ตํานํ้าพริกกระปิอย่างไรให้อหร่อยคะ ?

กระทู้คำถาม
ดิฉันเป็นคนอีสาน ชอบทานนํ้าพริกอยู่แล้ว แจ่วปลาร้าพริกปลาป่น  นํ้าพริกแมงดา อะไรพวกนี้ทําได้อหร่อย

มีนํ้าพริกกระปิอย่างเดียว ที่ทําแล้วทานไม่เคยหมดต้องทิ้งตลอด

อยากทราบต้องทําแบบไหน ถึงจะอร่อยคะ??

ปรกติดิฉันทํา เอากระปิ ไปย่างเพื่อให้หอม  โครกกระเทียมพริกขี้หนู ใส่กระปิที่ย่างไฟแล้วโครก นํ้าตาลทราย ผงชูรส มะนาว นํ้าอุ่น เกลือ นํ้าปลา
กุ้งแห้ง แล้วทําไมมันไม่อหร่อยเลย ต้องใส่อะไรอีกไหมคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
กะปิ  ย่างไฟให้แห้ง  และหอม  ใช้เท่ากับกระเทียมค่ะ
โขลกสองอย่างให้เข้ากันจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

เติมน้ำตาลปีบ  ลงโขลกเล็กน้อย  ชิมรสให้ออกเค็ม  หวานหน่อยๆ
โขลกพริกขี้หนูส่วนหนึ่ง  กะอย่าเอาให้เผ็ดมาก  ลงไปด้วยกัน  
พริกอีกส่วนเก็บไว้ก่อน  และเก็บเม็ดสวยๆ แดงๆ ไว้โรยหน้าด้วย

พอแหลก  ก็บีบมะนาวลงไป  เอาสากกวนเบาๆ  ชิมรสตามชอบ  หากอ่อนเค็มเติมกุ้งแห้งป่น
อ่อนเปรี้ยว  เติมมะนาว  หรือมะอึก  
น้ำน้อยแต่เปรี้ยวแล้ว  ให้เติมน้ำส้มจี้ด  หรือน้ำส้มบีบสดได้เล็กน้อย
ค่อยๆเติมแต่เบามือ  หากรู้สึกแปร่งๆ  ให้ลองชิมพร้อมแตงกวา  หรือถั่วฝีกยาว
อาจจะได้ความรู้สึกที่เหมาะมากขึ้น

เมื่อได้รสที่พอใจแล้ว  จึงตักลงถ้วย  เหลือติดครกไว้สักสองช้อนโต๊ะ  ค่อยเอา มะเขือพวง
และพริกขี้หนูที่แบ่งไว้  ลงบุบข้างครก  คือเอาสากตำเพียงเบาๆ  พอให้แตก  ช้ำๆ
คนปนกับน้ำพริกที่เหลือ  เพื่อให้ดำน้อยลง  แล้วตักลงใส่ถ้วย  วนช้อนให้เข้ากันดี
จึงเอาพริกขี้หนูแดงๆ  และมะอึกชิ้นสวยๆ  โรยแต่งอีกที  เป็นอันจบ

ผงชูรสไม่ใส่ค่ะ  มันทำให้ปร่า  ผงชูรสไม่ใช่ผงมหัศจรรย์ใส่แล้วอร่อยทุกอย่างนะคะ  
ใส่แล้วปร่า  เจื่อน  กับอาหารหลายชนิด  หลีกเลี่ยงจะดีกว่า    

น้ำพริกกะปินี้จะไม่ตำจนเผ็ดแบบปากไหม้  หากอยากได้รสเผ็ดร้อนเพิ่ม  
ก็ตักส่วนที่มีพริกบุบราดลงบนข้าวตามความอยาก  ก็จะได้ความเผ็ดร้อนพอ
  
ควรจะตำทีละน้อยๆ  เคยตำให้ญาติที่อยู่ต่างประเทศเอากลับไปขวดใหญ่ๆ
ก็จะตำทีละครกกลางๆ  แล้วค่อยชิมรสรวมอีกที  ถ้ากินไม่หมดเก็บได้ในตู้เย็นค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่