลาผ่านไปเรื่อยๆ
"พี่พีช ออเดอร์ค่ะ"
มารู้สึกตัวก็ตอนที่เสียงน้องกิ๊ฟเรียก
เสียงมันดังมาก จนคนทั้งร้านหันมามองรวมทั้งแพทด้วย
กิ๊ฟเป็นโฮสต์หน้าร้าน แต่วันนี้เข้ากะเป็นฟลอร์เสริฟไอศครีม
กิ๊ฟเรียนอาชีวะปี 3 มาทำพาร์ทไทม์เหมือนกัน
มันเป็นเป็นลึดเดอร์ของงานกีฬาโรงเรียนทุกปี
นิสัยขี้วีน เหวี่ยง และเสียงดังทุกครั้งเวลาโกธร
"โกธรไรพี่ป่าว"
"ไม่ค่ะ หนูเห็นพี่ไม่สนใจออเดอร์เดี๋ยวลูกค้าจะรอ"
กิ๊ฟมองไปทางแพทแล้วหันมาตอบผม
"ขอโทษนะที่เหม่อ"
"ค่ะ"
มันตอบแค่นั้นแล้วเดินไป
"กิ๊ฟ เดี๋ยวเลิกงานพี่เลี้ยงติม
"จริงนะ"
"อื้อ ถ้วยใหญ่เลย แต่ต้องยิ้มก่อน เดี๋ยวลูกค้าคอมเพลนนะ"
"อื้อๆ ถ้าไม่เลี้ยงมีเรื่องแน่"
มันยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าจะชกผม
"เกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วนี่ไง"
มันดึงมือกลับ แลบลิ้นใส่ผมแล้วเดินไปหาลูกค้า
ผมมองไปทางแพทอีกรอบ สบตากับที่แพทมองมาพอดี
ตาหวานๆคู่นั้น ทำไมถึงได้ดูเศร้าจังนะ
หน้าเธอนิ่งและหันไปทางเดิม ที่เธอมักจะมองตลอด
สี่ทุ่มเป็นเวลาเลิกงาน ผมเลี้ยงไอติมกิ๊ฟตามที่สัญญา
แพทกลับไปตอนสามทุ่มพร้อมผู้ชายใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาว
กางเกงสแล็คสีเทา กับรองเท้าหนังสีดำคู่นั้นที่ดูมีราคา
ผมขี่รถกลับบ้าน ในหัวมีแต่เรื่องของแพทเต็มไปหมด
จนลืมมองหมาที่วิ่งตัดหน้ารถ นั่นแหล่ะครับ
ผมชนเข้ากับน้องหมา ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก
แค่มือซ้นนิดหน่อย พยายามลากสังขารกลับมาบ้านจนได้
โดนแม่บ่นไปตามระเบียบ แม่บอกผมว่า เฟย์โทรหาแม่
ถามว่าผมเป็นไงบ้าง กลับไปเรียนรึยัง
แปลกดีเนอะ ทิ้งเราไปแต่ยังพยายามเป็นห่วงเรา
คนเป็นห่วงกันจริงต้องไม่ทิ้งกันแบบนี้ดิ
ผมอยากบอกเฟย์นะ ว่าชีวิตผมพังมา 2 ปี เพราะเฟย์
แต่ผมคงทำงั้นไม่ได้ มันผิดที่ผมเอง
เช้าวันศุกร์ ผมตื่นมาพร้อมอาการปวดข้อมือ
ตอนแรกว่าจะไม่ไปหาหมอ เพราะกลัวโดนฉีดยา
แต่ต้องจำใจไปเพราะอยู่บ้านแม่บ่นหูชา
ทรมานกว่าฉีดยาอีก หมอถามว่า
ถ้าระดับ 1- 10 ตอนนี้ปวดถึงระดับไหน
ใครมันจะรู้ฟะว่าความปวดของเรามันระดับไหน
ไม่ตอบก็กลัวหมอจะดุว่าโง่ เลยตอบกลางๆไปว่า 5
หมอบีบข้อมือผมเบาๆ
"โอ๊ยยยย" ผมร้องจนเกือบแต๋วแตก
"ไหนบอกระดับ 5 นี่มันระดับ 7"
โว๊ะ..ใครจะไปรู้ล่ะหมอ
"กลัวเข็มเหรอเรา"
หมอถามผมนิ่งๆ
"เปล่าครับ ผู้ชายที่ไหนเค้ากลัวเข็มกัน"
"เหงื่อออกเยอะเลยนะ ร้อนเหรอ"
"เอ่อ..ร้อนครับ"
เสียงหัวเราะในลำคอของหมอมันกวนประสาทผมมากนะตอนนั้น
"ทานยาให้ครบนะคะ"
ผู้ช่วยหมอย้ำผมอีกรอบก่อนผมออกจากคลินิค
พี่ดาวโทรหาผมว่าเข้างานไหวมั้ย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงลางาน
แต่เพราะอยากไปเจอแพทมั้ง เลยบอกพี่ดาวไปว่าไหว
ผมไปถึงร้าน สี่โมงสี่สิบห้า กฏที่นี่คือต้องมาร้านก่อนเวลาเข้างาน
15 นาที เพื่อมาแต่งตัว อยู่ที่นี่บุคลิกภาพต้องดี รวมถึงหน้าตาด้วย 55
"ไงพี่พีช เจ็บมั้ยนั่น มัวแต่เหม่อถึงใครอยู่รึเปล่า อิอิ"
"แสนรู้จริงๆนะเราอ่ะ"
"โอ๊ยพี่ ขยี้หัวหนูอีกละ หนูขี้เกียจมัดใหม่นะ"
"ก็เรามันน่าแกล้งนี่ เอ่อ..กิ๊ฟไปไหนอ่ะ วันนี้มันต้องยืนโฮสต์?"
"มันโทรมาลาปวดท้องเมน"
"อ่อ โรคผู้หญิง"
"ไหวแน่นะพีช"
พี่ดาวถามผมพร้อมกับเอามือมาจับแผล
"พี่ดาวห่วงผมบ่อยๆแบบนี้ ผมจะหวั่นไหวละนะ"
"ไม่ต้องมาหยอดชั้นเลย ไปดูแลน้องกิ๊ฟแกนู่น
เป็นไรมากป่าวไม่รู้ พี่บอกมันแล้วว่าอย่ากินน้ำเย็น"
"เฮ้ย ของผมที่ไหนล่ะ กิ๊ฟมันน้อง"
"แต่มันไม่น้องกับแกน่ะสิ"
"อย่ามาปั่นผมเลยพี่ มันกะไอเบ๊นซ์รักกันจะตาย"
"เวลาคุยกับพี่ มองตาพี่บ้างก็ได้นะ
"หืมม มองนะ พี่คิดมากไปป่าว
เออ..พี่วันนี้ผมโค(โคไลน์คือคนตักไอศรีม)ไม่ไหวนะ"
"งั้นมาอยู่เฟาเท่น(คนแต่งไอศครีม)มั้ย"
"ไม่ดีกว่า ขอลงฟลอร์ละกัน"
ปกติผู้ชายไม่ลงฟลอร์ครับแต่ผมกรณีพิเศษลงได้
"เติมน้ำมั้ยครับ"
แพทพยักหน้า มองมือผมข้างที่พันผ้าก็อต
"รถล้มครับ เหม่อไปหน่อย แต่ไม่ค่อยเจ็บแล้ว" (มีความเผือกบอกเอง)
แพทหน้านิ่งเหมือนเดิม แค่พยักรับได้ยินที่ผมพูด
ผมเดินออกมา รู้สึกถึงกำแพงขนาดใหญ่ ภายใต้ตาหวานอมเศร้าคู่นั้น
คนเราต้องผ่านอะไรมานะ ถึงแผ่รังสีความเศร้าได้ขนาดนั้น
ผมลงฟลอร์อยู่ 3 วัน กับประโยคเดิม คำถามเดิม
และแพทก็แค่พยักหน้าเหมือนเดิมพี่ดาวถามถึงกิ๊ฟ
ผมไม่ได้คุยกับมันมาสามวันแล้ว ตั้งแต่วันที่ลางาน ผมรับปากพี่ดาว
ว่าตอนเย็นจะไปดูให้ เพราะวันนี้ผมเข้ากะบ่ายเลิกตอนเย็น
กิ๊ฟเป็นเด็กหลังสวน พ่อคนใต้ แม่คนเหนือ แต่มาเรียนที่นี่
เช่าอพาร์ทเมนต์อยู่กับน้าสองคน ผมไม่เคยถามถึงพ่อแม่กิ๊ฟ
เพราะดูเค้าไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ ส่วนน้าไม่ค่อยอยู่ห้อง
ไปขายของต่างจังหวัดนานๆจะกลับมาห้อง
ผมยืนเรียกกิ๊ฟอยู่ประมาณ 5 นาที กิ๊ฟถึงยอมมาเปิดประตูให้
"ยังปวดท้องเมนอยู่อ่อ
"อื้อ ..
"ได้กินยามั่งเปล่า"
"ไม่กินอ่ะ ไม่ชอบ"
"ทำไมชอบดื้อ บอกกี่ครั้งแล้ว ไม่ไหวให้กินยา"
"ก็ไม่ชอบ กินแล้วมึนหัว"
"เงยหน้าดิ๊"
" ........... "
ผมจับคางมันให้เงยหน้า มันหลับตาไม่ยอมสบตา
ผมเลื่อนมือไปแตะมุมปากกิ๊ฟ ตรงที่ยังมีเลือดซึมอยู่
"ไอ้เบนซ์ใช่มั้ย"
".......... อย่า" กิ๊ฟดึงแขนเสื้อคลุมผมไว้
"ช่างมันเถอะ ไม่เจ็บแล้ว"
"ไม่เจ็บแล้วร้องไห้ทำไม"
พอผมถามประโยคนี้ไป กิ๊ฟยิ่งร้องหนักกว่าเดิม
มันเปลี่ยนจากจับแขนเสื้อมากอดเอวผมไว้
"พี่พีชไม่ต้องไป" กิ๊ฟซบหลังผมร้องไห้จนเสื้อเปียก
ผมนิ่งอยู่แบบนั้น จนเสียงสะอื้นค่อยๆเงียบไป
"พี่ขอโทษนะ ผมขอโทษพร้อมกับลูบหัวกิ๊ฟ"
"พี่จะขอโทษทำไม กิ๊ฟดื้อเองที่ไม่เชื่อพี่ตั้งแต่แรก"
"ถ้าพี่ไม่พากิ๊ฟไปสนามบอล กิ๊ฟก็ไม่เจอมัน"
ตื้ดๆๆ.... มีสายเรียกเข้า หน้าจอโชว์ชื่อ BENZ ผมกดรับสาย
"พี่พีช ผมขอโทษ ผมไปหาพี่ที่ร้าน พี่ดาวบอกพี่มาหากิ๊ฟ"
"เราเคยคุยกันแล้วนะ เรื่องกิ๊ฟ"
"ผมขอโทษจริงๆพี่ ผมทนไม่ได้ มันบอกเลิกผม ผมเสียมันไปไม่ได้"
ผมมองหน้ากิ๊ฟ มันได้ยินเพราะผมเปิดลำโพง
แล้วเมิงต้องทำมันเหรอ อารมณ์โกธรที่ผมพยายามเก็บ
เริ่มเก็บไม่อยู่ กุเคยบอกเมิงแล้วไง
ว่าอย่าเอาความเป็นคนอารมณ์ร้อนของเมิงมาใช้กับมัน
กิ๊ฟบีบมือผมแน่น ผมรับรู้จากสายตาที่ส่งมา ว่าให้ผมใจเย็น
"พี่จะด่าผมยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าให้กิฟท์ไปจากผมนะ"
กิ๊ฟเริ่มน้ำไหลอีกรอบ
"แล้วทำไมกิ๊ฟบอกเลิกเมิง"
"มัน...เห็นในไฮไฟว์ว่าผมแอบคุยกับน้องที่มอ
"susเบ๊นซ์ ทำไมเมิงทำแบบนี้วะ"
"พี่จะโทษผมคนเดียวไม่ได้ พี่ลองถามมันดู
เดี๋ยวนี้เคยสนใจผมมั้ยโทรไปก็ไม่ค่อยรับ
ชวนไปไหนก็ปฏิเสธตลอด"
"แล้วมันนอกใจเมิงเหรอ เมิงถึงนอกใจมัน"
เบ๊นซ์เงียบ ไม่ตอบคำถามผม
"เมิงไปรอกุที่บ้าน เดี๋ยวกุไป"
ผมกดตัดสาย กิ๊ฟเตี้ยกว่าผม 50 เซนต์
เลยต้องเอามือสองข้างจับแก้มมันให้เงยหน้า
ขึ้นมามองตาผม มีอะไรอยากบอกพี่มั้ย
มันกระพริบตาปริบๆ ทั้งที่ยังมีน้ำตาคลอเบ้า
มันชอบทำแบบนี้เวลาจะอ้อนขออะไรสักอย่าง
"ไม่ต้องมาปิ๊บๆเลย ไม่เล่าก็ไม่เล่า"
มันแลบลิ้นหลับตาปี๋ สงสัยเค็มน้ำตาตัวเอง
คือลิ้นมันน่ารักนะ เป็นแฟนกันผมคงกัดลิ้นมันไปแล้ว
คนอะไร ลิ้นน่ารัก 55 กิ๊ฟมักจะทำให้ผมหัวเราะได้เสมอ
"พี่พีช อย่าเพิ่งไปเจอเบ๊นซ์ได้มั้ย"
"กลัวหรา พี่ไม่ทำอะไรมันหรอกน่า
ก็แค่..มันต้องมีแบบนี้เหมือนกัน"
ผมแตะไปที่รอยแผลเล็กๆตรงมุมปากนั้นอีกครั้ง
มันสะดุ้งนิดๆ ผมเดินไปหยิบน้ำเกลือกับสำลีมาเช็ดแผลให้
(น้ำเกลือมันเอาไว้เช็ดเครื่องสำอางค์)
สงสัยแสบน่าดู เล็บมันนี่จิกแขนผมเป็นรอยหมดเลย
"พี่ดีกับกิฟท์แบบนี้แค่คนเดียวได้มั้ย"
ผมขยี้หัวมัน
"เป็นอะไร โดนตบจนสมองเพี้ยนหรา
ไหนดูดิ๊ สมองยังอยู่มั้ย 55"
"กวนตีน"
"ห๊ะ ว่าไงนะ"
มันยักคิ้วข้างเดียวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมเดินไปนอนรอบนที่นอนมัน เหลือที่ให้นอนนิดเดียว
บนที่นอนเต็มไปด้วยตุ๊กตา ลิโล สติช ผมสงสัยมาตลอด
ว่าไอตุ๊กตาตัวสีฟ้า ตาโต ฟันแหลม นี่มันน่ารักตรงไหน
แต่กิ๊ฟโคตรจะชอบมันเลย ครึ่งนึงเบ๊นซ์ซื้อให้
อีกครึ่งจากบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนมันให้มา
ผมจับตัวนู้นตัวนี้มาพิจารณาหาความน่ารัก
จนหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีเพราะอาการเหน็บรับประทานที่แขน
กิ๊ฟนอนหนุนแขนเอาหัวมาซุกอยู่ตรงหน้าอกผม
มีโพสอิทติดอยู่ที่สติชตัวนึงว่า แอร์มันเย็นขอซุกหน่อย
คือพวกเราสนิทกันอ่ะครับ หลังเลิกงานแล้วไปเที่ยวผับต่อ
เวลากลับไม่ไหว เรามักจะนอนที่ห้องกิ๊ฟกัน เพราะใกล้ผับสุด
แต่ปกติจะมากันหลายคน แล้วเบนซ์จะอยู่ด้วย
เช้ามาก่ายกันเละเทะตลอด ผมหยิบ nokia6230 มากดดูเวลา
สี่ทุ่มกว่าแล้ว มีสายไม่ได้รับจากเบ๊นซ์ 30 สาย
ผมนึกไม่ออกว่าปิดเสียงโทรศัพท์ไปตอนไหน
ผมกดโทรศัพท์หาแม่ถามถึงเบนซ์ แม่บอกให้มันกลับไปแล้ว
รำคาญมันมานั่งร้องไห้ แม่จะดูละคร นี่แหล่ะแม่ผม หึหึ
ผมบอกแม่ว่าวันนี้ไม่ได้กลับไปนอนบ้านนะ
เค้าไม่ได้ถามอะไร แล้วก็วางสายไป
กิ๊ฟลืมตาเพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของผม
"ยิ้มอะไร"
"เปล่านิ ไม่กลับบ้านอ่อ"
"อื้อ ดึกแล้วอันตราย ใครมาฉุดพี่ทำไงอ่ะ"
"เหอะ"
"เอ้า ลุกก่อน พี่จะอาบน้ำ
"ไม่อาว น้องชอบกลิ่นนี้"
"กลิ่นตัว?"
"บ้า กลิ่นวิปครีม กับไอศรีมอ่ะ เหมือนได้นอนทับของกิน ฟินนน"
"โว๊ะ โรคจิต แต่ขอถามนิดนึง"
มันลืมตามองผม ทำตาเป็นประกาย
"เนี่ยที่แก้มเนี่ย เอาจริงๆ น้ำตาหรือน้ำลาย"
"น้ำตาจิ"
"พี่ว่ากิฟท์ควรไปหาหมอมั่งนะ น้ำตานี่เหนียวเชียว"
ผมเอาปลายนิ้วก้อยเขี่ยๆที่แก้มมัน
"เนี่ยเป็นโรคอะไรแน่ๆ น้ำตาตกสะเก็ดขาวๆ เป็นแผ่นเลย"
มันทุบหน้าอกผม แล้วมุดเข้าไปซุกอกแน่นกว่าเดิม
เมื่อไหร่กันนะที่ผมเริ่มมองมันน่ารัก
หัวใจผมเต้นแรง รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ถ้าไปส่องกระจกดู
ตอนนี้หน้าคงแดงเป็นเหล็กโดนความร้อนแน่ๆ
อาการเหน็บชาที่แขนยังคงอยู่
แต่อาการชินชาที่หัวใจของผมกำลังละลาย ....
ตื้ดดดด ๆๆๆๆ ๆๆๆๆ ๆๆๆๆๆๆ
"ครับแม่"
"พีชเข้ามากินข้าวมั้ยลูก"
เสียงของแม่จากปลายสาย
"ไม่ดีกว่า พีชว่าจะไปดูกิ๊ฟอีกรอบ มันไม่ค่อยสบาย"
ผมโกหกแม่อีกแล้ว แม่วางสายไป
หน้าจอโชว์เวลา 9:00 โมงเช้า แขนขวาผมหายไป
ขยับไม่ได้ ไม่รู้สึกอะไรเลย ผมมองไปที่ตัว
ต้นเหตุที่ทำให้แขนผมเป็นเหน็บ
เพิ่งสังเกตุว่าเวลาไม่แต่งหน้า หน้ามันใสมาก
ใสจนเห็นเส้นเลือดเล็กๆกระจายอยู่ตรงแก้ม
ตาโตๆของมันตอนนี้ปิดสนิท ขนตายาวลงมาปิดขอบตาด้านล่าง
ปากเล็กๆอมชมพูเวลาไม่พูดมาก ดูน่าจุ๊บดีนะ
เดี๋ยวๆๆ คิดอะไรเนี่ย มันน้องนะ..