ผมไม่เคยตั้งกระทู้ เกี่ยวกับฟุตบอลมาก่อนเลยไม่ว่าจะบอลไทย หรือบอลนอก แต่ครั้งนี้ขอตั้งกระทู้เกี่ยวกับบอลไทยซักครั้งนึง ขอเล่าอดีตก่อน เมื่อครั้งตอนเรียนหนังสืออยู่ ม.ปลาย ประมาณเกือบ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมชอบดูบอลไทย ติดตามบอลไทยเป็นอย่างมาก ทุกวันตอนกลางคืน ต้องมาฟัง FM99 สปอตเรดิโอ ช่วง 3-4 ทุ่ม จะมีคุณโยธิน เป็นคนดีเจ คอยคุยเรื่องบอลไทยตลอดเวลา และก็ติดตามทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งช่วงนั้นก็จะเป็นช่วงยุคดรีมทีมเฟื่องฟู ใครๆ ก็รู้จัก ซิโก้ ตะวัน ดุสิต นที กฤษดา เป็นชุดที่ประสบความสำเร็จในอาเซียน แต่ยุคนั้นก็ มีข้อด้อยตรงเรื่องความฟิตของร่างกาย และขนาดของร่างกาย ที่เป็นอุปสรรคของการเล่นฟุตบอล พอเวลาผ่านไป 60 - 70 นาที ทีมชาติไทย จะยุบ อย่างเห็นได้ชัด หมดแรง วิ่งไม่ไหว เริ่มทำฟาวล์หนักๆ เพราะเราไม่ฟิตพอ ขนาดรวมตัวกันฝึกซ้อมตลอด ก็ยังยุบให้เห็นๆ แต่ก็ยังตามเชียร์เสมอ
แต่พอมายุคหลังดรีมทีม ซึ่งทีมชาติไทยฟอร์มยิ่งออกทะเลไปไหนต่อไหน เรื่องฟิตไม่ได้ เรื่องนอกเกมส์ก็มีให้เห็นบ่อยๆ จนทำให้ผมต้องเชียร์อย่างห่างแบบไม่ห่วง เพราะแทบจะไม่สนใจอีกเลย เบื่อกับคำว่าบอลไทยไปมวยโลกบ้าง เตะบอลหรือเตะคน เหมือนที่หลายๆ ท่านบอก เจอการ์ต้าทีไร มีมวยตลอด บอกได้คำเดียวว่า เอื่อมระอา เป็นอย่างมาก ที่ไม่สนใจไม่ใช่เรื่องผลแพ้ ชนะ แต่เรื่องน้ำใจนักกีฬาและระเบียบวินัย ต่างหาก นี่ล่ะสำคัญมาก
พอมาถึงยุคทีมชาติไทยปัจจุบัน เมื่อเรามีลีคที่แข็งแรงขึ้น เรื่องความฟิต ซึ่งเกิดมาทั้งชีวิต ไม่เคยเห็นทีมชาติไทย วิ่งได้ 90 นาที ไม่มียุบ ยิ่งช่วงท้ายๆ หลายๆ ทีมวิ่งกันไม่ไหวแล้ว เริ่มเตะคนบ้าง อะไรบ้าง แต่ทีมชาติไทย ก็ยังฟิตอยู่เลย ตรงนี้น่ายกย่องเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันนักฟุตบอลของเราก็ ตัวหนาขึ้น เมื่อก่อนจะเห็นมีแต่หุ่นแห้งๆ แต่เดียวนี้ มีการเล่นเวทเทรนนิ่งเข้ามาเสริม ทำให้เราดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก ซึ่งพอมองย้อนกลับไปเมื่อก่อน จะถึงตอนนี้ เราได้กลับมาอยู่ตรงที่เดิมที่เราเคยอยู่ เจ้าอาเซียน แต่ที่เปลี่ยนไปคือ ทัศนคติกาารเล่นฟุตบอล มีระเบียบวินัยกันมาก ไม่มีชื่อเสียงที่เสียหายหรือหลงระเริงไปกับคำว่านักฟุตบอลอาชีพ ความฟิตที่สามารถวิ่งได้ 90 นาที มีน้ำใจนักกีฬา ใบเหลือง ใบแดงมีให้เห็นน้อยมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา
นี่ล่ะ สิ่งที่ผมเคยดูทีมชาติไทยอยู่ห่างๆ แบบไม่ห่วงเลย เพราะไม่อยากสนใจ แต่ ณ ปัจจุบัน ผมก็ตามเชียร์ ติดตามอยู่ตลอดเวลา ด่าบ้าง โมโหบ้าง ดีใจบ้าง "แต่เชื่อเถอะทุกคนทำเต็มที่ และพวกเขาไม่เคยยอมแพ้ " หรอก เราในฐานะกองเชียร์ เราก็ควรให้กำลังใจนักฟุตบอลที่เล่นอย่างมีน้ำใจนักกีฬา วิ่ง 90 นาทีไม่มีหมด ได้เห็นแค่นี้ผมก็ปลื้มใจแล้ว ต่อจากนี้ไปต่อให้ได้ 0 แต้มจากฟุตบอลโลกรอบ 3 นี้ ผมก็ยังจะเชียร์ เพราะสิ่งที่ผมคาดหวังมาตลอด ได้เกิดขึ้นกับนักฟุตบอลยุคนี้แล้ว
ขอบคุณครับ
ผมเคยเลิกติดตามทีมชาติไทยไปนานกว่า 15 ปี จนมาถึงน้องๆ ทีมชาติยุคปัจจุบันทำให้ผมกลับมาติดตามทีมชาติไทยอีกครั้ง
แต่พอมายุคหลังดรีมทีม ซึ่งทีมชาติไทยฟอร์มยิ่งออกทะเลไปไหนต่อไหน เรื่องฟิตไม่ได้ เรื่องนอกเกมส์ก็มีให้เห็นบ่อยๆ จนทำให้ผมต้องเชียร์อย่างห่างแบบไม่ห่วง เพราะแทบจะไม่สนใจอีกเลย เบื่อกับคำว่าบอลไทยไปมวยโลกบ้าง เตะบอลหรือเตะคน เหมือนที่หลายๆ ท่านบอก เจอการ์ต้าทีไร มีมวยตลอด บอกได้คำเดียวว่า เอื่อมระอา เป็นอย่างมาก ที่ไม่สนใจไม่ใช่เรื่องผลแพ้ ชนะ แต่เรื่องน้ำใจนักกีฬาและระเบียบวินัย ต่างหาก นี่ล่ะสำคัญมาก
พอมาถึงยุคทีมชาติไทยปัจจุบัน เมื่อเรามีลีคที่แข็งแรงขึ้น เรื่องความฟิต ซึ่งเกิดมาทั้งชีวิต ไม่เคยเห็นทีมชาติไทย วิ่งได้ 90 นาที ไม่มียุบ ยิ่งช่วงท้ายๆ หลายๆ ทีมวิ่งกันไม่ไหวแล้ว เริ่มเตะคนบ้าง อะไรบ้าง แต่ทีมชาติไทย ก็ยังฟิตอยู่เลย ตรงนี้น่ายกย่องเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันนักฟุตบอลของเราก็ ตัวหนาขึ้น เมื่อก่อนจะเห็นมีแต่หุ่นแห้งๆ แต่เดียวนี้ มีการเล่นเวทเทรนนิ่งเข้ามาเสริม ทำให้เราดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก ซึ่งพอมองย้อนกลับไปเมื่อก่อน จะถึงตอนนี้ เราได้กลับมาอยู่ตรงที่เดิมที่เราเคยอยู่ เจ้าอาเซียน แต่ที่เปลี่ยนไปคือ ทัศนคติกาารเล่นฟุตบอล มีระเบียบวินัยกันมาก ไม่มีชื่อเสียงที่เสียหายหรือหลงระเริงไปกับคำว่านักฟุตบอลอาชีพ ความฟิตที่สามารถวิ่งได้ 90 นาที มีน้ำใจนักกีฬา ใบเหลือง ใบแดงมีให้เห็นน้อยมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนา
นี่ล่ะ สิ่งที่ผมเคยดูทีมชาติไทยอยู่ห่างๆ แบบไม่ห่วงเลย เพราะไม่อยากสนใจ แต่ ณ ปัจจุบัน ผมก็ตามเชียร์ ติดตามอยู่ตลอดเวลา ด่าบ้าง โมโหบ้าง ดีใจบ้าง "แต่เชื่อเถอะทุกคนทำเต็มที่ และพวกเขาไม่เคยยอมแพ้ " หรอก เราในฐานะกองเชียร์ เราก็ควรให้กำลังใจนักฟุตบอลที่เล่นอย่างมีน้ำใจนักกีฬา วิ่ง 90 นาทีไม่มีหมด ได้เห็นแค่นี้ผมก็ปลื้มใจแล้ว ต่อจากนี้ไปต่อให้ได้ 0 แต้มจากฟุตบอลโลกรอบ 3 นี้ ผมก็ยังจะเชียร์ เพราะสิ่งที่ผมคาดหวังมาตลอด ได้เกิดขึ้นกับนักฟุตบอลยุคนี้แล้ว
ขอบคุณครับ