วันนี้ฉากไฮไลท์อยู่ที่นาทีแรกเลยนะคะ อุบลโผล่มากลางห้องทำงานอัคนี ประกาศตัวเป็นผีอย่างชัดเจน อัคนียังมาถามอีกนะ ว่าคุณกับผม เราเป็นเหมือนกันใช่มั้ย คือ มันน่าจะรู้ได้ตั้งนานแล้วเนาะ กลิ่น เสียง รูป ทุกอย่างมันก็แน่อยู่แล้วอ่า
วันนี้อัคนีรู้ชัดแล้วว่าตัวเองคือพระอรรค ที่เป็นสามีของอุบล และตัวเองได้ตัดคออุบลไปชาติที่แล้ว
เขาขอโทษ เขาเสียใจ แต่เขาอธิบายไม่ได้ เขายังจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เขารู้แต่ความรู้สึกของพระอรรค ซึ่งนั่นมันยังไม่พอ เมื่อเขาถามสโรชินีว่า แล้วทำไมที่ผ่านมาคุณไม่บอก เท่านั้นเองสโรชินีก็เหมือนน้ำในเขื่อนที่ทำนบกั้นพังทะลาย เธอรอเขามา 200 กว่าปี บางชาติไม่ได้พบ บางชาติที่ได้พบก็แตะต้องไม่ได้ กว่าที่จะได้มายืนต่อหน้าอยู่ตรงนี้ มันลำบากแค่ไหน อัคนีไม่เคยรู้
อัคนีไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นความทรงจำของเขาเอง มีแต่ความรู้สึกอันแรงกล้าของพระอรรคเท่านั้นที่ไหลวนอยู่ในตัวเขา จึงได้หลุดปากพุดออกไปในฐานะของพระอรรค “อุบล ข้ารักเจ้า” อีกครั้งที่กำแพงที่กั้นไว้พังทลาย เมื่อชายตรงหน้า เรียกขานเธอเหมือนดังเช่นวันวาน สโรชินีกลายเป็นอุบลไปต่อหน้าต่อตาอัคนี แต่แล้วเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากเกือบสัมผัสกัน อุบลก็ได้สติ เธอย้ำกับตัวเองว่าจะไม่ยอมโดนหลอกซ้ำๆซากๆเช่นนี้อีก
“จำให้ได้!!! ยอมรับให้ได้!!! ว่าท่านคือพระอรรคผู้ทรยศต่อความรักที่ข้ามีให้ ท่านคือพระอรรคผู้จองจำชีวิตและวิญญาณของข้าให้มิได้ไปผุดไปเกิด...จำให้ได้ แล้วชดใช้ข้าให้ซะ!!!”
สิ่งที่อุบลต้องการ ไม่ใช่คำขอโทษของคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ไม่ใช่คำยืนยันว่ารัก ของคนที่ยังไม่เคยจำอะไรได้ และถึงแม้นว่าอัคนีจำได้ อุบลก็คงจะไม่ยอมรับคำขอโทษนั้นอยู่ดี เพราะเธอปักใจมั่นว่าพระอรรคไม่รักเธอ
อุบลต้องการการยอมแพ้โดยศิโรราบจากอัคนี เขาต้องจำให้ได้ และต้องยอมรับว่าเขาทำผิดต่อเธอ ยอมชดใช้อย่างที่เธอต้องการเท่านั้น
ด้านของอัคนี เขามีแต่ความรู้สึกว่าพระอรรครักอุบล และมีเหตุผลที่ทำลงไปอย่างนั้น แต่เขาไม่มีความทรงจำอย่างที่เธอต้องการ เขายังจำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องค้นหาจากหลักฐาน บทช่วงนี้ของอัคนี เราชอบที่สุดเลยค่ะ เพราะในที่สุดก็ได้เห็นแล้วว่าอัคนีเกิดมาเพื่ออะไร การเป็นนักโบราณคดี ก็เพื่อหาคำตอบให้กับสิ่งที่ติดค้างอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง
เราพอจะเข้าใจพระอรรคในอดีตนะ แต่ถ้าอัคนีไม่ได้เป็นคนแบบนี้ คนที่เดินหน้าเผชิญความจริงไม่หลบหนี เราคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเราชอบตัวละครนี้ค่ะ พระอรรคตัดคออุบลจริง แต่เค้าก็ไม่เคยรู้สึกว่าไม่ต้องชดใช้ อัคนีแม้จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็พร้อมจะชดใช้ให้อุบล ที่หาคำตอบอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่หาคำตอบให้ตัวเองพ้นผิด แต่หาข้อพิสูจน์ว่าพระอรรครักอุบล เขาทำเพื่อให้อุบลสบายใจ เหมือนที่ไปตะโกนอยู่หน้าตึกนั่นแหละ ว่า “ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกแบบนี้ คุณจะเป็นทุกข์ พระอรรครักคุณ ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นความรัก”
ฉากต่อกันตรงนี้ ตอนที่เชษฐากับทิพอาภามาเจอ เราว่าฉากนี้เล่นดีทั้ง 3 คน ทุกคนเล่นไปตามความต้องการของตัวละครที่ขัดแย้งกัน ใครจะรำคาญเชษยังไงก็แล้วแต่ แต่เราว่าฉากนี้เค้าเล่นดีที่สุดในทั้งหมดค่ะ เชษฐานั้นรักทิพอาภา เลยทนไม่ได้ที่อัคนีจะไปบอกรักคนอื่น ถึงแม้คำพูดของเชษมันจะชวนหาเรื่อง ว่า “นี่พี่พูดในนามของพระอรรคหรือตัวพี่เอง” มันก็คือความจริง เห็นอยู่ว่าอัคนีหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของอุบล เค้าไม่อยากให้ทิพเสียใจ เค้าก็เลยโกรธแทน แทบจะต่อยพี่อยู่แล้ว มันก็เข้าใจได้ จนถึงกับหลุดปากบอกรักทิพออกมา เราชอบเลยล่ะ บทเชษวันนี้ ตอนที่โทรไปคุย เราก็ชอบ ที่บอกว่า ทิพบอกมาละกันว่าจะเอายังไงต่อ เชษจะได้ทำตัวถูก ฉากนั้นเราสงสารเลยแหละ ไม่มีใครสงสารบ้างเหรอ
ส่วนทิพอาภา ฉากนี้เราก็ว่าเล่นดีอ่ะ ไม่อยากให้เชษพูด เพราะไม่อยากให้กดดันอัคนี ที่สำคัญมันแสลงใจเอง เล่นดีค่ะฉากนี้
แต่ด้วยบทของทิพอาภาอีกแล้ว ที่มันครึ่งๆกลางๆ จะเป็นคนรักที่รักผู้ชายของตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาแทรกกลาง ก็เป็นได้ไม่สุด จะเป็นคนดีเข้าอกเข้าใจทุกอย่างที่เค้าเป็น แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการเสียเค้าให้คนอื่น ก็เป็นได้ไม่สุดอีก ฉากที่บอกกับเชษว่าทิพตัดสินใจแล้ว ว่าจะช่วยพี่อัคหาคำตอบที่ค้างอยู่ให้ได้ ดูแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้ค่ะ ก้ำๆกึ่งๆ จะว่าบริสุทธิ์ใจจริงๆแบบที่พูด ก็ว่าได้ไม่เต็มปาก นักแสดงเล่นยากอ่ะบทนี้
เรื่องทางฝ่ายการเมืองก็กำลังเข้มข้น ตอนหน้าท่านดนัยจะตายแล้ว เราไม่อยากให้ตายอ่ะ ตัวละครนี้ เล่นดี๊ดี ขนาดตอนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเรื่องการตายของหัวหน้าพรรค ยังเล่นเอาซะเกือบเชื่อแน่ะ
ฉากลงโทษคนโลภมาเอาสมบัติ เราว่า CG เลือดทีพุ่งออกจากจันมันฮามากๆ เลยอ่ะ ไม่เนียนเลยจริงๆ ทำเอาความกลัวลดไปเยอะ ฉากพวกนี้สำหรับเรา ไม่ได้ทำให้กลัวนะ แต่มันทำให้สงสารอุบลมากขึ้น ว่าต้องมาทำหน้าทีฆ่าคนทุกวันๆแบบนี้ ชั่วนาตาปี และก็เลือกอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่ได้ ทำให้เข้าใจจริงๆว่าทำไมแค้นได้ขนาดนี้
แต่ก็อย่างที่หลวงพ่อบอกค่ะ การยึดติดเป็นความทุกข์ การปล่อยวางได้จึงจะเป็นความสุข และก็ไม่มีใครปลดปล่อยใครได้ นอกจากตัวของคนๆนั้นเอง (ชอบมากถึงกับไปหาบทละครมาโพส)
“ความรักเป็นความร้าย เป็นเครื่องทำลายความสุขทั้งปวง ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ”
“ความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาเป็นพิษแก่จิตใจนะโยม ทำให้ทุรนทุราย ดิ้นรนไม่รู้จักจบจักสิ้น... โยมอาจจะทำให้เค้าผู้นั้นเข้าใจได้ แต่ความสุขที่เกิดจากความรักก็เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลงเท่านั้น มันไม่ใช่ความสุขที่แท้เลย...”
อัคนีคิดอึ้งๆ “แล้วผมต้องทำยังไงถึงจะทำให้เค้าพบกับความสุขที่แท้จริงได้ครับหลวงพ่อ?”
“โยมทำไม่ได้หรอก มันต้องอยู่ที่เจ้าตัวเค้าเอง”
เพิ่มเพลงค่ะ วันนี้คุณวรินทร์รตาไม่อยู่ ไม่มีคนแต่งกลอนเพราะๆ กับเขียนความรู้สึกตัวละครซึ้งๆให้อ่าน งั้นฟังเพลงกันก่อนละกัน เจ้าของกระทู้แต่งกลอนไม่เป็นค่ะ ไม่สามารถ
เพลงนี้หลายๆคนคงเคยได้ยิน เพลง Thousand years จากเรื่อง Twillight เราฟังเพลงนี้ช่วงนี้ เรานึกถึงพิษสวาทตลอดเลยค่ะ มันแทนความรู้สึกได้ทั้งของอัคนี และอุบล ต้นฉบับเสียงผู้หญิง ฟังแล้วคิดถึงอุบล แต่พอมาฟัง Version ผู้ชายอันนี้ ก็นึกถึงอัคนี ลองฟังกันดูค่ะ

Heart beats fast
Colors and promises
How to be brave
How can I love when I’m afraid to fall
But watching you stand alone
All of my doubt
Suddenly goes away somehow
หัวใจเต้นเร็ว
คำกล่าวอ้างและคำสัญญา
ทำอย่างไรจึงจะกล้า
ฉันจะรักได้อย่างไรในเมื่อยังกลัวจะผิดหวัง
แต่เมื่อมองเธอยืนอยู่คนเดียว
ทุกอย่างที่ฉันสงสัย ก็มลายหายไปในทันใด
One step closer
ใกล้กันอีกก้าว
I have died every day waiting for you
Darlin’ don’t be afraid
I have loved you for a Thousand years
I’ll love you for a Thousand more
ฉันเหมือนคนตายทุกวัน เพราะต้องรอเธอ
ที่รักอย่าได้กังวลไป
ฉันรักเธอมาเป็นพันปี
ฉันจะรักเธอไปอีกพันปี
Time stands still
beauty in all she is
I will be brave
I will not let anything
Take away
What’s standing in front of me
Every breath,
Every hour has come to this
เวลายังหยุดนิ่ง
เธอยังสวยงามอย่างนั้น
ฉันจะกล้า
ฉันจะไม่ปล่อยให้อะไรทำให้
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันหายไป
ทุกลมหายใจ
ทุกชั่วโมงรอมาเพื่อสิ่งนี้
คิดหัวข้อไม่ออก แค่อยากคุย วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ชอบฉากไหนกันบ้าง พิษสวาท 29 ส.ค. 2559
วันนี้อัคนีรู้ชัดแล้วว่าตัวเองคือพระอรรค ที่เป็นสามีของอุบล และตัวเองได้ตัดคออุบลไปชาติที่แล้ว
เขาขอโทษ เขาเสียใจ แต่เขาอธิบายไม่ได้ เขายังจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เขารู้แต่ความรู้สึกของพระอรรค ซึ่งนั่นมันยังไม่พอ เมื่อเขาถามสโรชินีว่า แล้วทำไมที่ผ่านมาคุณไม่บอก เท่านั้นเองสโรชินีก็เหมือนน้ำในเขื่อนที่ทำนบกั้นพังทะลาย เธอรอเขามา 200 กว่าปี บางชาติไม่ได้พบ บางชาติที่ได้พบก็แตะต้องไม่ได้ กว่าที่จะได้มายืนต่อหน้าอยู่ตรงนี้ มันลำบากแค่ไหน อัคนีไม่เคยรู้
อัคนีไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นความทรงจำของเขาเอง มีแต่ความรู้สึกอันแรงกล้าของพระอรรคเท่านั้นที่ไหลวนอยู่ในตัวเขา จึงได้หลุดปากพุดออกไปในฐานะของพระอรรค “อุบล ข้ารักเจ้า” อีกครั้งที่กำแพงที่กั้นไว้พังทลาย เมื่อชายตรงหน้า เรียกขานเธอเหมือนดังเช่นวันวาน สโรชินีกลายเป็นอุบลไปต่อหน้าต่อตาอัคนี แต่แล้วเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากเกือบสัมผัสกัน อุบลก็ได้สติ เธอย้ำกับตัวเองว่าจะไม่ยอมโดนหลอกซ้ำๆซากๆเช่นนี้อีก
“จำให้ได้!!! ยอมรับให้ได้!!! ว่าท่านคือพระอรรคผู้ทรยศต่อความรักที่ข้ามีให้ ท่านคือพระอรรคผู้จองจำชีวิตและวิญญาณของข้าให้มิได้ไปผุดไปเกิด...จำให้ได้ แล้วชดใช้ข้าให้ซะ!!!”
สิ่งที่อุบลต้องการ ไม่ใช่คำขอโทษของคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ไม่ใช่คำยืนยันว่ารัก ของคนที่ยังไม่เคยจำอะไรได้ และถึงแม้นว่าอัคนีจำได้ อุบลก็คงจะไม่ยอมรับคำขอโทษนั้นอยู่ดี เพราะเธอปักใจมั่นว่าพระอรรคไม่รักเธอ
อุบลต้องการการยอมแพ้โดยศิโรราบจากอัคนี เขาต้องจำให้ได้ และต้องยอมรับว่าเขาทำผิดต่อเธอ ยอมชดใช้อย่างที่เธอต้องการเท่านั้น
ด้านของอัคนี เขามีแต่ความรู้สึกว่าพระอรรครักอุบล และมีเหตุผลที่ทำลงไปอย่างนั้น แต่เขาไม่มีความทรงจำอย่างที่เธอต้องการ เขายังจำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องค้นหาจากหลักฐาน บทช่วงนี้ของอัคนี เราชอบที่สุดเลยค่ะ เพราะในที่สุดก็ได้เห็นแล้วว่าอัคนีเกิดมาเพื่ออะไร การเป็นนักโบราณคดี ก็เพื่อหาคำตอบให้กับสิ่งที่ติดค้างอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง
เราพอจะเข้าใจพระอรรคในอดีตนะ แต่ถ้าอัคนีไม่ได้เป็นคนแบบนี้ คนที่เดินหน้าเผชิญความจริงไม่หลบหนี เราคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเราชอบตัวละครนี้ค่ะ พระอรรคตัดคออุบลจริง แต่เค้าก็ไม่เคยรู้สึกว่าไม่ต้องชดใช้ อัคนีแม้จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็พร้อมจะชดใช้ให้อุบล ที่หาคำตอบอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่หาคำตอบให้ตัวเองพ้นผิด แต่หาข้อพิสูจน์ว่าพระอรรครักอุบล เขาทำเพื่อให้อุบลสบายใจ เหมือนที่ไปตะโกนอยู่หน้าตึกนั่นแหละ ว่า “ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกแบบนี้ คุณจะเป็นทุกข์ พระอรรครักคุณ ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นความรัก”
ฉากต่อกันตรงนี้ ตอนที่เชษฐากับทิพอาภามาเจอ เราว่าฉากนี้เล่นดีทั้ง 3 คน ทุกคนเล่นไปตามความต้องการของตัวละครที่ขัดแย้งกัน ใครจะรำคาญเชษยังไงก็แล้วแต่ แต่เราว่าฉากนี้เค้าเล่นดีที่สุดในทั้งหมดค่ะ เชษฐานั้นรักทิพอาภา เลยทนไม่ได้ที่อัคนีจะไปบอกรักคนอื่น ถึงแม้คำพูดของเชษมันจะชวนหาเรื่อง ว่า “นี่พี่พูดในนามของพระอรรคหรือตัวพี่เอง” มันก็คือความจริง เห็นอยู่ว่าอัคนีหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของอุบล เค้าไม่อยากให้ทิพเสียใจ เค้าก็เลยโกรธแทน แทบจะต่อยพี่อยู่แล้ว มันก็เข้าใจได้ จนถึงกับหลุดปากบอกรักทิพออกมา เราชอบเลยล่ะ บทเชษวันนี้ ตอนที่โทรไปคุย เราก็ชอบ ที่บอกว่า ทิพบอกมาละกันว่าจะเอายังไงต่อ เชษจะได้ทำตัวถูก ฉากนั้นเราสงสารเลยแหละ ไม่มีใครสงสารบ้างเหรอ
ส่วนทิพอาภา ฉากนี้เราก็ว่าเล่นดีอ่ะ ไม่อยากให้เชษพูด เพราะไม่อยากให้กดดันอัคนี ที่สำคัญมันแสลงใจเอง เล่นดีค่ะฉากนี้
แต่ด้วยบทของทิพอาภาอีกแล้ว ที่มันครึ่งๆกลางๆ จะเป็นคนรักที่รักผู้ชายของตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาแทรกกลาง ก็เป็นได้ไม่สุด จะเป็นคนดีเข้าอกเข้าใจทุกอย่างที่เค้าเป็น แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการเสียเค้าให้คนอื่น ก็เป็นได้ไม่สุดอีก ฉากที่บอกกับเชษว่าทิพตัดสินใจแล้ว ว่าจะช่วยพี่อัคหาคำตอบที่ค้างอยู่ให้ได้ ดูแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้ค่ะ ก้ำๆกึ่งๆ จะว่าบริสุทธิ์ใจจริงๆแบบที่พูด ก็ว่าได้ไม่เต็มปาก นักแสดงเล่นยากอ่ะบทนี้
เรื่องทางฝ่ายการเมืองก็กำลังเข้มข้น ตอนหน้าท่านดนัยจะตายแล้ว เราไม่อยากให้ตายอ่ะ ตัวละครนี้ เล่นดี๊ดี ขนาดตอนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเรื่องการตายของหัวหน้าพรรค ยังเล่นเอาซะเกือบเชื่อแน่ะ
ฉากลงโทษคนโลภมาเอาสมบัติ เราว่า CG เลือดทีพุ่งออกจากจันมันฮามากๆ เลยอ่ะ ไม่เนียนเลยจริงๆ ทำเอาความกลัวลดไปเยอะ ฉากพวกนี้สำหรับเรา ไม่ได้ทำให้กลัวนะ แต่มันทำให้สงสารอุบลมากขึ้น ว่าต้องมาทำหน้าทีฆ่าคนทุกวันๆแบบนี้ ชั่วนาตาปี และก็เลือกอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่ได้ ทำให้เข้าใจจริงๆว่าทำไมแค้นได้ขนาดนี้
แต่ก็อย่างที่หลวงพ่อบอกค่ะ การยึดติดเป็นความทุกข์ การปล่อยวางได้จึงจะเป็นความสุข และก็ไม่มีใครปลดปล่อยใครได้ นอกจากตัวของคนๆนั้นเอง (ชอบมากถึงกับไปหาบทละครมาโพส)
“ความรักเป็นความร้าย เป็นเครื่องทำลายความสุขทั้งปวง ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ”
“ความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาเป็นพิษแก่จิตใจนะโยม ทำให้ทุรนทุราย ดิ้นรนไม่รู้จักจบจักสิ้น... โยมอาจจะทำให้เค้าผู้นั้นเข้าใจได้ แต่ความสุขที่เกิดจากความรักก็เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลงเท่านั้น มันไม่ใช่ความสุขที่แท้เลย...”
อัคนีคิดอึ้งๆ “แล้วผมต้องทำยังไงถึงจะทำให้เค้าพบกับความสุขที่แท้จริงได้ครับหลวงพ่อ?”
“โยมทำไม่ได้หรอก มันต้องอยู่ที่เจ้าตัวเค้าเอง”
เพิ่มเพลงค่ะ วันนี้คุณวรินทร์รตาไม่อยู่ ไม่มีคนแต่งกลอนเพราะๆ กับเขียนความรู้สึกตัวละครซึ้งๆให้อ่าน งั้นฟังเพลงกันก่อนละกัน เจ้าของกระทู้แต่งกลอนไม่เป็นค่ะ ไม่สามารถ
เพลงนี้หลายๆคนคงเคยได้ยิน เพลง Thousand years จากเรื่อง Twillight เราฟังเพลงนี้ช่วงนี้ เรานึกถึงพิษสวาทตลอดเลยค่ะ มันแทนความรู้สึกได้ทั้งของอัคนี และอุบล ต้นฉบับเสียงผู้หญิง ฟังแล้วคิดถึงอุบล แต่พอมาฟัง Version ผู้ชายอันนี้ ก็นึกถึงอัคนี ลองฟังกันดูค่ะ
Colors and promises
How to be brave
How can I love when I’m afraid to fall
But watching you stand alone
All of my doubt
Suddenly goes away somehow
หัวใจเต้นเร็ว
คำกล่าวอ้างและคำสัญญา
ทำอย่างไรจึงจะกล้า
ฉันจะรักได้อย่างไรในเมื่อยังกลัวจะผิดหวัง
แต่เมื่อมองเธอยืนอยู่คนเดียว
ทุกอย่างที่ฉันสงสัย ก็มลายหายไปในทันใด
One step closer
ใกล้กันอีกก้าว
I have died every day waiting for you
Darlin’ don’t be afraid
I have loved you for a Thousand years
I’ll love you for a Thousand more
ฉันเหมือนคนตายทุกวัน เพราะต้องรอเธอ
ที่รักอย่าได้กังวลไป
ฉันรักเธอมาเป็นพันปี
ฉันจะรักเธอไปอีกพันปี
Time stands still
beauty in all she is
I will be brave
I will not let anything
Take away
What’s standing in front of me
Every breath,
Every hour has come to this
เวลายังหยุดนิ่ง
เธอยังสวยงามอย่างนั้น
ฉันจะกล้า
ฉันจะไม่ปล่อยให้อะไรทำให้
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันหายไป
ทุกลมหายใจ
ทุกชั่วโมงรอมาเพื่อสิ่งนี้