สวัสดีคะ วันนี้เราจะมาแบ่งปันบทความที่เราได้อ่านมา คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างสำหรับใครที่อยากจะมีความใกล้ชิดกับคนรอบตัวมากขึ้น เนื้อหาเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น ที่เหลือคือตัวเราล้วนๆ อยู่ที่เราเท่านั้นคะ!!
แหล่งข้อมูล
http://www.positivelypresent.com/2009/04/are-you-open-.html
วิธีปลดล็อคตัวคุณเองให้เป็นคนเปิดเผยมากขึ้น
คุณเป็นคนเปิดเผยขนาดไหน ฉันบอกตามตรง ฉันไม่ใช่คนเปิดเผยขนาดนั้นหรอก ถ้าฉันเป็นประตู ฉันคงจะถูกล็อคเกือบตลอดเวลาเลยละ สำหรับเหตุผลที่หลากหลายนั้น(ฉันจะไม่เจาะลึกที่นี่หรอกเพราะว่าฉันค่อนข้างแน่ใจว่าคุณคงไม่มีเวลาทั้งวันที่จะอ่านมันแน่) ฉันทำตัวน่าสงสัยและไม่ไว้ใจคนอื่น เพราะการขาดความเชื่อใจ ฉันป้องกันตัวเองจากทุกอย่าง ฉันหมกมุ่นอยู่กับการปกป้องงานเขียนของฉัน เพราะฉันลังเลใจที่จะให้ใครต่อใครมาใช้คอมของฉัน ฉันจะหรี่ตามองและตอบกลับไปว่า ทำไม! ทำเพื่ออะไร! เมื่อฉันสามารถให้ยืมคอมของฉันได้ ฉันรู้ว่าทั้งหมดนี่แหละคือปัญหา
การเป็นคนประเภทที่ปิดกั้นตัวเองในด้านของความรู้สึกและภาษากาย(คุณควรจะเห็นได้ภาษากายของฉัน!) มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย ความจริงแล้วมันจำกัดตัวตนของฉัน มันขัดขวางฉันจากความสัมพันธ์อะไรก็ตามและกีดกันฉันจากการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ความจริงแล้วฉันไม่ค่อยจะเปิดใจ ไม่เคยเลยสักนิดเดียวสำหรับใครก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่ไม่ทำให้ฉันเป็นสุขเลย ด้วยเหตุผลนั้น ฉันได้ใช้เวลาในบางครั้งที่จะคิดหาทางที่จะเป็นคนที่เปิดเผยกับคนอื่นมากขึ้น อย่างการเป็นคนคิดบวกซึ่งไม่ง่ายเลยสำหรับฉัน มันเป็นบางอย่างที่ฉันควรจะทำในทุกๆวัน แต่ฉันคิดว่าการสรุปเคล็ดลับออกมาอย่างคร่าวๆมันสามารถช่วยฉันได้จริงๆ
ไม่ว่าประตู(ความเชื่อใจ)ของคุณจะเปิดกว้างหรือปิดสนิทอยู่แล้วหรือไม่ พวกเราทั้งหมดมีเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตที่เราจะเปิดกว้างน้อยลงหรือมากขึ้นอยู่แล้ว ขณะที่คุณอาจจะไม่บอกรายละเอียดของตัวคุณแต่ละคนที่คุณพบ มันไม่จำเป็นที่คุณจะต้องปิดกั้นตัวเองตลอด นี่คือแนวคิดที่ฉันพบในเรื่องของวิธีที่จะเปิดกว้างมากขึ้น:
1. เรียนรู้สิ่งใหม่ สำหรับฉันแล้วอันนี้เป็นเหมือนกุญแจ(สำคัญ)เลยละ ยิ่งฉันเรียนรู้มากเท่าไหร่ ฉันก็จะอ่านมากขึ้น และฉันก็ยิ่งรู้มากขึ้น ยิ่งฉันรู้มากขึ้น ฉันยิ่งเหมือนจะสามารถเข้าถึงบางคนได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่าฉันมักจะสนใจการเรียนรู้สิ่งใหม่และรักในการอ่าน เป็นสิ่งที่ค่อนข้างง่ายที่จะทำลองดู ถึงอย่างไรถ้าคุณไม่ได้หลงใหลการเรียนรู้แบบฉัน คุณสามารถลองดูข่าวสารและทันเหตุการณ์ตลอดเวลา ถ้าคุณรู้จักสิ่งต่างๆคุณจะมีความสัมพันธ์ที่มากขึ้น
2. สังเกตสัญญาณของภาษากาย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ปกติแล้วฉันมักจะมีท่าทางปิดกั้นตัวเองเสมอ อย่างกอดอก ไขว้ขา การวางท่าที่ทำมุมห่างเหินจากคนที่ฉันกำลังคุยด้วย ฉันมักมองไปรอบๆบ่อยมากเมื่อกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะฉันไม่สบายใจหรือถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากความคิดของฉันเอง ฉันไม่ยิ้มบ่อยเท่าที่ควรเท่าไหร่ การยิ้มและการใช้ภาษากายที่เปิดกว้างจะทำให้คุณดูมีลักษณะที่เปิดกว้างมากขึ้น ดังนั้นฉันวางแผนว่าจะฝึกมันบ่อยๆเลยละ
3. ฟังคนอื่นอย่างตั้งอกตั้งใจ อย่างที่ฉันได้กล่าวไปข้างต้น ฉันมีแนวโน้มที่จะถูกเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อพูดถึงการติดต่อกับคนอื่น ฉันอาจจะกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันอยากจะพูดต่อหรืออะไรก็ตาม อีกอย่างหนึ่ง มันไม่ได้ช่วยให้ฉันเปิดกว้างกับคนอื่นเลย มันทำให้ฉันจดจ่ออยู่กับตัวฉันเอง ข้างในตัวฉัน และหยุดฉันจากการติดต่อกับคนอื่น ถ้าฉันฝึกตัวเองให้ฟังคนอื่นได้ดีขึ้น ฉันจะสามารถมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ใกล้ชิดขึ้น ฉันอาจจะแปลกใจโดยสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อฉันเปิดใจให้กับคำพูดของคนอื่นแทนที่จะติดอยู่ในหัวของฉันเอง
4. ถามคำถามอย่างจริงใจ เมื่อคุณกำลังติดต่อสื่อสารกับใครสักคน มันง่ายที่จะถามคำถามอย่าง “วันนี้เป็นไงบ้าง” แต่มันยากกว่าเมื่อถามว่า “คุณมีความคิดอย่างไรกับศาสนา” การเป็นคนเปิดเผยและติดต่อกับคนอื่นหมายถึงการเข้าใจพวกเขาได้ลึกซึ้งมากขึ้น การถามคำถามที่จริงใจไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสื่อสารกับคนอื่นได้เท่านั้น แต่การคิดและแบ่งปันคำตอบของคุณยังสามารถให้คุณสื่อสารกับตัวคุณเองได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณถูกถามกลับ จงเปิดใจ และจริงใจ
5. ต่อต้านความกลัว ความจริงคือ ฉันค่อนข้างกลัวการสื่อสารกับคนอื่นจริงๆ ฉันกลัวว่าถ้าฉันให้พวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริง พวกเข้าจะตัดสินและไม่ชอบมันเลย ฉันแน่ใจในระดับหนึ่งว่าพวกเรารู้สึกแบบนี้กันมาบ้างและความกลัวมันขัดขวางเราจากการเป็นคนเปิดกว้าง ถ้าคุณไม่แบ่งปันเรื่องราวบางส่วนของตัวคุณเองให้โลกรู้ คุณจะไม่ได้เป็นคนเปิดกว้างอย่างแท้จริง ดังนั้นจงผลักความกลัวออกไปและอย่ากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นอาจคิดหรือพูดหรือทำเกี่ยวกับตัวคุณ เป็นตัวคุณเองและคุณจะแปลกใจว่าผู้คนยอมรับในตัวคุณมากแค่ไหน
6. หาทางในการสื่อสาร การหาทางสื่อสารกับคนอื่นมีความเชื่อมโยงกับข้อแรก ถ้าคุณใช้เวลาเพื่อจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกนี้ และเกี่ยวกับมุมมองของผู้คนต่อโลกใบนี้ คุณจะมีโอกาสในการสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น อย่ากลัวที่จะแบ่งปันสิ่งที่คุณรู้หรือนำหัวข้อแปลกๆมาพูดคุย คุณจะแปลกใจว่าคุณมีสิ่งที่เหมือนกันกับคนอื่นมากแค่ไหน
7. อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟังทีเดียว การอยู่กับปัจจุบันหมายถึงหาโอกาสที่จะอยู่ในปัจจุบันเพื่อที่จะสื่อสารกับคนอื่นๆ อย่าคิดถึงสิ่งที่คุณควรจะทำภายหลัง อย่างกังวลไปเลยกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้เสร็จในวันนั้น จงอยู่ในตอนนี้ มันยากที่จะเปิดเผยตัวตนเมื่อคุณคิดถึงอะไรอย่างอื่น ใจของคุณปิดการสื่อสารกับสิ่งใหม่ๆเมื่อคุณนึกถึงอดีตหรืออนาคต จงอยู่ตรงนั้น ช่วงเวลานั้น และคุณจะประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดใจซึ่งเป็นสื่อสารติดต่อที่น่าสนใจกับคนอื่น
8. ละเว้นจากการตัดสิน(คนอื่น) อย่างที่ฉันมักหวาดกลัวจากความเป็นไปได้ที่คนอื่นจะตัดสินฉัน ดังนั้นมันจึงเป็นทุกๆคนรอบตัวฉัน(ที่จะตัดสินฉัน) พวกเราทุกคนเป็นกันหมดที่เป็นกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนอื่น ฉันเป็นคนที่เชื่อมั่นสุดๆในแนวคิด “คุณได้ในสิ่งที่คุณให้” ถ้าคุณตัดสินคนอื่น คุณจะถูกตัดสินด้วยเช่นกัน ถ้าคุณตัดสินคนอื่น คุณก็กำลังนิยามถึงคนๆนั้นอยู่ เหมือนคุณกำลังใส่พวกเขาไปในกล่อง ขณะที่การทำสิ่งนี้มันสะดวก มันมักจะพรากโอกาสทองของคุณไป การตัดสินคนอื่นไม่ใช่วิถีทางเพื่อไปสู่ความเปิดกว้างดังนั้นอย่าทำมันละ
9. ทำตัวให้มีความเจาะจงเท่าที่คุณทำได้ เมื่อคุณกำลังพูดคุยกับคนอื่นนั้น ขอให้ทำตัวเจาะจงขึ้น เมื่อบางคนถามคุณว่า “เป็นยังไงบ้าง?” อย่าตอบด้วย “สบายดี คุณละ?” ขอให้เปิดเผยมากกว่านั้น ให้รายละเอียดเล็กน้อยกับเขา หาตัวอย่างประกอบ แบ่งปันเรื่องราว ทุกคนจะรู้สึกว่ามีความใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น (คุณอาจจะแบ่งปันเรื่องราวของพวกเขาด้วยก็ได้) ถ้าคุณเปิดเผยกับพวกเขา อย่ากลัวเรื่องรายละเอียดของเรื่องราว พวกเขาจะไม่ใช้มันเพื่อเล่นงานคุณหรอก (เมื่อเป็นอย่างนั้น ใจฉันก็บอกว่ากำลังบอกความหวาดระแวงให้ถอยไปซะ!)
10. ใช้เวลาสักหน่อย การเป็นคนเปิดเผยกับคนอื่นนั้นใช้เวลาแน่นอน เมื่อคุณเป็นคนเปิดเผยกับคนอื่นก่อน พวกเขาอาจจะเงอะงะหรือทำอะไรผิดพลาดอย่างมากเพราะกำลังพยายามคิดให้ออกว่าคุณอยากจะพูดอะไรหรือพูดอย่างไร มันไม่ง่ายสำหรับทุกคนหรอกที่จะเปิดเผยและมันอาจจะใช้การพูดคุยค่อนข้างเยอะ(หรือการพูดคุยหลายๆครั้ง) ที่จะเริ่มใกล้ชิดกับบางคนในระดับความสัมพันธ์ที่เปิดเผย ขอให้อดทนกับตัวเองสักหน่อย ทุกๆครั้งที่คุณเปิดเผยกับบางคน ประตู(ความเชื่อใจ)ก็เปิดเพิ่มขึ้นทีละนิด
วิธีปลดล็อคตัวคุณเองให้เป็นคนเปิดเผยมากขึ้น
แหล่งข้อมูล http://www.positivelypresent.com/2009/04/are-you-open-.html
วิธีปลดล็อคตัวคุณเองให้เป็นคนเปิดเผยมากขึ้น
คุณเป็นคนเปิดเผยขนาดไหน ฉันบอกตามตรง ฉันไม่ใช่คนเปิดเผยขนาดนั้นหรอก ถ้าฉันเป็นประตู ฉันคงจะถูกล็อคเกือบตลอดเวลาเลยละ สำหรับเหตุผลที่หลากหลายนั้น(ฉันจะไม่เจาะลึกที่นี่หรอกเพราะว่าฉันค่อนข้างแน่ใจว่าคุณคงไม่มีเวลาทั้งวันที่จะอ่านมันแน่) ฉันทำตัวน่าสงสัยและไม่ไว้ใจคนอื่น เพราะการขาดความเชื่อใจ ฉันป้องกันตัวเองจากทุกอย่าง ฉันหมกมุ่นอยู่กับการปกป้องงานเขียนของฉัน เพราะฉันลังเลใจที่จะให้ใครต่อใครมาใช้คอมของฉัน ฉันจะหรี่ตามองและตอบกลับไปว่า ทำไม! ทำเพื่ออะไร! เมื่อฉันสามารถให้ยืมคอมของฉันได้ ฉันรู้ว่าทั้งหมดนี่แหละคือปัญหา
การเป็นคนประเภทที่ปิดกั้นตัวเองในด้านของความรู้สึกและภาษากาย(คุณควรจะเห็นได้ภาษากายของฉัน!) มันไม่ดีต่อสุขภาพเลย ความจริงแล้วมันจำกัดตัวตนของฉัน มันขัดขวางฉันจากความสัมพันธ์อะไรก็ตามและกีดกันฉันจากการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ความจริงแล้วฉันไม่ค่อยจะเปิดใจ ไม่เคยเลยสักนิดเดียวสำหรับใครก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่ไม่ทำให้ฉันเป็นสุขเลย ด้วยเหตุผลนั้น ฉันได้ใช้เวลาในบางครั้งที่จะคิดหาทางที่จะเป็นคนที่เปิดเผยกับคนอื่นมากขึ้น อย่างการเป็นคนคิดบวกซึ่งไม่ง่ายเลยสำหรับฉัน มันเป็นบางอย่างที่ฉันควรจะทำในทุกๆวัน แต่ฉันคิดว่าการสรุปเคล็ดลับออกมาอย่างคร่าวๆมันสามารถช่วยฉันได้จริงๆ
ไม่ว่าประตู(ความเชื่อใจ)ของคุณจะเปิดกว้างหรือปิดสนิทอยู่แล้วหรือไม่ พวกเราทั้งหมดมีเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตที่เราจะเปิดกว้างน้อยลงหรือมากขึ้นอยู่แล้ว ขณะที่คุณอาจจะไม่บอกรายละเอียดของตัวคุณแต่ละคนที่คุณพบ มันไม่จำเป็นที่คุณจะต้องปิดกั้นตัวเองตลอด นี่คือแนวคิดที่ฉันพบในเรื่องของวิธีที่จะเปิดกว้างมากขึ้น:
1. เรียนรู้สิ่งใหม่ สำหรับฉันแล้วอันนี้เป็นเหมือนกุญแจ(สำคัญ)เลยละ ยิ่งฉันเรียนรู้มากเท่าไหร่ ฉันก็จะอ่านมากขึ้น และฉันก็ยิ่งรู้มากขึ้น ยิ่งฉันรู้มากขึ้น ฉันยิ่งเหมือนจะสามารถเข้าถึงบางคนได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่าฉันมักจะสนใจการเรียนรู้สิ่งใหม่และรักในการอ่าน เป็นสิ่งที่ค่อนข้างง่ายที่จะทำลองดู ถึงอย่างไรถ้าคุณไม่ได้หลงใหลการเรียนรู้แบบฉัน คุณสามารถลองดูข่าวสารและทันเหตุการณ์ตลอดเวลา ถ้าคุณรู้จักสิ่งต่างๆคุณจะมีความสัมพันธ์ที่มากขึ้น
2. สังเกตสัญญาณของภาษากาย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ปกติแล้วฉันมักจะมีท่าทางปิดกั้นตัวเองเสมอ อย่างกอดอก ไขว้ขา การวางท่าที่ทำมุมห่างเหินจากคนที่ฉันกำลังคุยด้วย ฉันมักมองไปรอบๆบ่อยมากเมื่อกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะฉันไม่สบายใจหรือถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากความคิดของฉันเอง ฉันไม่ยิ้มบ่อยเท่าที่ควรเท่าไหร่ การยิ้มและการใช้ภาษากายที่เปิดกว้างจะทำให้คุณดูมีลักษณะที่เปิดกว้างมากขึ้น ดังนั้นฉันวางแผนว่าจะฝึกมันบ่อยๆเลยละ
3. ฟังคนอื่นอย่างตั้งอกตั้งใจ อย่างที่ฉันได้กล่าวไปข้างต้น ฉันมีแนวโน้มที่จะถูกเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อพูดถึงการติดต่อกับคนอื่น ฉันอาจจะกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันอยากจะพูดต่อหรืออะไรก็ตาม อีกอย่างหนึ่ง มันไม่ได้ช่วยให้ฉันเปิดกว้างกับคนอื่นเลย มันทำให้ฉันจดจ่ออยู่กับตัวฉันเอง ข้างในตัวฉัน และหยุดฉันจากการติดต่อกับคนอื่น ถ้าฉันฝึกตัวเองให้ฟังคนอื่นได้ดีขึ้น ฉันจะสามารถมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ใกล้ชิดขึ้น ฉันอาจจะแปลกใจโดยสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อฉันเปิดใจให้กับคำพูดของคนอื่นแทนที่จะติดอยู่ในหัวของฉันเอง
4. ถามคำถามอย่างจริงใจ เมื่อคุณกำลังติดต่อสื่อสารกับใครสักคน มันง่ายที่จะถามคำถามอย่าง “วันนี้เป็นไงบ้าง” แต่มันยากกว่าเมื่อถามว่า “คุณมีความคิดอย่างไรกับศาสนา” การเป็นคนเปิดเผยและติดต่อกับคนอื่นหมายถึงการเข้าใจพวกเขาได้ลึกซึ้งมากขึ้น การถามคำถามที่จริงใจไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสื่อสารกับคนอื่นได้เท่านั้น แต่การคิดและแบ่งปันคำตอบของคุณยังสามารถให้คุณสื่อสารกับตัวคุณเองได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณถูกถามกลับ จงเปิดใจ และจริงใจ
5. ต่อต้านความกลัว ความจริงคือ ฉันค่อนข้างกลัวการสื่อสารกับคนอื่นจริงๆ ฉันกลัวว่าถ้าฉันให้พวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริง พวกเข้าจะตัดสินและไม่ชอบมันเลย ฉันแน่ใจในระดับหนึ่งว่าพวกเรารู้สึกแบบนี้กันมาบ้างและความกลัวมันขัดขวางเราจากการเป็นคนเปิดกว้าง ถ้าคุณไม่แบ่งปันเรื่องราวบางส่วนของตัวคุณเองให้โลกรู้ คุณจะไม่ได้เป็นคนเปิดกว้างอย่างแท้จริง ดังนั้นจงผลักความกลัวออกไปและอย่ากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นอาจคิดหรือพูดหรือทำเกี่ยวกับตัวคุณ เป็นตัวคุณเองและคุณจะแปลกใจว่าผู้คนยอมรับในตัวคุณมากแค่ไหน
6. หาทางในการสื่อสาร การหาทางสื่อสารกับคนอื่นมีความเชื่อมโยงกับข้อแรก ถ้าคุณใช้เวลาเพื่อจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกนี้ และเกี่ยวกับมุมมองของผู้คนต่อโลกใบนี้ คุณจะมีโอกาสในการสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น อย่ากลัวที่จะแบ่งปันสิ่งที่คุณรู้หรือนำหัวข้อแปลกๆมาพูดคุย คุณจะแปลกใจว่าคุณมีสิ่งที่เหมือนกันกับคนอื่นมากแค่ไหน
7. อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟังทีเดียว การอยู่กับปัจจุบันหมายถึงหาโอกาสที่จะอยู่ในปัจจุบันเพื่อที่จะสื่อสารกับคนอื่นๆ อย่าคิดถึงสิ่งที่คุณควรจะทำภายหลัง อย่างกังวลไปเลยกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้เสร็จในวันนั้น จงอยู่ในตอนนี้ มันยากที่จะเปิดเผยตัวตนเมื่อคุณคิดถึงอะไรอย่างอื่น ใจของคุณปิดการสื่อสารกับสิ่งใหม่ๆเมื่อคุณนึกถึงอดีตหรืออนาคต จงอยู่ตรงนั้น ช่วงเวลานั้น และคุณจะประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดใจซึ่งเป็นสื่อสารติดต่อที่น่าสนใจกับคนอื่น
8. ละเว้นจากการตัดสิน(คนอื่น) อย่างที่ฉันมักหวาดกลัวจากความเป็นไปได้ที่คนอื่นจะตัดสินฉัน ดังนั้นมันจึงเป็นทุกๆคนรอบตัวฉัน(ที่จะตัดสินฉัน) พวกเราทุกคนเป็นกันหมดที่เป็นกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนอื่น ฉันเป็นคนที่เชื่อมั่นสุดๆในแนวคิด “คุณได้ในสิ่งที่คุณให้” ถ้าคุณตัดสินคนอื่น คุณจะถูกตัดสินด้วยเช่นกัน ถ้าคุณตัดสินคนอื่น คุณก็กำลังนิยามถึงคนๆนั้นอยู่ เหมือนคุณกำลังใส่พวกเขาไปในกล่อง ขณะที่การทำสิ่งนี้มันสะดวก มันมักจะพรากโอกาสทองของคุณไป การตัดสินคนอื่นไม่ใช่วิถีทางเพื่อไปสู่ความเปิดกว้างดังนั้นอย่าทำมันละ
9. ทำตัวให้มีความเจาะจงเท่าที่คุณทำได้ เมื่อคุณกำลังพูดคุยกับคนอื่นนั้น ขอให้ทำตัวเจาะจงขึ้น เมื่อบางคนถามคุณว่า “เป็นยังไงบ้าง?” อย่าตอบด้วย “สบายดี คุณละ?” ขอให้เปิดเผยมากกว่านั้น ให้รายละเอียดเล็กน้อยกับเขา หาตัวอย่างประกอบ แบ่งปันเรื่องราว ทุกคนจะรู้สึกว่ามีความใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น (คุณอาจจะแบ่งปันเรื่องราวของพวกเขาด้วยก็ได้) ถ้าคุณเปิดเผยกับพวกเขา อย่ากลัวเรื่องรายละเอียดของเรื่องราว พวกเขาจะไม่ใช้มันเพื่อเล่นงานคุณหรอก (เมื่อเป็นอย่างนั้น ใจฉันก็บอกว่ากำลังบอกความหวาดระแวงให้ถอยไปซะ!)
10. ใช้เวลาสักหน่อย การเป็นคนเปิดเผยกับคนอื่นนั้นใช้เวลาแน่นอน เมื่อคุณเป็นคนเปิดเผยกับคนอื่นก่อน พวกเขาอาจจะเงอะงะหรือทำอะไรผิดพลาดอย่างมากเพราะกำลังพยายามคิดให้ออกว่าคุณอยากจะพูดอะไรหรือพูดอย่างไร มันไม่ง่ายสำหรับทุกคนหรอกที่จะเปิดเผยและมันอาจจะใช้การพูดคุยค่อนข้างเยอะ(หรือการพูดคุยหลายๆครั้ง) ที่จะเริ่มใกล้ชิดกับบางคนในระดับความสัมพันธ์ที่เปิดเผย ขอให้อดทนกับตัวเองสักหน่อย ทุกๆครั้งที่คุณเปิดเผยกับบางคน ประตู(ความเชื่อใจ)ก็เปิดเพิ่มขึ้นทีละนิด