มีนิสัยไม่ค่อยเข้าหาคนอื่นก่อน เลยถูกมองไม่ค่อยมีสัมมาคารวะควรแก้ไขยังไง

ตามหัวเรื่องที่บอกไปเรื่องมันมีอยู่ว่า  พ่อแม่เราทำงานข้าราชการครูที่เดียวกัน  เราก็พอรู้จักกับเพื่อนที่ทำงานของพ่อกับแม่บ้าง
แต่โดยทั่วไปแล้ว  ตอนเด็กๆเราก็จะสนิทพูดคุยเล่นๆสนุกสนานพูดเล่นๆกับเพื่อนที่ทำงานพ่อแม่ได้   แต่พอเราเริ่มโตขึ้น
นิสัยเราเริ่มเปลี่ยนไปอ่ะ  การเป็นคนที่เงียบไม่ค่อยพูดกับคนอื่น   ถ้าเขาไม่พูดหรือทักเราก่อน  เราก็จะไม่คุยด้วย
ไม่ยิ้มเท่าไร  แต่ถ้าบางคนเข้ามาคุยก่อนเขาก็จะคุยด้วยยิ้มให้ทักทาย   คนก็เลยมองว่าเราเป็นคนหยิ่งๆ หน้าไม่ยิ้ม
แล้วยิ่งกว่านั้นเราไม่ค่อยพูดเพราะ  แบบพูดถามคำตอบคำ  ไม่ค่อยจะพูด ค่ะ ขา หรือได้ตอบแบบหวานๆแบบคนอื่น
ไม่ใช่คนที่เป็นจะพูดเอาใจใคร หรือว่าพูดแบบดัดจริตไม่มีอ่ะ  แล้วบางที่เราพูดไม่ค่อยได้ใส่ใจกับความรู้สึกคนฟังอ่ะ
พอเราเริ่มเรียนต่างรร.  เราก็ไม่ค่อยได้เจอเพื่อนที่ทำงานของพ่อกับแม่ ห่างหายจากการพบเจอคุณครูคนอื่นๆแบบจริงๆจังๆ
ประมาณ 8-9 ปี  แล้วก็มีโอกาสได้กลับมาที่รร.ที่พ่อกับแม่ทำงานบ่อยขึ้น   เราก็เจอคุณครูหลายท่านเราก็ยกมือไหว้
บางคนที่เราไม่เห็นก็เลยไม่ได้ไหว้  เราเป็นพวกแปลกอย่างหนึ่งอ่ะ   เวลาเราไหว้  บางครั้งก็จะแค่จะยกมือไหว้อย่างเดียว
บางครั้งเราก็จะเรียกแค่คุณครูคะสวัสดีคะ จะเรียกน้อยครั้งมาก  บางทีก็ไม่เรียกชื่อคุณครู   จะเรียกตอนที่ครูไม่ได้หันมองเรา
แต่แบบจะให้ทำแบบดัดจริต พูดแบบ สมมุติครูชื่อศรี  แล้วให้พูดว่า "คุณครูคะ  คุณครูศรีคะ สวัสดีคะ สบายดีมั้ยคะ "
ไม่ได้เจอแบบจริงๆจังๆอย่างน้อยก็เคยเรียนเคยสอนมา  จนเรามีโอกาสกับมาฝึกสอนที่รร.เดียวกับพ่อแม่ของเรา
เรามาฝึกคนเดียวทำตัวไม่ถูกเลย  แบบเกร็งไปหมด  กลัวทำตัวไม่ถูก  กลัวคุณครูจะมองเราไม่ดี  แล้วว่าพ่อแม่เราไปด้วย
แต่เราก็ทำตัวไม่ดีไม่ถูกบางเรื่อง  อาจจะไม่ได้ทำตามระเบียบทุกอย่าง  แต่เรื่องสอนนักเรียนเราก็เต็มทีนะ
แล้วแบบตอนเที่ยง  รร.จะมีอาหารกลางวันเลี้ยวครูที่รร.  ซึ่งเราเองไปฝึกสอนคนเดียว  ไม่มีเพื่อนกินข้าวไม่กล้าไป
นั่งร่วมกับคุณครูทั้งหลาย  บ้างครั้งก็นั่งกินคนเดียว   จนแบบตอนนั้นแม่เราก็เริ่มมีปัญหากับคุณครูในรร. บ้าง
จนไปๆมาๆ  กลายเป็นว่า  เรายกถาดจัดจานตักข้าวตักอาหารมากินกันที่ห้องพักครูที่มีพ่อกับแม่นั่งอยู่  ก็กินกัน3 คน
แยกออกมาจากคุณครูคนอื่นๆ  จนเราคิดว่าครูคนอื่นๆ  ต้องมองว่าเราทำตัวเรื่องมาก  ต้องแยกไปกินต่างหาก
บางครั้งเราเจอคุณครูที่สนิทกับพ่อเรา   เราเจอก็ยกมือไหว้นะ  แต่เราติดนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือ ถ้าอยู่ไกลๆเราไม่ไหว้
หรือว่าครูไม่มองมาทางเรา  เราก็ไม่ไหว้   อย่างเหตุการณ์หนึ่ง คุณครูคนนี้เราเจอบ่อยมาก และหลายครั้ง
ท่านจะมองและพูดใส่เราแบบเสียงดังๆ   คือประมาณว่าเราเดินกลับจากสอนนักเรียนเสร็จ  จะกลับไปอาคารที่ห้องพักครู
เราก็เดินถืออุปกรณ์สื่อการสอนมา  เราเห็นคุณครูคนนี้แล้วไกลๆ  ประมาณ 200เมตร  เราก็กะว่าจะยกมือไหว้
แต่เราก็ยังไม่ยก  คือเรากะว่าจะเดินไปหาใกล้ๆกว่านี้ก่อน  เช่นไม่เกิน5เมตรประมาณนั้น  พอกำลังจะยกไม้ไหว้
คุณครูจะพูดเสียงดังใส่เราว่า "ครับ  สวัสดีครับ" แล้วก็มองเราแบบเหมือนเราทำไมไม่ยกมือไหว้แก  แล้วสายตาแก
มันบ่งบอกว่าที่แกพูดคำว่าสวัสดีก่อน  เพราะคล้ายๆบอกให้เราต้องสวัสดีคุณครูก่อน  เพื่อให้เรารู้จักยกมือไหว้แก
คือเราก็ไม่ได้มือไม้แข็ง  จนไม่ยกมือไหว้ใครแบบนั้นนะ  แต่เป็นเพียงที่นิสัยเสียเราและจังหวะของการมองกัน
แล้วหลังจากนั้นทุกครั้ง คุณครูคนที่จะพูดดักเรา  สวัสดีเราก่อนตลอดแหมจะอยู่ไกล  แกก็จะพูดเสียงดังๆกึ่งตะโกน
แล้วอีกเรื่องเวลาจักงานกินเลี้ยงในรร. เราก็จะยกมือไหว้ครูที่มาก่อน  แต่ถ้าคนไหนมาหลังแล้วอยู่ไกลกัน  
เราก็จะมอง  แต่ไม่ได้ยกมือไหว้  ก็นั่งเฉยๆ  มันเลยติดเป็นนิสัยๆแล้ว  เราเลยคิดว่าคุณครูคนอื่นๆหลายๆคน
ต้องมองเราไม่มีมารยาม   ไม่เคารพครูบาอาจารย์แน่ๆ    แล้วไหนจะพูดไม่เพราะ  ไม่มีหางเสียงอีก
เวลารร.จัดไปเข้าค่าย  ไปเลี้ยงส่งคุณครูคนอื่นๆ  เราก็จะเงียบๆ  ไม่พูดไม่คุยกับคุณครูเท่าไร นั่งนิ่ง
ไม่ร้องไม่เล่นไม่เต้น  อยู่แผนกเบื้องหลังเตรียมของจัดจาน  ยกของจัดของ ตักอาหาร  อะไรแบบนั้นไป
แต่ไม่ได้มาร้องเพลงเต้น หรือนั่งดูอะไร  พอถึงเวลาเราก็แยกตัวออกมา  ดูทีวี เล่นเกม  เข้าห้องนอน
มันเลยเหมือนเราไม่ค่อยให้ความสนใจหรือร่วมมือกับกิจกรรมต่างๆของคุณครูคนอื่นๆ  ไปเลย
มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง  ทางรร.จะจัดกิจกรรมวันแม่  แล้วคือเราก็รู้แค่กำหนดจัดวันเท่านั้น  แต่เราไม่ถามคุณครูที่ดูแลเรา
ว่ามีอะไรต้องทำหรือให้ช่วยมั้ย  เพราะว่าตอนนั้นเราจัดบอร์ดให้ห้องเรียนของทั้งคุณครูที่ดูแลเรา  และอีก 2 ห้อง
แล้วก็จัดประกวดวาดภาพวันแม่ด้วย  เราก็มัวแต่ติดผลงานนักเรียน  จนรู้แค่ว่าคุณครูในสายชั้นจะดูแลการแสดงเต้น
แต่เราก็ยังไม่ได้ช่วยเพราะเราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง  ไม่เก่งด้านนี้  จนวันที่มีการแสดง  เราก็นั่งถ่ายรูปกิจกรรมต่างๆไปเรื่อย
จนคุณครูอีกท่าน   ก็เดินมาหาเราแล้วบอกให้ช่วยดูเด็กจัดแถวเตรียมตัวแสดงหน่อย   เราก็ลุกไปดูเด็กๆเตรียมการแสดง
คุณครูท่านเลยพูดประมาณว่า "เดี่ยวครูจะไปดูเรื่องเปิดเพลงคุมเด็กไว้ เดี๋ยวการแสดงนี้ ก็จะได้แสดงต่อแล้ว" เราก็บอกคะ
ก่อนจะเดินไปครูพูดว่า " ไม่ได้ช่วยหรือทำอะไรเลย ก็มาคุมเด็กนักเรียนแทนแล้วกัน จะได้มีอะไรทำกับเขาบ้าง ไม่ใช่นั่งเฉยๆ "
พอได้ยินเราคิดว่าเราเองก็ไม่ช่วยไม่ถามคุณครูเลย  คุณครูต้องไม่พอใจในพฤติกรรมเราแน่ๆเลย  แบบว่าเราไม่ช่วยแกอ่ะ
พอเกิดเหตุการหลายๆอย่างคุณครูไม่ใช่แค่คนเดียว   มันเลยทำให้เรากังวัลและคิดว่าคุณครูต้องมองเราไม่ดีแน่ๆ
ขนาดบ้างครั้ง หลังๆจากที่เราจะกลับมาฝึกสอนที่รร. กับพ่อแม่  แม่จะพูดจะบอกเราเสมอ แม่ว่าเราจะยกมือไหว้แล้ว
แม่ก็บอกไหว้อีกไม่เป็นไร  หัดไหว้บ่อยๆ  ไหว้ไปเถอะไม่เป็นไร  คนนี้ไหว้ยัง  คนนั้นไหว้ยัง  บ่นเราทุกครั้ง
ว่า ไหว้ยัง  รู้จักไหม  ไหว้เขายัง  แบบบ้างทีเรายกมือไหว้  แต่เราไม่ได้พูดว่า สวัสดีคะไง  ยกไหว้แต่มือ
แม่ก็จะคิดว่าเรายืนเฉยๆไม่ไหว้   ขนาดแม่เรายังคิดว่าเราเป็นคนไม่มีมารยาทแล้วคนอื่นจะเหลือเหรอ
นั้นก็เลยเป็นเหตุผลที่เรามาโพส  มาระบาย  บางครั้งเราก็ไม่ไ้ดอยากทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้หรอก
แต่ว่าบริบทสภาพแวดล้อมต่างๆ บ้านเราแยกมาอยู่ตั้งหาก  ไม่ได้อยู่รวมกันแบบครอบครัวใหญ่
ไม่ค่อยได้เจอญาติพี่น้อง  ไม่ค่อยได้สมาคมคบค้ากับใครเท่าไร   มันเลยทำให้เราเป็นคนเก็บตัว
ไม่วุ่นวายกับใครมากขึ้น   มันเลยกลายเป็นคนไม่มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ไปเลย


*เราค่อยจะทำยังไง  จะปรับเปลี่ยนตัวเองได้มั้ย  จะต้องทำอย่างไรให้รู้สึกไม่เกร็งเวลาอยู่กับผู้ใหญ่
หรือทำยังไงให้รู้สึกเข้าใจ  หรือสนุกกับกิจกรรมที่ผู้ใหญ่ทำแล้วไม่หรือสึกอึดอัด


ปล.แวะมาระบายซะยาว  คิดว่าคนไม่มีคนอ่านและไม่มีคนตอบแน่ๆ  เรื่องไร้สาระ
ถ้าใครเขามาตอบก็ขอบคุณนะคะ  ที่ทนอ่านมาได้   แต่ถ้าใครจะเข้ามาด่า  ก็ด่าแบบไม่หยาบนะคะ  อ่อนไหวง่าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่