
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับคลื่นเสียงที่เราได้ยินกันซะก่อนนะครับ เสียงที่เราได้ยินนั้นเป็นพลังงานที่เดินทางผ่านตัวกลาง(ที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่ก็คืออากาศ) ในรูปแบบของคลื่นที่มีคาบค่อนข้างแน่นอน อาจนึกถึงรูปแบบของคลื่น Sine Wave ครับ คลื่นเสียงก็คือรูปแบบของพลังงานที่เดินทางโดยการสั่นเป็นรอบๆผลักดันตัวกลางที่อยู่ข้างหน้าให้ไปกระแทกตัวกลางส่วนถัดไป จนกระทั่งมากระแทก ไดอะแฟรม ซึ่งเป็นแผ่นรับคลื่นเสียงในหูของเรานั่นเอง
ในดาวฤกษ์ทุกดวงมีโรงงานนิวเคลียร์ตั้งอยู่ในใจกลางดาวเพื่อผลิตพลังงานของตัวเอง พลังงานก็เหมือนชีวิตของดาวนะ ถ้าไม่มีพลังงาน ดาวก็จะต้องตายลง อย่างดวงอาทิตย์ของเรานี่ ก็ถือว่าอยู่ในช่วงวัยทำงานมาสักพักนึงแล้วนะ เรียกได้ว่ามีพลังงานล้นเหลือ แต่เพราะว่าเจ้าตัวพลังงานที่ผลิตได้แต่ละหน่วยมันไม่ชอบอยู่เฉยๆนะ มันอยากออกมาท่องเที่ยวอวกาศมากครับ ดังนั้นมันจึงแย่งกันเบียดเสียดเนื้อดาว(แก๊ส)จะออกมาข้างนอกให้ได้ จึงมีการกระทบกระทั่งกระแทกกัน เกิดเป็นคลื่นการสั่นโดยภาพรวม เรียกว่า การสั่นของดาวฤกษ์ (Stellar Pulsation) คลื่นการสั่นอาจมีได้ทั้งในแนวรัศมีและนอกแนวรัศมี
ถ้าเป็นการสั่นในแนวรัศมี ดาวก็จะยุบๆพองๆ สลับกันไปมาเป็นคาบๆไปครับ แต่เกิดขึ้นทั่วผิวดาวพร้อมๆกัน
แต่ถ้าเป็นการสั่นนอกแนวรัศมี ก็คือการสั่นไปรอบๆดาวทำให้ผิวดาวยุบๆพองๆไม่พร้อมกัน ดังภาพนี้

ส่วนที่เป็นสีแดงกับน้ำเงิน ใช้แสดงส่วนที่ยุบ-พอง เมื่อคลื่นเดินทางผ่านไป ส่วนที่ยุบก็จะพองและส่วนที่พองก็จะยุบแทน สลับกันเป็นคาบๆไป
โดยทั้งการสั่นในแนวรัศมีและการสั่นนอกแนวรัศมี สามารถมีได้หลายโหมดหลายความถี่พร้อมๆกัน และยังสามารถมีการสั่นในแนวรัศมีและนอกแนวรัศมีพร้อมๆกันได้อีกด้วย แปลว่ามีทั่งเสียงแหลมและเสียงทุ้มปะปนกัน แต่มีพลังงานต่างกัน มันก็เหมือนตัวโน๊ตค่าต่างๆกันที่ดังไม่เท่ากันครับ ดังนั้นเสียงที่เราจะได้ยินชัดที่สุดก็คือเสียงที่เด่นสุดมีความถี่ที่มีพลังงานมากสุด และเสียงอื่นๆก็คลอกันมาเบาๆ .. ดาวฤกษ์แต่ละดวงก็มีพลังงานต่างกันอันเนื่องจากการมีสมบัติ(มวล อุณหภูมิ ความหนาแน่น อายุ ฯลฯ)ต่างกันนั่นเอง และเราอาจจินตนาการได้ว่า ดาวฤกษ์ ร้องเพลงกันคนละตัวโน๊ต เสียงสูงบ้างเสียงต่ำบ้าง ดังนั้นอวกาศก็เหมือนโรงละครใหญ่ที่กำลังจัดคอนเสริต และดาวทุกดวงก็กำลังร้องเพลงร่วมกัน
น่าเสียดายที่ระหว่างดวงดาวเป็นอวกาศที่มีอะตอมเบาบางงงงงงงงงงงงงงงงเสียจน พลังงานคลื่นเสียงไม่อาจเดินทางข้ามได้ เราจึงไม่อาจได้ยินดาวร้องเพลงได้โดยตรง นอกเสียจากต้องนั่งยานอวกาศไปที่ผิวดาวนั่นแล้วฟังที่ละดวง
ปล.ดาวเคราะห์ก็มีการสั่นด้วย(ดังที่ได้ยินเสียงในคลิป) แต่ด้วยแหล่งพลังงานที่ต่างไป
มาๆๆ มาฟังดวงดาวร้องเพลงกันเถอะ กับวันว่างๆแบบนี้
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับคลื่นเสียงที่เราได้ยินกันซะก่อนนะครับ เสียงที่เราได้ยินนั้นเป็นพลังงานที่เดินทางผ่านตัวกลาง(ที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่ก็คืออากาศ) ในรูปแบบของคลื่นที่มีคาบค่อนข้างแน่นอน อาจนึกถึงรูปแบบของคลื่น Sine Wave ครับ คลื่นเสียงก็คือรูปแบบของพลังงานที่เดินทางโดยการสั่นเป็นรอบๆผลักดันตัวกลางที่อยู่ข้างหน้าให้ไปกระแทกตัวกลางส่วนถัดไป จนกระทั่งมากระแทก ไดอะแฟรม ซึ่งเป็นแผ่นรับคลื่นเสียงในหูของเรานั่นเอง
ในดาวฤกษ์ทุกดวงมีโรงงานนิวเคลียร์ตั้งอยู่ในใจกลางดาวเพื่อผลิตพลังงานของตัวเอง พลังงานก็เหมือนชีวิตของดาวนะ ถ้าไม่มีพลังงาน ดาวก็จะต้องตายลง อย่างดวงอาทิตย์ของเรานี่ ก็ถือว่าอยู่ในช่วงวัยทำงานมาสักพักนึงแล้วนะ เรียกได้ว่ามีพลังงานล้นเหลือ แต่เพราะว่าเจ้าตัวพลังงานที่ผลิตได้แต่ละหน่วยมันไม่ชอบอยู่เฉยๆนะ มันอยากออกมาท่องเที่ยวอวกาศมากครับ ดังนั้นมันจึงแย่งกันเบียดเสียดเนื้อดาว(แก๊ส)จะออกมาข้างนอกให้ได้ จึงมีการกระทบกระทั่งกระแทกกัน เกิดเป็นคลื่นการสั่นโดยภาพรวม เรียกว่า การสั่นของดาวฤกษ์ (Stellar Pulsation) คลื่นการสั่นอาจมีได้ทั้งในแนวรัศมีและนอกแนวรัศมี
ถ้าเป็นการสั่นในแนวรัศมี ดาวก็จะยุบๆพองๆ สลับกันไปมาเป็นคาบๆไปครับ แต่เกิดขึ้นทั่วผิวดาวพร้อมๆกัน
แต่ถ้าเป็นการสั่นนอกแนวรัศมี ก็คือการสั่นไปรอบๆดาวทำให้ผิวดาวยุบๆพองๆไม่พร้อมกัน ดังภาพนี้
ส่วนที่เป็นสีแดงกับน้ำเงิน ใช้แสดงส่วนที่ยุบ-พอง เมื่อคลื่นเดินทางผ่านไป ส่วนที่ยุบก็จะพองและส่วนที่พองก็จะยุบแทน สลับกันเป็นคาบๆไป
โดยทั้งการสั่นในแนวรัศมีและการสั่นนอกแนวรัศมี สามารถมีได้หลายโหมดหลายความถี่พร้อมๆกัน และยังสามารถมีการสั่นในแนวรัศมีและนอกแนวรัศมีพร้อมๆกันได้อีกด้วย แปลว่ามีทั่งเสียงแหลมและเสียงทุ้มปะปนกัน แต่มีพลังงานต่างกัน มันก็เหมือนตัวโน๊ตค่าต่างๆกันที่ดังไม่เท่ากันครับ ดังนั้นเสียงที่เราจะได้ยินชัดที่สุดก็คือเสียงที่เด่นสุดมีความถี่ที่มีพลังงานมากสุด และเสียงอื่นๆก็คลอกันมาเบาๆ .. ดาวฤกษ์แต่ละดวงก็มีพลังงานต่างกันอันเนื่องจากการมีสมบัติ(มวล อุณหภูมิ ความหนาแน่น อายุ ฯลฯ)ต่างกันนั่นเอง และเราอาจจินตนาการได้ว่า ดาวฤกษ์ ร้องเพลงกันคนละตัวโน๊ต เสียงสูงบ้างเสียงต่ำบ้าง ดังนั้นอวกาศก็เหมือนโรงละครใหญ่ที่กำลังจัดคอนเสริต และดาวทุกดวงก็กำลังร้องเพลงร่วมกัน
น่าเสียดายที่ระหว่างดวงดาวเป็นอวกาศที่มีอะตอมเบาบางงงงงงงงงงงงงงงงเสียจน พลังงานคลื่นเสียงไม่อาจเดินทางข้ามได้ เราจึงไม่อาจได้ยินดาวร้องเพลงได้โดยตรง นอกเสียจากต้องนั่งยานอวกาศไปที่ผิวดาวนั่นแล้วฟังที่ละดวง
ปล.ดาวเคราะห์ก็มีการสั่นด้วย(ดังที่ได้ยินเสียงในคลิป) แต่ด้วยแหล่งพลังงานที่ต่างไป