***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................

MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะ

วันนี้ในอดีต เป็นวันที่ภูเขาไฟระเบิดเกิดลาวาถล่มเมืองปอมเปอี ไปย้อนเหตุการณ์กันค่ะ
ปอมเปอี (Pompeii) ประเทศอิตาลี โศกนาฏกรรมแห่งเมืองภูเขาไฟ ความรุ่งเรืองที่ล่มสลายลงในชั่วพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงซาก
เมืองปอมเปอีตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เมืองท่าแห่งนี้คือทำเลทองที่เอื้อต่อการทำการค้าและการเกษตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุจากลาวาภูเขาไฟ ทำให้สามารถปลูกต้นองุ่นและมะกอกได้ดี
มีการประมาณว่าเมืองปอมเปอีนั้นมีประชากรอาศัยอยู่ราว 10,000-20,000 คน และยังถือเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวโรมัน โดยผู้ที่มีฐานะร่ำรวยนิยมสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่นี่ เพื่อเข้ามาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน
ส่วนประกอบต่าง ๆ ของปอมเปอีนั้นก็ไม่ต่างจากเมืองอื่นในอาณาจักรโรมันเท่าใดนัก ด้านหนึ่งของเมืองจะมีฟอรั่ม (Forum) ไว้ใช้ในการพบปะสังสรรค์ของชาวเมือง โดยในบริเวณใกล้กันจะมีวิหาร ของเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ เช่น เทพเจ้าวีนัส (Venus), จูปิเตอร์ (Jupiter) และอพอลโล (Apollo) ตั้งอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีท่อส่งน้ำเข้ามายังใจกลางเมือง ไว้ใช้สำหรับที่อาบน้ำสาธารณะและน้ำพุอีกด้วย
นอกจากนี้ ชาวเมืองปอมเปอียังชื่นชอบความบันเทิงเริงใจ โดยพวกเขาได้สร้างอัฒจรรย์ขนาดใหญ่ความจุถึง 20,000 ที่นั่งไว้สำหรับชมกลาดิเอเตอร์ รวมถึงโรงละครอีกหลายแห่ง เอาไว้ใช้สำหรับพิธีฉลองทางศาสนาหรือการแสดงคอนเสิร์ตต่าง ๆ
ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 79 ภูเขาไฟวิสุเวียส ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 5 ไมล์ได้เกิดระเบิดขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ในทุกวินาทีเถ้าถ่านและหินลาวามากกว่า 1.5 ล้านตันรวมถึงก๊าซพิษอีกจำนวนมาก ได้ปะทุออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟอย่างต่อเนื่อง โดยเศษเถ้าถ่านอาจลอยขึ้นสูงถึง 20 ไมล์เหนือปากปล่องภูเขาไฟ ปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิท ชนิดที่ว่าแม้แต่แสงอาทิตย์ยังส่องลงมาไม่ถึง และเมื่อเศษเถ้าถ่านและหินลาวาเย็นขึ้นเกิดการแข็งตัว ทำให้พวกมันพุ่งตกลงสู่พื้นดินด้วยความเร็วสูง
โชคร้ายที่กระแสลมในวันนั้น ได้พัดพาเอาก๊าซพิษมายังเมืองปอมเปอีพอดี ทำให้ชาวเมืองต้องทนสูดดมก๊าซพิษ ในขณะเดียวกันหินลาวาก็เริ่มตกลงสู่พื้นดินมากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวเมืองต่างพยายามเอาชีวิตรอด บางคนเริ่มเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ทางเลือกแห่งแสงสว่างเห็นจะเป็นการหนีออกจากที่นั่นให้ไวที่สุด แต่ก็หนีไม่พ้นอันตรายจากหินภูเขาไฟที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ทำให้คนเหล่านั้นเสียชีวิตจากการถูกหินตกใส่หัว ในขณะที่บางคนเลือกที่จะอยู่ภายในบ้านของตัวเองเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด
การระเบิดดำเนินต่อไปอีกหลายวัน ชาวเมืองที่เลือกอยู่ในบ้านเริ่มขาดอากาศหายใจ เนื่องจากหินและเถ้าถ่านภูเขาไฟตกลงมาทับถมบริเวณบ้านจนมิด มากเสียจนทำให้หลังคาบ้านพังถล่มลงมา ทำให้คนที่ติดอยู่ภายในถูกฝังและเสียชีวิตลงด้วยความทรมาน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีคนเสียชีวิตไปกว่า 16,000 คน โชคร้ายที่คนเหล่านั้นต่างต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ตำนานของพวกเขาสาบสูญไปพร้อมกับความยิ่งใหญ่ของปอมเปอี ที่ถูกฝังกลบภายใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟเป็นเวลาหลายร้อยปีนับจากนั้น
เมืองอันสาบสูญแห่งนี้ถูกค้นพบขึ้นอีกครั้งในอีกปี 1599 ในระหว่างการขุดอุโมงค์ใต้ดิน คณะผู้ค้นพบได้ขุดเจอกำแพงที่เต็มได้ด้วยภาพวาดและจารึกมากมาย แต่แล้วการสำรวจก็ได้หยุดชะงักไป และเริ่มขึ้นอีกครั้งในปี 1748 ต่อเนื่องเรื่อยมา เผยให้เห็นโฉมหน้าความรุ่งเรืองและอารยธรรมอันศิวิไลซ์ของปอมเปอี
โดยการค้นพบครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นในปี 1863 เมื่อ กูวเซปเป้ ฟิโอเรลลี่ (Giuseppe Fiorelli) ได้ค้นพบชิ้นส่วนของชาวปอมเปอีที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งชิ้นส่วนดังกล่าวได้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาจนเหลือแต่โพรงภายใต้ขี้เถ้าภูเขาไฟ ทางคณะผู้สำรวจจึงเจาะรูเล็ก ๆ แล้วหยอดปูนปาสเตอร์ลงไป เมื่อปูนแห้งก็ได้ออกมาเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่เสียชีวิตในอิริยาบถต่าง ๆ ทำให้รู้ว่าพวกเขากำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่ในช่วงวินาทีสุดท้ายของชึวิต โดยบางคนอยู่ในท่าทางคล้ายกับกำลังสวดมนต์ เพื่อขอให้พระเจ้าคุ้มครองในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
และด้วยความมหัศจรรย์ของปอมเปอี ทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 1997 นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของประเทศอิตาลี ที่มีผู้มาเยือนมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี และเชื่อว่าหลังจากการออกฉายของหนังเรื่องนี้ น่าจะทำให้ใครหลายคนอยากไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของตำนานอันสาบสูญสักครั้งในชีวิต
Cr.
http://hilight.kapook.com/view/98380
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 24/8/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
วันนี้ในอดีต เป็นวันที่ภูเขาไฟระเบิดเกิดลาวาถล่มเมืองปอมเปอี ไปย้อนเหตุการณ์กันค่ะ
ปอมเปอี (Pompeii) ประเทศอิตาลี โศกนาฏกรรมแห่งเมืองภูเขาไฟ ความรุ่งเรืองที่ล่มสลายลงในชั่วพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงซาก
เมืองปอมเปอีตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เมืองท่าแห่งนี้คือทำเลทองที่เอื้อต่อการทำการค้าและการเกษตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุจากลาวาภูเขาไฟ ทำให้สามารถปลูกต้นองุ่นและมะกอกได้ดี
มีการประมาณว่าเมืองปอมเปอีนั้นมีประชากรอาศัยอยู่ราว 10,000-20,000 คน และยังถือเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวโรมัน โดยผู้ที่มีฐานะร่ำรวยนิยมสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่นี่ เพื่อเข้ามาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน
ส่วนประกอบต่าง ๆ ของปอมเปอีนั้นก็ไม่ต่างจากเมืองอื่นในอาณาจักรโรมันเท่าใดนัก ด้านหนึ่งของเมืองจะมีฟอรั่ม (Forum) ไว้ใช้ในการพบปะสังสรรค์ของชาวเมือง โดยในบริเวณใกล้กันจะมีวิหาร ของเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ เช่น เทพเจ้าวีนัส (Venus), จูปิเตอร์ (Jupiter) และอพอลโล (Apollo) ตั้งอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีท่อส่งน้ำเข้ามายังใจกลางเมือง ไว้ใช้สำหรับที่อาบน้ำสาธารณะและน้ำพุอีกด้วย
นอกจากนี้ ชาวเมืองปอมเปอียังชื่นชอบความบันเทิงเริงใจ โดยพวกเขาได้สร้างอัฒจรรย์ขนาดใหญ่ความจุถึง 20,000 ที่นั่งไว้สำหรับชมกลาดิเอเตอร์ รวมถึงโรงละครอีกหลายแห่ง เอาไว้ใช้สำหรับพิธีฉลองทางศาสนาหรือการแสดงคอนเสิร์ตต่าง ๆ
ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 79 ภูเขาไฟวิสุเวียส ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 5 ไมล์ได้เกิดระเบิดขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ในทุกวินาทีเถ้าถ่านและหินลาวามากกว่า 1.5 ล้านตันรวมถึงก๊าซพิษอีกจำนวนมาก ได้ปะทุออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟอย่างต่อเนื่อง โดยเศษเถ้าถ่านอาจลอยขึ้นสูงถึง 20 ไมล์เหนือปากปล่องภูเขาไฟ ปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิท ชนิดที่ว่าแม้แต่แสงอาทิตย์ยังส่องลงมาไม่ถึง และเมื่อเศษเถ้าถ่านและหินลาวาเย็นขึ้นเกิดการแข็งตัว ทำให้พวกมันพุ่งตกลงสู่พื้นดินด้วยความเร็วสูง
โชคร้ายที่กระแสลมในวันนั้น ได้พัดพาเอาก๊าซพิษมายังเมืองปอมเปอีพอดี ทำให้ชาวเมืองต้องทนสูดดมก๊าซพิษ ในขณะเดียวกันหินลาวาก็เริ่มตกลงสู่พื้นดินมากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวเมืองต่างพยายามเอาชีวิตรอด บางคนเริ่มเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ทางเลือกแห่งแสงสว่างเห็นจะเป็นการหนีออกจากที่นั่นให้ไวที่สุด แต่ก็หนีไม่พ้นอันตรายจากหินภูเขาไฟที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ทำให้คนเหล่านั้นเสียชีวิตจากการถูกหินตกใส่หัว ในขณะที่บางคนเลือกที่จะอยู่ภายในบ้านของตัวเองเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด
การระเบิดดำเนินต่อไปอีกหลายวัน ชาวเมืองที่เลือกอยู่ในบ้านเริ่มขาดอากาศหายใจ เนื่องจากหินและเถ้าถ่านภูเขาไฟตกลงมาทับถมบริเวณบ้านจนมิด มากเสียจนทำให้หลังคาบ้านพังถล่มลงมา ทำให้คนที่ติดอยู่ภายในถูกฝังและเสียชีวิตลงด้วยความทรมาน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีคนเสียชีวิตไปกว่า 16,000 คน โชคร้ายที่คนเหล่านั้นต่างต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ตำนานของพวกเขาสาบสูญไปพร้อมกับความยิ่งใหญ่ของปอมเปอี ที่ถูกฝังกลบภายใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟเป็นเวลาหลายร้อยปีนับจากนั้น
เมืองอันสาบสูญแห่งนี้ถูกค้นพบขึ้นอีกครั้งในอีกปี 1599 ในระหว่างการขุดอุโมงค์ใต้ดิน คณะผู้ค้นพบได้ขุดเจอกำแพงที่เต็มได้ด้วยภาพวาดและจารึกมากมาย แต่แล้วการสำรวจก็ได้หยุดชะงักไป และเริ่มขึ้นอีกครั้งในปี 1748 ต่อเนื่องเรื่อยมา เผยให้เห็นโฉมหน้าความรุ่งเรืองและอารยธรรมอันศิวิไลซ์ของปอมเปอี
โดยการค้นพบครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นในปี 1863 เมื่อ กูวเซปเป้ ฟิโอเรลลี่ (Giuseppe Fiorelli) ได้ค้นพบชิ้นส่วนของชาวปอมเปอีที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งชิ้นส่วนดังกล่าวได้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาจนเหลือแต่โพรงภายใต้ขี้เถ้าภูเขาไฟ ทางคณะผู้สำรวจจึงเจาะรูเล็ก ๆ แล้วหยอดปูนปาสเตอร์ลงไป เมื่อปูนแห้งก็ได้ออกมาเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่เสียชีวิตในอิริยาบถต่าง ๆ ทำให้รู้ว่าพวกเขากำลังทำกิจกรรมอะไรอยู่ในช่วงวินาทีสุดท้ายของชึวิต โดยบางคนอยู่ในท่าทางคล้ายกับกำลังสวดมนต์ เพื่อขอให้พระเจ้าคุ้มครองในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
และด้วยความมหัศจรรย์ของปอมเปอี ทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี 1997 นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของประเทศอิตาลี ที่มีผู้มาเยือนมากกว่า 2 ล้านคนต่อปี และเชื่อว่าหลังจากการออกฉายของหนังเรื่องนี้ น่าจะทำให้ใครหลายคนอยากไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของตำนานอันสาบสูญสักครั้งในชีวิต
Cr.
http://hilight.kapook.com/view/98380
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น