แชร์ประสบการณ์ยื่นวิซ่า Schengen ประเทศฝรั่งเศส แบบกล้าๆกลัวๆ งงๆ เบลอๆ

ผมเป็นหนึ่งในคนนึงที่ไปเห็นราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ Paris โดยสายการบิน Qatar แล้วมือสั่นใจสั่น พอมามือนิ่งอีกทีนึงก็จ่ายเงินไปแล้วห้าหมื่นกว่าบาทสำหรับการเดินทางไปกลับสำหรับผู้ใหญ่สามคนรวมถึงผมด้วย แต่ปัญหานั้นก็คือผมซื้อตั๋วไปตั้งแต่มกราคมแต่เดือนที่ผมจะเดินทางก็คือตุลาคมที่จะถึงนี้ ใช่ครับซื้อตั๋วล่วงหน้า 10 เดือนเลยทีเดียว ทำให้ตอนนั้นยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะขอวิซ่า Schengen ผ่านไหม

ด้วยความที่ตื่นเต้น ทำให้ผมรีบศึกษาข้อมูลว่าต้องยื่นเอกสารอะไรบ้าง และต้องยื่นเมื่อไร ก็ทราบมาว่าต้องยื่นเรื่อง Schengen ประมาณสามเดือนล่วงหน้า ดังนั้นผมจึงนับวันเอาเลยว่าตั้งแต่ที่เราจะเดินทางนั้นนับล่วงหน้าไปอีก 90 วันมันคือวันที่เท่าไร ก็ลงทะเบียนตั้งแต่วันนั้นพอวันถัดไปก็โทรไปจองเวลากับที่ TLS Contact เลย ใช้เวลาประมาณเดือนนึงกว่าจะได้คิวนัดของผมที่สถานฑูตฝรั่งเศสซึ่งมันก็ยังพอมีเวลา ระหว่างนั้นผมก็เริ่มเตรียมเอกสารไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนังสือรับรองงาน, หนังสือรับรองจากทางธนาคาร, สลิปเงินเดือน, ตั๋วเครื่องบิน, ใบฟอร์มขอวิซ่า Schengen, รูปถ่าย หนึ่งอาทิตย์ก็ได้มาครบ

แต่วันที่ผมตื่นเต้นนั้นคือวันก่อนที่ผมจะต้องไปยื่นเรื่องที่สถานทูต ผมดันไปอ่านข้อมูลไปเยอะเกินไปเพราะว่าผมไปอ่านรายละเอียดของพวกทัวร์ต่างๆเขาบอกมาว่าหนังสือรับรองงานนั้นต้องมีอายุไม่เกินหนึ่งเดือน ของผมมันเกินมาสองวัน นั้นก็คือวันที่ผมไปยื่นเรื่องคือ 15 สิงหาคม และหนังสือรับรองงานมันออกมาเป็นวันที่ 13 กรกฏาคม ในใจผมตอนนั้นมันกระวุ้นกระวายเพราะว่ากว่าจะขอเอกสารมาจาก HR มันนานเหลือเกิน แถมผมก็ไม่ค่อยถูกกับเขาด้วย ถ้าจะต้องไปขอใหม่ เขาให้จะได้เร็วแค่ไหน แต่ที่ผมกลัวจริงๆก็คือ ช่วงกรกฏาคมที่ผ่านมานั้นเป็นช่วง Sales ของที่ยุโรป เอาสิครับ ใจสั่นมือสั่นอีกครั้ง ซื้อโน้นนี่นั่น พอมารู้ตัวเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ไปแล้วกว่าแสนบาท ดังนั้นถ้าผมไม่ผ่านของพวกนั้นก็อด ทำให้ต้องเสียตังค์ไปกว่าแสนบาท ตอนนี้เข้าใจถึงความหมายว่า COLD SWEAT มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ในใจคิดว่านี่ยังไม่ได้ไปถึงทวีปเขาเลย คิดยังไงซื้อไปอย่างนั้น แต่ก็มานั่งคิดว่า โอ้เราก็ประหยัดตังค์ไปเยอะนะ เหอะๆ และไม่เท่านั้น passport เล่มเก่าก็ไม่มีให้ เพราะว่าหาไม่เจอ ดังนั้น passport เล่มล่าสุดนั้นจะมีแต่ที่ผมเดินทางไปเฉพาะแค่ญี่ปุ่น, สิงคโปร์และฮ่องกงเท่านั้น แต่ในใจก็คิดว่า เอาไงเอากัน

พอวันที่ต้องไปยื่นคนที่สถานทูต ผมก็ได้ไปเจอเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงท่านนึงใจดีมาก ดูน่านับถือมากๆ เราไหว้เขาก็รับไหว้ครับ ผมก็ยื่นๆเอกสาร มีการตรวจเช็คเอกสารตามปกติ แต่พอถึงหน้าหนังสือใบรับรองงานเขากลับหยุดอ่านแบบขะมักเขม้น แล้วก็ถามคำถามเราว่าบริษัทเราเป็นบริษัททำเกี่ยวกับอะไร เราก็ตอบๆไปอธิบายซะยาวเลย เหมือนเป็น Sales กำลังขายของให้กับลูกค้าเลย เหอะๆ หลังจากนั้นก็ scan นิ้วมือจ่ายตังค์แล้วก็เสร็จ กลับบ้าน ทางพนักงานบอกว่าให้มารับ passport กลับวันจันทร์ที่ 22 ตอนบ่ายสอง

วันอาทิตย์ที่ 21 ใจเราก็ตุ้มๆต่ำๆ กลัวว่าจะไม่ได้ ถึงกับขั้นนอนไม่หลับ ไม่ใช่อะไรหรอก แต่กลัวว่าเงินแสนที่จะเสียไปจะเป็นศูนย์ และอีกอย่างคือ เรายังไม่ได้บอกพ่อแม่เลยว่าเราจ่ายไปเท่าไรแล้ว สำหรับค่า shopping ไม่งั้นมีนัดรับฟังธรรมมะจากพวกเท่าแบบจัดเต็มแน่ๆ

พอวันจันทร์ที่ 22 ช่วงบ่ายๆ จิตใจเราก็วุ่นวาย จนกระทั้งแม่เราโทรมาบอกว่า เราได้ Visa มาหนึ่งปี พร้อมกับ Multi แบบ 90 วัน ตอนนั้นดีใจมากๆ ต้องแอบไปห้องเปล่าปิดประตูแล้วร้องออกมาดังๆ เพื่อปลดปล่อยความดีใจที่ตอนนั้นมันท่วมท้นมากๆ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราจะได้เป็นเจ้าของสำหรับของที่เรา shop ไปแบบกระหน่ำช่วง soldes!!!!

อยากแชร์แค่นี้แหละครับ    

สวัสดีครับทุกท่าน!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่