หนุ่มยืมเก๋งเพื่อน มาซิ่ง เจอป้ายจับความเร็วเบรกตัวโก่ง รถหมุนชนเสาไฟพลิกคว่ำ บาดเจ็บเล็กน้อย อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 26 ส.ค. ร.ต.ท.สุวัน์ พัฒนสาร พนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ เสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปข้างทางและชนเสาไฟฟ้า ได้รับความเสียหายมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในตัวรถ บริเวณถนนมิตรภาพ อุดรธานี-ขอนแก่น ช่องจราจรขาออกตัวเมืองอุดรฯ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 410-411 ก่อนถึงป้อมยามจุดบริการประชาชนตำรวจทางหลวงอุดรธานี ประมาณ 200 เมตร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและพร้อมด้วย พ.ต.ท.เสกสรรค์ ชุ่มแจ่มสว.ส.ทล.3 กก.4 บก.ทล. หน่วยกู้ภัยทางหลวง หน่วยกู้ชีพ ร.พ.โนนสะอาด และกำลังจำนวนหนึ่งรุดไปสอบสวนให้การช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าเป็นริมถนนมีต้นไม้หญ้าขึ้นสูงท่วมศีรษะ มีเสาไฟฟ้าแรงต่ำถูกกระแทกจนเอนลงเกือบล้ม ใกล้กันพบรถยนต์ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน บล9459 อุดรธานี อยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า ด้านหน้ามีรอยชนพังเสียหายและด้านข้าง มีคนขับกำลังพยายามออกจากตัวรถ จึงช่วยกันนำร่างคนขับออกมาอย่างทุลักทุเล แต่พบว่าคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ช่วยเหลือออกมาได้ ตอนแรกก็เดินโทรศัพท์หาเพื่อนได้ มีเพียงรอยช้ำตามร่างกายไม่มีบาดแผลอะไร แต่ก็บาดเจ็บจากด้านในพอสมควร จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.และทราบชื่อต่อมาคือนายพีรพงษ์ ไชโยกุล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ม.7 ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
จากการสอบสวนในเบื้องต้นก่อนเกิดเหตุนายพีรพงษ์ ไชโยกุล ยืมรถยนต์ของเพื่อน เพื่อไปทำธุระแถว จ.ขอนแก่น โดยขับรถออกจากเขตอ.กุมภวาปี ไปตามถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปทาง จ.ขอนแก่น โดยก่อนจะถึงจุดบริการทางหลวงอุดรธานีประมาณ 300 เมตรมีป้ายบอก ให้กำจัดความเร็ว มีกล้องตรวจจับความเร็ว ทำให้คนขับที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูงชะลอรถกะทันหัน ประกอบกับถนนมีน้ำจากฝนตก ทำให้รถที่ขับไม่ใช่รถของตัวเอง จึงไม่ชำนาญทำให้รถเสียหลักตกลงไปข้างทาง จนพลิกคว่ำหลายตลบ ไปชนกับเสาไฟฟ้าและต้นไม้หญ้าสูง โชคดีที่คนขับรัดเข็มขัดนิรภัยทำให้บาดเจ็บเล็กน้อย
ด้าน ร.ต.ท.สุวัฒน์ พัฒนสาร ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ที่เกิดเหตุไม่มีรถคู่กรณีแต่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายเป็นเสาไฟฟ้า และต้นไม้ริมทาง คนขับเริ่มมีอาการปวดบวมตามร่างกายจึงต้องให้ไปตรวจรักษาเอ็กซเรย์ เพื่อรักษาอาการและระบบอวัยวะภายใน เมื่อแพทย์อนุญาตให้ออกมาได้ ก็จะนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา “ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย”
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1472195357
หนุ่มยืมเก๋งเพื่อน ซิ่งเจอป้ายจับความเร็วเบรกตัวโก่ง รถหมุนชนเสาไฟพลิกคว่ำ บาดเจ็บเล็กน้อย @ อ.กุมภวาปี อุดรธานี
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 26 ส.ค. ร.ต.ท.สุวัน์ พัฒนสาร พนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ เสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปข้างทางและชนเสาไฟฟ้า ได้รับความเสียหายมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในตัวรถ บริเวณถนนมิตรภาพ อุดรธานี-ขอนแก่น ช่องจราจรขาออกตัวเมืองอุดรฯ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 410-411 ก่อนถึงป้อมยามจุดบริการประชาชนตำรวจทางหลวงอุดรธานี ประมาณ 200 เมตร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและพร้อมด้วย พ.ต.ท.เสกสรรค์ ชุ่มแจ่มสว.ส.ทล.3 กก.4 บก.ทล. หน่วยกู้ภัยทางหลวง หน่วยกู้ชีพ ร.พ.โนนสะอาด และกำลังจำนวนหนึ่งรุดไปสอบสวนให้การช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าเป็นริมถนนมีต้นไม้หญ้าขึ้นสูงท่วมศีรษะ มีเสาไฟฟ้าแรงต่ำถูกกระแทกจนเอนลงเกือบล้ม ใกล้กันพบรถยนต์ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน บล9459 อุดรธานี อยู่ในสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า ด้านหน้ามีรอยชนพังเสียหายและด้านข้าง มีคนขับกำลังพยายามออกจากตัวรถ จึงช่วยกันนำร่างคนขับออกมาอย่างทุลักทุเล แต่พบว่าคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ช่วยเหลือออกมาได้ ตอนแรกก็เดินโทรศัพท์หาเพื่อนได้ มีเพียงรอยช้ำตามร่างกายไม่มีบาดแผลอะไร แต่ก็บาดเจ็บจากด้านในพอสมควร จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.และทราบชื่อต่อมาคือนายพีรพงษ์ ไชโยกุล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ม.7 ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
จากการสอบสวนในเบื้องต้นก่อนเกิดเหตุนายพีรพงษ์ ไชโยกุล ยืมรถยนต์ของเพื่อน เพื่อไปทำธุระแถว จ.ขอนแก่น โดยขับรถออกจากเขตอ.กุมภวาปี ไปตามถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปทาง จ.ขอนแก่น โดยก่อนจะถึงจุดบริการทางหลวงอุดรธานีประมาณ 300 เมตรมีป้ายบอก ให้กำจัดความเร็ว มีกล้องตรวจจับความเร็ว ทำให้คนขับที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูงชะลอรถกะทันหัน ประกอบกับถนนมีน้ำจากฝนตก ทำให้รถที่ขับไม่ใช่รถของตัวเอง จึงไม่ชำนาญทำให้รถเสียหลักตกลงไปข้างทาง จนพลิกคว่ำหลายตลบ ไปชนกับเสาไฟฟ้าและต้นไม้หญ้าสูง โชคดีที่คนขับรัดเข็มขัดนิรภัยทำให้บาดเจ็บเล็กน้อย
ด้าน ร.ต.ท.สุวัฒน์ พัฒนสาร ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ที่เกิดเหตุไม่มีรถคู่กรณีแต่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายเป็นเสาไฟฟ้า และต้นไม้ริมทาง คนขับเริ่มมีอาการปวดบวมตามร่างกายจึงต้องให้ไปตรวจรักษาเอ็กซเรย์ เพื่อรักษาอาการและระบบอวัยวะภายใน เมื่อแพทย์อนุญาตให้ออกมาได้ ก็จะนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา “ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย”
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1472195357