คือเห็นคนเขาเชียร์กันนั่นแหละครับ ที่เรียกว่า อวยจนอ้วก นั่นแหละ
ทำไมเขากล้าเชียร์ กล้าอวยออกนอกหน้าแบบไม่อายขนาดนี้
ก็เพราะเขามุ่งผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับไงครับ
ยิ่งเชียร์ ยิ่งอวยมากเท่าไร
นั่นคือการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ถ้าตั้งผมเป็นนั่นเป็นนี่ รับรองไม่ผิดหวัง ผมหนับหนุนท่านสุดลิ่มทิ่มประตู
ซึ่งก็แน่นอนครับ คนที่มีอำนาจตั้ง ก็ต้องเลือกตั้งคนที่มีทีท่าหนับหนุนตัวเอง
นี่แหละครับ ที่เขาเรียกว่า การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันกลางเมือง
ประชาชีได้แต่ทำตาปริบ ๆ
ใครที่เย้ว ๆ เห็นดีเห็นงามไปด้วย ก็ควรคำนึงสักนิดว่า
ที่ขนาดเห็น ๆ แล้วที่ไม่เห็นล่ะ จะหนาดไหน
แต่เชื่อไหมครับ หากไม่โดนตั้ง หากไม่โดนเลือก
ที่เชียร์ ๆ อวย ๆ อวยจนอ้วกอยู่นี่ จะกลายเป็นอีกอย่างทันที
ทำให้นึกถึงกลอนบทหนึ่งครับ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าใครแต่ง
กลอนบทนั้นว่าไว้ว่า
เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง
เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
เมื่อไม่มีหมดมิตรมุ่งมองมา
เมื่อมอดม้วยแม้หมูหมาไม่มามอง
คนเรานั้น ตอนมี ไม่ว่าเงิน ไม่ว่าอำนาจ ไม่ว่าบารมี
เพื่อนเยอะ
หมดเงิน หมดอำนาจ หมดบารมีเมื่อไร
หมาก็ไม่มอง
จึงมีคำพระท่านสอนว่า
มีลาภ ก็เสื่อมลาภ มียศ ก็เสื่อมยศ
ตถตา
ทำให้นึกถึงกลอนบทหนึ่ง ที่ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแต่ง
ทำไมเขากล้าเชียร์ กล้าอวยออกนอกหน้าแบบไม่อายขนาดนี้
ก็เพราะเขามุ่งผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับไงครับ
ยิ่งเชียร์ ยิ่งอวยมากเท่าไร
นั่นคือการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ถ้าตั้งผมเป็นนั่นเป็นนี่ รับรองไม่ผิดหวัง ผมหนับหนุนท่านสุดลิ่มทิ่มประตู
ซึ่งก็แน่นอนครับ คนที่มีอำนาจตั้ง ก็ต้องเลือกตั้งคนที่มีทีท่าหนับหนุนตัวเอง
นี่แหละครับ ที่เขาเรียกว่า การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันกลางเมือง
ประชาชีได้แต่ทำตาปริบ ๆ
ใครที่เย้ว ๆ เห็นดีเห็นงามไปด้วย ก็ควรคำนึงสักนิดว่า
ที่ขนาดเห็น ๆ แล้วที่ไม่เห็นล่ะ จะหนาดไหน
แต่เชื่อไหมครับ หากไม่โดนตั้ง หากไม่โดนเลือก
ที่เชียร์ ๆ อวย ๆ อวยจนอ้วกอยู่นี่ จะกลายเป็นอีกอย่างทันที
ทำให้นึกถึงกลอนบทหนึ่งครับ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าใครแต่ง
กลอนบทนั้นว่าไว้ว่า
เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
เมื่อไม่มีหมดมิตรมุ่งมองมา
เมื่อมอดม้วยแม้หมูหมาไม่มามอง
คนเรานั้น ตอนมี ไม่ว่าเงิน ไม่ว่าอำนาจ ไม่ว่าบารมี
เพื่อนเยอะ
หมดเงิน หมดอำนาจ หมดบารมีเมื่อไร
หมาก็ไม่มอง
จึงมีคำพระท่านสอนว่า
มีลาภ ก็เสื่อมลาภ มียศ ก็เสื่อมยศ
ตถตา