[เตือนภัย] โดนร้านค้าใน Kaidee ปั่นหัว นัดรับสินค้าแต่ไม่มาเอา และทำกิริยาแย่มากใส่

เป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเราสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาเลยค่ะ ขออนุญาตเล่าเหตุการณ์โดยละเอียด เพื่อจะได้เข้าใจเรา และความหงุดหงิดที่เราต้องเผชิญให้มากขึ้นนะคะ

ประมาณวันที่ 25 กรกฎาคม (วันนี้ของเดือนที่แล้ว) เราได้โพสต์ขายกางเกงไว้ 3 ตัว ได้แก่ John Henry, Jessica และ mareno (ตามภาพ)
ปัจจุบันโพสต์ไม่มีแล้วนะคะ เพราะประกาศได้หมดอายุแล้ว และด้วยเหตุผลเรื่อง contact ที่เราโพสต์เอาไว้ค่ะ แต่สินค้ายังมีอยู่ ยืนยันตัวได้ว่าเป็นเรา



ด้วยความที่เราตั้งขายมาเดือนนึงแล้วอ่ะ ไม่มีใครมาติดต่อเลย เราก็เลยแบบ ใน kaidee นี่ มันขายเสื้อผ้าออกมั้ย (ก่อนหน้านี้เราขายเตารีด ไมโครเวฟ ออกไวมาก รุ่นพี่ขาย VR ก็ไม่กี่วันออก เลยสงสัยแบบนี้)
ด้วยความสงสัยนี้ เราเลยเข้าไปเช็กโพสต์ล่าสุด แล้วไล่ดูโพสต์ขายเสื้อผ้าผู้ชายค่ะ ว่ามีโพสต์ไหนที่มีคนสนใจเยอะบ้าง เพื่อที่จะถามเจ้าของโพสต์ว่า มีใครมาติดต่อซื้อบ้างมั้ย? อารมณ์แบบหาเพื่อนที่ขายไม่ออกด้วยกัน แต่ทำเนียนเป็นลูกค้าไปถามว่าแบบ ออกยังคะ? ไรแบบนี้

ในตอนแรกเราคิดว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาทค่ะ (อันนี้ยอมรับว่ามีส่วนผิดบ้าง)
แต่เราเคยขายของมาก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปีได้ ทั้งขายอุปกรณ์จักรยาน และข้าวของทั่วไป เวลามีลูกค้ามาถามแค่ว่า "สินค้าออกรึยัง?" เราจะตอบไปตามตรง ถ้าลูกค้านิ่ง เราก็จะทักไปถามแค่ว่า สนใจมั้ย หรือทิ้งการติดต่อไว้ให้ แค่นั้น ไม่มีอะไรเพิ่มเติมค่ะ เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจของลูกค้า ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินใจถามไป 2 ร้าน
(ยูส Kaidee เป็นยูสแฟนค่ะ เราเลยใช้ครับแทนการใช้ค่ะ ไม่งงเนอะ)





ทันทีที่เราถาม ทั้งสองร้านตอบกลับแทบจะในทันทีค่ะ เราก็แบบ ทำเป็นยังไม่เห็นละกัน เพราะแค่ถามข้อมูลเฉยๆ ตอนนั้นรู้สึกผิดมาก แต่เราคิดว่า ทั้งเราและเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก ก็เลยนิ่งค่ะ (รายละเอียดการติดต่อที่ร้านแรกส่งมาให้ เพิ่งส่งมาให้ทีหลังนะคะ เราเพิ่งมานั่งแคปเมื่อกี้)

จนเวลาผ่านไปสักพัก มีคนแอดไลน์เราเข้ามาค่ะ เราก็งงว่าเอ๊ะ ใคร? พอเปิดไลน์มาก็เจอพ่อค้าร้านที่ 2 ทักมาค่ะ



ด้วยความที่เราไม่เห็นข้อความ pop-up เห็นแต่ว่าใครก็ไม่รู้ส่งรูปภาพมา เป็นการเผลอกดเข้าไปอ่านแบบไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เราเลยส่งสติกเกอร์ดีใจไป พร้อมตอบไปว่า "ขออนุญาตถามแฟนก่อน" เพราะสมัยขายของจัดๆ เราโดนคำพูดนี้พูดใส่ประจำค่ะ (แต่ก็ไม่ได้อะไรนะ ส่วนใหญ่ก็ติดต่อมาอีกรอบ อีกส่วนก็ไม่อะไรมา เข้าใจว่าแฟนไม่ชอบ 555)

แต่ดันโดนพ่อค้าตอบกลับแบบนี้
(เรื่องเวลาตั้งแต่ 17.00 เป็นต้นไป จะมีรายละเอียดด้านล่างนะคะ อ่านแค่ที่เราอธิบายไปก่อน)



เราก็ตกใจอ่ะ แต่ไม่ได้อะไร แค่หันไปนินทากับแฟนว่า เฮ้ย เดี๋ยวนี้พวกพ่อค้าแม่ค้าหัวรุนแรง ใจร้อนเยอะเนอะ ถึงใจนึงเราจะเข้าใจว่าช่วงนี้ขายของไม่ออก คู่แข่งเยอะ แต่ไม่จำเป็นต้องพิมพ์วาจาแบบนี้มาใส่เลยค่ะ มันไม่ได้ดูหยาบคาย แต่ถ้าเราเป็นลูกค้า เราก็เสียความรู้สึกมากเหมือนกัน แต่ก็พยายามตอบดีๆ เล่นๆ ไปนะ ว่ายังค่าา ไม่ได้สวนกลับอะไร

แต่ตอนนั้นก็เอะใจขึ้นมาแบบ เอ๊ะ แล้วพ่อค้าเอาไลน์เรามาจากไหน? ก็นึกขึ้นได้ว่า เราก็โพสต์ขายกางเกงไว้นี่นา ทิ้งทั้งไลน์และเบอร์โทรให้ลูกค้าติดต่อมา ตอนนั้นก็สองจิตสองใจว่าแบบ พ่อค้าคนนี้เขาเอาใจใส่ลูกค้า หรือรุกรานลูกค้าเนี่ยยย (เพราะพ่อค้าอีกคนแค่ทิ้งไลน์ ให้เราตัดสินใจว่าจะเอาของเขามั้ย)

ด้วยความที่เราทิ้งการติดต่อไว้เนี่ยแหละค่ะ ทำให้เราเจอเรื่องที่ทำให้เลวร้ายสำหรับเรามาก

วันถัดมา ช่วงเวลาบ่าย 2 โมง มีเบอร์ปริศนาโทรเข้ามา และบทสนทนาตามนี้ค่ะ (ใต้ภาพ)



(เอาเป็นเท่าที่เราจำได้นะคะ แต่มันจำได้หมด เพราะฝังหัวมาก)
*รับรองว่าการสนทนาเป็นความจริงทุกอย่างค่ะ*

ปลายสาย : (เสียงผู้ชายออกแนวเกย์หน่อย) สวัสดีครับ กางเกง John Henry ยังอยู่มั้ย?
เรา : ยังอยู่ค่ะ
ปลายสาย : แล้วอีกตัวล่ะ? ไอตัวที่ขาสั้นๆ...
เรา : (แย่งพูด) ตัว haas ใช่มั้ยคะ? ยังอยู่ค่ะ อยู่ครบค่ะ ทั้ง John Henry ทั้ง Haas เลย

[ลืมเล่าค่ะ นอกจากที่เราโพสต์ขายใน Kaidee แล้ว เราโพสต์ขายตามกลุ่มด้วย โดยโพสต์แค่สองตัวคือ John Henry กับ Haas ในราคาเหมา 2 ตัว 800 (ก่อนหน้านี้เคยขายแยกตัวละ 800 กับ 600 มั้ง แล้วลดมาเรื่อยๆ จนเหลือสองตัวพันสอง และสองตัวแปดร้อยก็ยังไม่ออกค่ะ)

ภาพอ้างอิง โพสต์ สองตัวพันสองลบไปแล้วค่ะ เพราะต้องการไม่ให้ลูกค้าในกลุ่มเกิดความสับสนว่าจะขายราคาเท่าไหร่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้]

ปลายสาย : (เงียบไปนิดนึง) อ๋อใช่ ตัวนั้นแหละ ตัวที่สีเข้มๆ หน่อยนั่นน่ะ สองตัว 1,100 ใช่มั้ย?
เรา : (แอบงง? เราลบโพสต์ราคาสองตัวพันไปแล้ว และไม่เคยตั้งขายสองตัวพันสอง แต่ก็เออออตามน้ำไป เพราะดีใจที่ขายออก)
ปลายสาย : เอางี้ พี่ขอลดเป็นสองตัวพันนึงได้มั้ย?
เรา : ได้ค่ะพี่ ได้เลย สะดวกแบบไหนค่ะ ส่งหรือนัดรับ
ปลายสาย : นัดรับได้มั้ย? พี่อยู่เซนทรัลลาดพร้าว น้องมาหาพี่ได้มั้ย

ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 เราทำงานค้างไว้ในคอม แถมมีนัดดูหอตอน 6 โมง ถ้าไปกลับคงไม่ทันแน่ เลยพูดกับปลายสายว่า

เรา : เอ่อ พี่สะดวกมาครึ่งทางมั้ยคะ?
ปลายสาย : ไม่ได้เลย พี่ต้องทำงานที่เซนทรัลลาดพร้าวตลอด ถ้าน้องมาไม่ได้พี่ก็ไม่ซื้อ

เจอคำว่า ไปไม่ได้ก็ไม่ซื้อ เราจุกค่ะ ด้วยความที่นิสัยเรายอมคน กับอยู่ในฐานะคนขายด้วย เลยยอมไป

เรา : โอเคค่ะพี่ งั้นหนูไปเซนทรัลลาดพร้าว พี่สะดวกรับวันไหนคะ วันนี้เลยมั้ย?
ปลายสาย : ใช่ค่ะ วันนี้
เรา : เอ่อ.. พี่คะ สะดวกเป็นวันอื่นมั้ย คือหนูติดงานด้วย แล้วก็มีนัดดูหอตอน 6 โมงด้วย ไปกลับคงไม่ทัน
ปลายสาย : ไม่ได้ค่ะน้อง วันนี้คือวันนี้ ช่วงเย็นของวันนี้เท่านั้น ถ้าไม่ได้พี่ไม่เอาค่ะ คือพี่เป็นคนพูดตรงๆ
เรา : ..
ปลายสาย : เอางี้ น้องออกมาเลยละกัน พี่ไปรับตอนกี่โมงก็ได้ แต่ขอก่อนหัวค่ำ ถ้าน้องออกตอนนี้เลยน้องจะได้ไปดูหอตอน 6 โมงทันด้วย โอเคมั้ย?
เรา : (ช่วงนี้เรายื่นโทรศัพท์ไปไกลๆ เพื่อคุยกับแฟนค่ะ ว่าจะเอายังไง สรุปว่าแฟนโอเค) โอเคค่ะพี่ งั้นเดี๋ยวหนูออกเลยละกัน
ปลายสาย : โอเคค่ะ ถึงเซนทรัลลาดพร้าวแล้วโทรมานะ หรือจะมาที่ยูเนียนก็ได้ พี่เดินไปเอาเอง
เรา : พี่มีไลน์มั้ยคะ?
ปลายสาย : ไม่มีจ้ะ พี่ไม่เล่น ถึงแล้วโทรมาอย่างเดียวเลย เดี๋ยวพี่รอรับ

บทสนทนาเป็นอันเสร็จสิ้นค่ะ ตอนนั้นเราดีใจมาก ของออกสักที รีบกลับห้องไปกินข้าวอาบน้ำเพื่อรีบไปส่งของค่ะ
แต่จังหวะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ แฟนเราทักเราว่า ไอ้ร้านแอดไลน์เรามาแล้วพูดไม่ค่อยดีกับเราโทรมาแกล้งรึเปล่า? เราก็บอกว่า ไม่น่าใช่ค่ะ เพราะเบอร์กับสถานที่มันคนละอย่างกันเลย สถานที่ใน kaidee อ้างว่าอยู่พญาไท ไม่น่าจะนัดรับเซนลาดได้
ด้วยความที่แฟนไม่ค่อยสบายใจ เราเลยโทรหาทางนั้นเพื่อยืนยันอีกทีค่ะ ว่าจะเอาของแน่นอน

...แต่ โทรไม่รับค่ะ
ตอนนั้นเราก็แบบ เอาแล้วไง โดนจริงหรอ? แค่ทักไปถาม ทางพ่อค้าไม่ได้เสียหายอะไรเลย ต้องแกล้งงี้เลยหรอ ไร้สาระไปมั้ง
แต่พอสายที่ 3 เขาก็รับค่ะ แต่นานมากกว่าจะรับ



เนื้อหาการสนทนาไม่มีอะไรมากค่ะ เราแค่แจ้งไปว่า เรากำลังเดินทางไปเซนทรัลลาดพร้าว ทางนั้นก็โอเค แล้วก็บอกกับเราว่า ถึงแล้วให้โทรมา แล้วฝ่ายนั้นก็รีบวางค่ะ เอะใจนิดนึงว่าทำไมรีบวางจัง แต่ก็คิดว่าคงเป็นพ่อค้าติดขายของมั้ง เพราะเห็นบอกว่าไปไหนไม่ได้นอกจากบริเวณเซนลาด - ยูเนียน

ด้วยความที่เราเกรงใจลูกค้า และเกรงใจตัวเองด้วย กลัวทำงานไม่ทัน 55555 เราเลยรีบเหมารถจากปากซอยรามไปทะลุเส้นลาดพร้าว แล้วนั่งรถเมล์เพื่อไปเซนทรัลลาดพร้าวค่ะ ระหว่างนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรเลย เพราะกลัวจะเป็นการเร่งลูกค้าจนเกินไป

เราถึงเซนทรัลลาดพร้าวเวลา 5 โมงตรงพอดี ตอนแรกเราไปยืนโทรหาลูกค้าตรงสะพานเชื่อมยูเนียน - เซนลาดค่ะ
...แต่ลูกค้าไม่รับสักสาย



ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย แถมต้องปวดหัวที่ลูกค้าไม่รับอีก แฟนเราก็เริ่มไซโคเราแล้วว่า เฮ้ย ร้านที่เราทักไปนั่นแหละ มันแกล้งให้เรามาเก้อ เราก็ยังเถียงนะ ว่าเขาคงไม่ไร้สาระขนาดมาให้เรามาข้างนอกขนาดนี้มั้ง เพราะทางนั้นไม่ได้เสียหายอะไรเลย
เราเริ่มเหนื่อย เลยเดินลงไปนั่งที่สวนด้านล่างค่ะ เพื่อนั่งโทรจริงจังไปเลย ก็นั่งตรงป้ายรถเมล์อ่ะ แล้วโทร



พอผ่านไป 15 นาที เราก็แบบ เริ่มมองหน้าแฟนละ โทร 15 นาทีไม่รับสักสาย มันไม่ใช่เรื่องเลยค่ะ เราคิดในแง่ดีว่าคงติดลูกค้ามั้ง ช่วงนั้นเลยส่งข้อความไปแจ้งว่า ถึงที่หมายแล้ว



(ระหว่างที่เราพิมพ์ข้อความหาคนที่ติดต่อซื้อกางเกง ในสวนมีคนไล่กระทืบกันค่ะ สิบกว่าคนรุมหนึ่ง แล้ววิ่งหนีมาทางเรา เราเลยเริ่มสติแตก เริ่มปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ จนเราเริ่มคิดว่า ทำไมเราต้องมานั่งร้อน นั่งรอใครก็ไม่รู้ แถมยังมีคนตีกันแถวนี้อีก เราทำบาปอะไรไว้ว้ว้!)
หลังส่งข้อความไป ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับค่ะ ตอนแรกเราโทรบ้าง พักบ้าง เผื่อมีเหตุการณ์โทรชน หรือเขาขายของอยู่ แต่ก็โทรอย่างต่อเนื่อง





จะสังเกตว่าเราไม่ได้โทรต่อเนื่องทุกนาที เพราะระหว่างนั้น เรามีเล่น Facebook แก้เครียดบ้าง หันไปมองตำรวจที่มาเคลียร์เรื่องคนโดนกระทืบบ้าง (สรุปเป็นคนพม่ามีปัญหากันค่ะ) แล้วเราก็ลองไลน์ไปหาพี่ที่ทำงาน ว่าให้ช่วยติดต่อเบอร์นี้ให้หน่อย ผลก็คือ..



แล้วเราก็คุยกับพี่ที่ทำงานว่า เอาไงต่อดีพี่? พี่เขาก็บอกเราว่า เราโดนโกงละ ให้รีบกลับ เสียเงินเสียเวลา คนมันจะซื้อมันมานานแล้ว ไม่ปล่อยให้เรารอหรอก

แต่เชื่อมั้ย เรานั่งรอต่อ 555555 คือเราคิดอย่างเดียวว่า เฮ้ยยย พ่อค้าติดลูกค้าแนวเรื่องมากมั้งงง แบบต้องตามติดตัวตลอด ไม่มีเวลาว่างคุยไรงี้

แต่พอโทรสายสุดท้าย (17.47) เราก็หมดความอดทน ขึ้นรถเมล์กลับหอค่ะ

ตอนนั้นสภาพเราคือ ไมเกรนขึ้นหัวข้างนึงแล้ว คิดไปคิดมาในหัวซ้ำๆ ว่าแบบ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้? ทำไมต้องทนร้อน ทนปวดหัว ต้องมาเจอกับคนไม่ดี ระหว่างนั่งรถเมล์ เราก็โทรไปอีกรอบนะคะ สัญญากับตัวเองว่า จะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เผื่อแบบ ลูกค้าที่ติดต่อมาติดงาน หรืออยู่ในช่วงพัก ไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว เลยโทรไป ผลคือ..



ตอนนั้นเราจะร้องไห้ ถึงมันไม่ได้สาหัสอะไร แต่การที่เราติดงานอยู่ มีนัดดูหอต่อ และอยู่ในช่วงช็อตเงิน เจออะไรแบบนี้มันท้อมาก เราแอบเอาเบอร์ที่ลูกค้าโทรมาไปเสิร์ชในไลน์ตอนนั้น ขึ้นว่า ไม่มีผู้ใช้งาน (ไม่ได้แคปเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะยาว) เราก็เลยแบบ เออ เบอร์ร้านมั้ง (ยังแง่ดีอยู่!!) กลับมาเราก็หายเครียดละ เดินไปดูหอ ไปนั่งทำงานต่อ ยืนยันจริงๆ ค่ะว่าไม่ได้คิดมากอะไรแล้ว

....แต่ มันดันมีเรื่องเข้ามาอีกจนเราทนไม่ได้ค่ะ
ขออนุญาตตัดไปที่คอมเมนท์นะคะ พอดีว่าจะเกิน 10,000 ตัวอักษรแล้ว

*ขอแท็กสยาม เพราะวัยรุ่นช็อปเสื้อผ้าผ่านเน็ตเยอะ และโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะสาวๆ ชอบช้อปปิ้งผ่านเน็ตค่ะ*

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่