เหตุการณ์เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.59 แฟนเราได้นำรถเข้าศูนย์ฮ...... สาขากัลปพฤกษ์ ตอนเช้าก่อนไปทำงาน โดยทิ้งรถไว้ที่ศูนย์เลยไม่ได้นั่งรอรับรถกลับ เนื่องจากจะต้องตรวจเช็คหลายรายการเลยกลัวจะเสียเวลา อาการของรถที่นำมาเข้าศูนย์วันนั้นมีอาการคือเวลารถวิ่งจะมีเสียงดังที่ล้อ อือ อือ อือ ยิ่งวิ่งเร็วก้อจะยิ่งดังขึ้น ซึ่งอาการนี้เคยเกิดขึ้นแล้วศูนย์แจ้งว่ามันคืออาการของลูกปืนล้อรถแตก แค่เปลี่ยนลูกปืนใหม่ก้อใช้งานได้ตามปกติ แต่วันนั้นศูนย์สรุปรายการที่ต้องเปลี่ยนมีลูกปืนล้อรถ แอร์แบ๊คของคนนั่งข้างหน้า ลูกรอกออโต้(ศูนย์ตรวจเจออาการเอง) ตัวมอเตอร์พัดลมแอร์(ศูนย์ตรวจเจออาการเอง) แล้วศูนย์ก้อนัดให้มารับรถตอนเย็นของวันนั้นเลย แต่วันนั้นแฟนติดงานกลับช้าและรถติดมากเลยไปรับรถไม่ทัน ก้อเลยไปรับรถในตอนเช้าวันจันทร์ที่ 22 ส.ค.59 แทน โดยปกติแล้วเราก้อเข้าศูนย์นี้เป็นประจำตั้งแต่ออกรถจนถึงปัจจุบันประมาณ 5 ปีได้แล้ว เวลาเอารถเข้าศูนย์ทุกครั้งก้อไม่เคยมีปัญหาอะไร พอถึงวันรับรถแฟนก้อไปรับรถจ่ายเงินตามปกติ กำลังจะขับรถออกจากศูนย์สังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติตรงคอนโซลหน้ารถที่วางพระเครื่องเอาไว้ทั้งหมด 9 องค์ เป็นพระใส่กรอบปกติ 7 องค์ อีก 2 องค์ เป็นหลวงพ่อกันต์เลี่ยมทอง 1 องค์กับหลวงพ่อรอดเลี่ยมทอง 1 องค์ แฟนมองเห็นว่าพระไม่ได้วางอยู่ในที่เดิมตามที่เคยวางไว้ เลยหยิบพระทั้งหมดขึ้นมาดูเลยเห็นว่าหลวงพ่อรอดเลี่ยมทอง 1 องค์หายไป!! เลยกลับเข้าไปที่ศูนย์อีกครั้งตอนนั้นเลย กลับไปหาผู้จัดการของศูนย์รถสาขานั้น ผู้จัดการก้อพูดกับแฟนเราดีว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรบอกได้เลยนะครับ ประมาณว่าได้แต่พูดแต่ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรทั้งสิ้น แฟนเลยถามกับพนักงานรับรถว่าช่างคนไหนเป็นคนซ่อมรถคันนี้ แล้วพนักงานรับรถก้อแจ้งว่าปกติจะมีช่างรับผิดชอบรถ 1 คนต่อ 1 คัน และเมื่อซ่อมรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก้อจะส่งต่อไปที่บริษัทฯ outsource เพื่อนำรถไปล้างและดูดฝุ่น ซึ่งบริษัทฯ outsource ก้อจะอยู่ข้างหลังศูนย์ เท่าที่เราฟังดูแล้วรถที่เรานำไปซ่อมจะผ่านพนักงานแค่ไม่กี่คน แต่ผู้จัดการก้อไม่ได้อธิบายหรือชี้แจงให้ลูกค้าเข้าใจ คือรอให้เราถามอย่างเดียว ผู้จัดการได้แต่คุยว่าพนักงานของเค้าเคยเจอเงินบนรถก้อยังเก็บเงินคืนลูกค้าเลย และก้อเล่าให้ฟังว่ามีเคสนึงเข้ามาแบบเรานี่แหละ มาบอกว่าของหายแล้วสรุปว่ายังไงรู้มั้ย ของไม่ได้หายไปไหน แต่ของอยู่ที่แฟนของเค้า ผู้จัดการก้อแนะนำให้แฟนโทรถามเราว่าเราได้เอาพระลงจากรถไปบ้างมั้ย แฟนเราก้อโทรมาถามเราตามที่ผู้จัดการเล่าให้ฟัง เราก้อบอกไปว่าแล้วเราจะเอาพระลงจากรถมาทำไม หลังจากนั้นเราก้อให้แฟนเราลองเปิดกล้องที่อยู่หน้ารถดูว่าเผื่อจะเห็นอะไร แฟนก้อเปิดดูแล้วบอกว่ามันเห็นแต่ข้างหน้ารถแล้วเค้าเปิดกระโปรงรถไว้ เลยไม่เห็นอะไรเลย จากนั้นแฟนก้อขอผู้จัดการดูกล้องวงจรปิดภายในศูนย์ ผู้จัดการแจ้งว่ากล้องวงจรปิดตรงนี้เสีย ดูได้แค่ภายในห้องดูแลลูกค้าเท่านั้น เรางงมากเลยว่าศูนย์ใหญ่ขนาดนี้กล้องเสียมันไม่คิดจะซ่อมกันเลยหรอ ตามที่ผู้จัดการพูดเหมือนว่าทุกคนก้อรู้อยู่แล้วด้วยว่ากล้องวงจรปิดเสียและน่าจะเสียมานานแล้วด้วย มันเลยทำให้เราคิดว่าอย่างนี้ก้อเหมือนพวกเค้ารู้เห็นเป็นใจกันทั้งผู้จัดการและลูกน้อง แถมผู้จัดการยังรับประกันด้วยว่าลูกน้องของเค้าไม่ได้มีนิสัยขี้ขโมยแน่นอน แฟนเราเลยถามไปว่าแล้วทำไมพระถึงไม่ได้วางอยู่ในที่เดิม ผู้จัดการแจ้งว่าเวลาซ่อมรถของเราตามอาการที่แจ้งไว้ตอนแรกจะต้องเอาของที่อยู่ตรงคอนโซลหน้ารถออกทั้งหมด เพื่อเปิดคอนโซล โดยจะเอาพระทั้งหมดมากองไว้ที่เบาะนั่งของคนขับรถแทน เมื่อทำเสร็จแล้วก้อเอาของทั้งหมดมาวางไว้ที่เดิม แฟนเราเลยให้ผู้จัดลองเปิดคอนโซลแบบที่เล่าให้ฟังนี้อีกครั้ง เผื่อพระจะตกลงไปข้างในนั้นมั้ย พนักงานก้อช่วยกันเปิดรื้อดูทั้งหมด ก้อไม่เจออะไร คราวนี้แฟนเราก้อเลยขอดูที่เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้ดูดฝุ่นรถของศูนย์ เผื่อดูดฝุ่นแล้วพระจะเข้าไปอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น พอพนักงานไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นให้ดู แฟนเราดูแล้วก้อบอกว่าปากของเครื่องดูดฝุ่นมันเล็กมากเล็กจนคิดว่าพระไม่น่าจะเข้าไปในเครื่องดูดฝุ่นนั้นได้ ต่อมาผู้จัดการคนเดิมก้อขอถอดเบาะรถตรงคนขับและคนนั่งข้างออก เผื่อพระจะตกลงไปใต้เบาะหรือซอกตรงที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ แฟนก้อให้ถอดตามนั้น แต่ก้อไม่เจอพระแต่อย่างใด จนแฟนเราเห็นว่าไม่มีทีท่าว่าจะคืบหน้าอะไรเลย มาถึงศูนย์ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนบ่ายแล้วยังไม่ได้ความอะไรเลย เลยโทรแจ้งตำรวจสายสืบที่เรารู้จัก รอสักพักตำรวจก้อมา ตำรวจมาถึงก้อขอสอบสวนเองในห้องที่ศูนย์รถนี้เลย โดยไม่ได้ให้แฟนเราเข้าไปในห้องด้วยนะ สอบสวนกันไปประมาณชั่วโมงกว่าๆได้ ตำรวจออกมากระซิบแฟนเราว่าให้เราทำใจเหอะ เพราะผู้จัดการดูลักษณะเข้าข้างลูกน้องมาก ก่อนหน้าที่ตำรวจมาถึงใหม่ๆตำรวจได้ถามกับผู้จัดการต่อหน้าแฟนเราว่าคุณผู้จัดการได้มีโทรแจ้งลูกค้าบ้างมั้ยว่าลูกค้าลืมของมีค่าเอาไว้ในรถ ผู้จัดการรีบเอาใบตอนเราส่งรถที่มีลายเซ็นต์แฟนเราเซ็นต์รับทราบว่าให้นำของมีค่าลงจากรถมาให้ตำรวจดู ตำรวจเลยบอกว่าไม่ใช่ใบนี้ครับ ผมไม่ได้ต้องการดูเอกสารนี้ ผมก้อขับรถยี่ห้อนี้มานานเหมือนกันและเคยนำรถเข้าศูนย์และผมก้อเคยเซ็นต์เอกสารใบนี้มาก่อน ตำรวจย้ำอีกครั้งว่าผู้จัดการได้โทรแจ้งลูกค้าบ้างมั้ยว่าเจอของมีค่าบนรถของลูกค้า ผู้จัดการเงียบตอบไม่ได้ ยืนอึ้งกับคำถามของตำรวจและตอบว่าไม่ได้แจ้งครับ ตำรวจบอกว่าเหมือนพนักงานรู้เห็นเป็นใจกันทั้งศูนย์เลยนะ สรุปตำรวจให้เราไปแจ้งความที่โรงพักต่อ แฟนเราก้อไปแจ้งความที่ สน. และลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน จนถึงวันนี้เรายังไม่ได้ความคืบหน้าอะไรทั้งสิ้นเลย
สรุปเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ แค่อยากจะแชร์ให้ทุกคนระวังเอาไว้ และเตือนใจไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก ถามว่าเรารู้มั้ยว่าเอาของไว้ในรถแล้วจะหาย เราก้อรู้และก้อเคยอ่านเรื่องของคนอื่นมาบ้างแล้ว ของคนอื่นส่วนใหญ่ทิ้งเหรียญไว้ในรถยังหายเลย แต่กรณีของเราเอารถเข้าศูนย์นี้มาก้อนานและก่อนหน้านี้ที่เอารถเข้าศูนย์ก้อมีพระอยู่ในรถแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ได้โทษศูนย์นะทั้งหมดมันอยู่ที่นิสัยของคนว่าเราเอารถเข้าไปซ่อมในแต่ละครั้งจะเจอกับพนักงานแบบไหนแค่นั้นเอง แต่เรามั่นใจว่าพระของเราหายที่ศูนย์นี้แน่นอนและเราก้อจับมือใครดมไม่ได้ เราตีมูลค่าของพระไม่ได้หรอกนะ มันเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจ เราแค่อยากได้ของๆเราคืน ไม่ได้ต้องการสิทธิพิเศษอะไรจากศูนย์ แค่หวังว่าให้ศูนย์ช่วยดำเนินเรื่องต่อ และได้ของคืนเท่านั้นเอง หากใครมีคำแนะนำดีๆรบกวนแนะนำเราด้วยนะคะ
ปล.ขออภัยถ้าพิมพ์ไม่ถูกต้องหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจเพราะเพิ่งขึ้นกระทู้เป็นครั้งแรกนะคะ
เอารถเข้าศูนย์แล้วพระหาย!! **อยากแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์และไม่อยากให้เกิดกับใครอีก**
สรุปเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ แค่อยากจะแชร์ให้ทุกคนระวังเอาไว้ และเตือนใจไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก ถามว่าเรารู้มั้ยว่าเอาของไว้ในรถแล้วจะหาย เราก้อรู้และก้อเคยอ่านเรื่องของคนอื่นมาบ้างแล้ว ของคนอื่นส่วนใหญ่ทิ้งเหรียญไว้ในรถยังหายเลย แต่กรณีของเราเอารถเข้าศูนย์นี้มาก้อนานและก่อนหน้านี้ที่เอารถเข้าศูนย์ก้อมีพระอยู่ในรถแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ได้โทษศูนย์นะทั้งหมดมันอยู่ที่นิสัยของคนว่าเราเอารถเข้าไปซ่อมในแต่ละครั้งจะเจอกับพนักงานแบบไหนแค่นั้นเอง แต่เรามั่นใจว่าพระของเราหายที่ศูนย์นี้แน่นอนและเราก้อจับมือใครดมไม่ได้ เราตีมูลค่าของพระไม่ได้หรอกนะ มันเป็นของที่มีคุณค่าทางจิตใจ เราแค่อยากได้ของๆเราคืน ไม่ได้ต้องการสิทธิพิเศษอะไรจากศูนย์ แค่หวังว่าให้ศูนย์ช่วยดำเนินเรื่องต่อ และได้ของคืนเท่านั้นเอง หากใครมีคำแนะนำดีๆรบกวนแนะนำเราด้วยนะคะ
ปล.ขออภัยถ้าพิมพ์ไม่ถูกต้องหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจเพราะเพิ่งขึ้นกระทู้เป็นครั้งแรกนะคะ