รีวิวแรกในพันทิปค่ะ แต่แอบไปเขียนในบล็อคแล้ว
แม่บ้านคนนึงที่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์แค่หางจิ้งจก หัดทำไปเรื่อยๆ จนออกมาเป็นรูปเป็นร่างคร่าวๆ
เลยบังอาจเอาเรื่องราวที่ได้พบเจอมาบันทึกไว้โดยเขียนบอกเล่าจากประสบการณ์จริงที่ได้จาการไปโน่นมานี่อยู่บ่อยๆ
การไปเที่ยวต่างแดนบางทีมันก็น่าแค้นใจนะเพื่อนๆ เห็นสถานที่สวยๆ อยากหันไปแชร์กับคนข้างๆ เป็นภาษาต่างชาติก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะภาษาอังกฤษเรามัน สะเน็ก-สะเน็ก // ฟิช-ฟิช ได้แต่หันมาคุยกับคนในครอบครัว สวยอย่างโน้น งดงามอย่างนี้ เราว่า มันขาดอรรถรสในการท่องเที่ยวไปเยอะเลย
เลยเอามาเขียน มาแชร์เป็นภาษาไทย เผื่อใครเคยไปพบไปเห็นมา เราจะได้มาคุยกัน แบ่งปันประสบการณ์กันเป็นภาษาไทยจะได้เข้าใจแบบนัวๆ ไปโลดดด อรรถรส อาจจะเกิดตอนมีเพื่อนคุยนี่ล่ะ เก็บไว้คนเดียวมาหลายปีสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนเพราะทำงานและรีวิวไม่เป็นที่สำคัญไม่มีเวลา
ตอนนี้พอได้แล้วค่ะ ผิดพลาดเขียนไม่ดียังไงช่วยชี้แนะผู้รู้น้อยๆ ด้วยนะค๊าาาา
มีใครตกหลุมรักอินเดียใต้เหมือนเรามั่ง "บ้งกาลอร์" เสน่ห์มันเหลื่อร้ายจริงๆ
บังกาลอร์ (Bangalore) ชื่อใหม่ เบงคาลูรุ (Bangaluru) เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมด้าน IT และ Software ที่ใหญ๋ที่สุดและสร้างรายได้มากที่สุดให้อินเดีย เป็นเมืองเทคโนโลยีด้านการศึกษาและบังกาลอร์ยังเป็นเมืองที่ติดอันดับความสำคัญทางเศรฐกิจ1 ใน 5 ของอินเดีย อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีเพราะสูงจากระดับน้ำทะเล 914.4 เมตร วันที่ไป (12-14 สิงหาคม 2559) อากาศ ประมาณ 27-28 องศา สบ๊ายยย สบาย มิน่าคนเขาถึงสมองดี IT เป็นเลิศ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มไปทั้งเมือง
ไปน้อยวันพยายามเก็บความประทับใจให้มากที่สุด8

ถึงแล้วจ้าา อินเดียจ๋า เราเดินทางโดยสายการบิน #AirAsia ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เที่ยวบินจากกรุงเทพ-บังกาลอร์ มีวันละ 1 เที่ยวบิน กรุงเทพ - บังกาลอร์ เวลา 21:30 (FD 137)
บังกาลอร์ - กรุงเทพ เวลา 23:45 (FD 138)
เวลาที่อินเดียจะช้ากว่าไทยประมาณ 1:30 ชม.
พอถึงสนามบิน จะมีรถจากโรงแรมมารับถึงสนามบิน ซึ่งเราจองรถล่วงหน้าไว้แล้ว ราคาแล้วแต่รุ่นรถ ราคารถวันนั้น ประมาณ 2,000 บาท เนื่องจากไปอินเดียครั้งแรกไม่รู้บ้านเมืองเป็นยังไง เลยเอาสะดวกปลอดภัยไว้ก่อน ( เราใช้บริการรถโรงแรมทั้งไปและกลับมาสนามบิน เบ็ดเสร็จก็เกือบๆ 4,000)
BANGALORE PALACE
เป็นพระราชวังฤดูร้อนของสุลต่าน Tipu ซึ่งต้นแบบในการก่อสร้างมาจากพระราชวังวินเซอร์ในอังกฤษแต่เรายังไม่เคยไปอังกฤษ ยังไม่เคยเห็นพระราชวังวินเซอร์ แค่เห็นที่นี่ก็เรียกว่าวิจิตรงดงามมาก ที่นี่ อายุมากกว่า 100 ปีแล้ว เห็นครั้งแรกก็ตะลึงงึงงันไปกลับความงามที่แปลกตา ซึ่งเอกลักษณ์ของแต่ละที่ทำให้เรารับรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละวัฒนธรรม

B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
บริเวณหน้าพระราชวัง ของจริงสวยงามมาก มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะแยะ มีนักท่องเที่ยวเข้าออกทั้งวัน ทั้งคนอินเดียและต่างชาติ วันนั้นมีเราสองคนที่เป็นคนไทย เพราะนอกนั้นจะเห็นหน้าแขกๆ รึไม่ก็ฝรั่งไปเลย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีไม่เห็นนะคะ รึเค้าอาจจะไปเที่ยวที่อื่นกันอยู่ การเข้าชมจะมี Head Phone ให้เช่าซึ่งสามารถเลือกภาษาได้ การเช่า Head Phone ไม่ว่าจะเป้นชาติใดเค้าจะขอบัตรประชาชนเราเป็นประกัน ใช้เสร็จเอามาคืนพร้อมคืน ID Card

B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท

B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท

B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท

B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
บริเวณโดยรอบ ห้ามถ่ายรูปถ้าไม่ได้ซื้อบัตรผ่านถ่ายรูป ที่นี่เขาเข้มงวดมาก จะมีเจ้าหน้าที่ถือไม้กระบอง(ลักษณะเหมือนไม้พลองลูกเสือ เดินชี้ ขอดูบัตรผ่าน) ไม่มีพี่แกในรูปเพราะไม่กล้าถ่ายแก เดี๋ยวแกเอาไม้ชี้หน้าเอา พูดประกิตไม่เก่งซะด้วย
ซื้อบัตรเข้าชม 2 คน และถ้าจะถ่ายรูปต้องจ่ายตังเพิ่มค่ะ ใครไม่มีบัตรรึจะถ่ายรูปเค้าดุจริงๆ พูดรัวและเร็วด้วย

หน้ารัฐสภา แค่ได้แวะถ่ายรูปเฉยๆ ของจริงสวยงาม ยิ่งใหญ่ อลังการมาก
ไปต่อที่ ตลาด Malleswaram สีสรรแห่งอินเดีย
ที่นี่เหมือนตลาดบ้านเรา แต่สวยงามแปลกตาแน่นอนที่อาคารบ้านเรือน ความเก่า ความเป็นเอกลักษณ์ การวางสิ่งของ ของที่วางขาย สินค้าไม่เหมือนแน่นๆ เสน่ห์อยู่ตรงสีสรรสดใส รถเยอะ บีบแตรตลอดเวลา เคยเห็นแต่เค้าพูดกันจินตนาการไม่ออกจริงๆ ใครจะไปบีบแตรตลอดเวลาขนาดนั้น ใครควบคุมอารมณ์ไม่ดีสติแตกแน่ๆ แต่เราได้ยินได้เห็น ก็ได้แต่อมยิ้ม คือมันชอบมาก
คนคือคน รถคือรถ ถนนคือถนน ทุกอย่างรวมกันไม่มีแบ่งเลน ไม่มีฟุตบาท รถก็วิ่งเร็ว แตรก็ดังตลอดเวลา คนก็เดินพลุกกพล่านขวักไขว่ แต่คนไม่ชนรถ รถไม่ชนคน รถไม่ชนรถแน่นอน เราลุยมาแล้ว หุหุ ไม่เชื่อไปลองดู

M a l l e s w a r a m M a r k e t

M a l l e s w a r a m M a r k e t

M a l l e s w a r a m M a r k e t

M a l l e s w a r a m M a r k e t

M a l l e s w a r a m M a r k e t

M a l l e s w a r a m M a r k e t

M a l l e s w a r a m M a r k e t
Bull Tample
วัดวัวสีน้ำเงิน นนทิ หรือ อุสุภราช เป็นชื่อโคเผือกที่เป็นพาหนะของพระศิวะ กำเนิดมาจากเมื่อครั้งกวนเกษียณสมุทร ว่า นนทิ หรือ นันทิ และได้ถวายให้เป็นพระพาหนะแด่พระศิวะ นนทิ เป็นเทพที่ดูแลบรรดาสัตว์ 4 ขาต่าง ๆ ที่เชิงเขาไกรลาส และมักเนรมิตรตนให้เป็นโคเผือกสีขาวเพื่อเป็นพาหนะของพระศิวะเมื่อเสด็จไปยังที่ต่าง ๆโคอุสุภราชในความเชื่อของชาวฮินดูไม่เพียงแต่เป็นสัตว์พาหนะตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังได้รับการบูชาดุจดั่งเทพเจ้าองค์หนึ่ง ดังนั้น โคหรือวัวสำหรับชาวฮินดูจึงถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวฮินดูจึงไม่ฆ่าโคและกินเนื้อวัว ในพิธีการมงคลแบบฮินดู พราหมณ์จะนำมูลโคมาเจิมหน้าผาก ถือว่าเป็นมงคลประการที่ 7 และในวิหารบูชาพระศิวะมักมีรูปปั้นโคอุสุภราชนี้ประดิษฐานที่กลางวิหารด้วย ด้วยถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งขององค์พระศิวะ ภายในมีรูปปั้นวัวตัวใหญ่ตั้งเด่นอยู่และมีคนคอยดูแล คอยเก็บดอกไม้ ของไหว้ ถ้าเป็นบ้านเราน่าจะเรียกว่าพระ แต่ในฮินดูไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร ก่อนเข้าวัดก็ต้องถอดรองเท้าฝากไว้ ไม่มีค่าใช้จ่าย บริเวณวัดมีวัดมีสวนสาธารณะ ทางขึ้นวัดจะมีบันไดทางขึ้น มาที่นี่เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย
ที่นี่เค้าเป็นเมืองฮินดู บูชาวัวเป็นเทพเจ้า วัดนี้จะมีชื่อเสียงด้านสุขภาพ
ไปไหว้พระขอพร ขอให้สุขภาพดี

Bull Tample

Bull Tample

Bull Tample
วัว Big Bull Tample อยู่ในี้

ซุ้มขายของที่ระลึก จะว่าไปแล้วขงที่ขายก็คล้ายกับเมืองไทยนะ เอเซียของที่ขายน่าจะคล้ายๆกัน
พิพิธพันภัณฑ์ Mysore Government Museum
ถ่ายรูปได้แต่ภายนอก ห้ามเอากล้องเข้าไป
พิพิธภัณฑ์ไมซอร์ Mysore Government Museumเมืองบังกาลอร์ จัดตั้งขึ้นในปี 1865 โดยรัฐไมซอร์ด้วยคำแนะนำของศัลยแพทย์เอ็ดเวิร์ด บาฟอร์ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ในเมืองมัทราส และได้รับการสนับสนุนจากผู้บัญชาการของไมซอร์ LB Bowring เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอินเดีย และพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในอินเดียใต้ เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีและรวบรวมสิ่งของหายากของสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณคดีและธรณีวิทยารวมทั้งเครื่องประดับเก่าประติมากรรมเหรียญ และจารึก ค่าเข้าชมประมาณ 4 รูปี เป็นตึกสองชั้น ชั้นล่างมีแผนผังของป้อมแห่งเมืองศรีรังกาปัตนะ อุปกรณ์ เครื่องเรือน เหรียญ เงิน รูปปั้นของเทพเจ้า เช่น พระศิวะ พระแม่ปารวตี พระคเณศ พระวิษณุ พระแม่อุมา ออกจากตัวตึกเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โดยรวมแล้วเฉยๆ ป้ายกำกับและคำบรรยายต่างๆก็มีไม่ครบ แต่ตัวอาคารสีสรรสวยงามแปลกตา ข้างหลังพิพิธภัณฑ์จะป็นสวนสารธารณะ ต้นไม้ที่เมืองบังกาลอร์มีแต่ต้นใหญ กิ่งก้านให้ร่มเงา และร่มรื่นมาก
ถ่ายรูปได้แต่ภายนอก ห้ามเอากล้องเข้าไป
ค่าบัตรเข้าชมคนละ 4 รูปี

พิพิธพันภัณฑ์ Mysore Government Museum

พิพิธพันภัณฑ์ Mysore Government Museum
สวนสารธารณะ Cubbon Park
เป็นปอดของบังกาลอร์เลย วันหยุดเหมือนกับว่าหลายๆครอบครัวจะมาพักผ่อนและทำกิจกรรมที่นี่ โดยปกติ อากาศที่เมืองบังกาลอร์อากาศก็เย้นสบายอยู่แล้ว ได้มาที่นี่เหมือนเป็นกการพักผ่อนอีกอย่าง เหมือนๆกัยสวนรถไฟบ้านเรา มีปั่นจักรยาน มีเอาเสื่อ ของกินมาปิ๊กนิ๊ก และมีซุ้มขายผักผลไม้เพื่อสุขภาพด้วย อยู่ในสวนเย็นสบาย ต้นไม้สูงใหญ่มากอายุน่าจะเป็น 100 ปีได้มั้ง

สวนสารธารณะ Cubbon Park

สวนสารธารณะ Cubbon Park

สวนสารธารณะ Cubbon Park

สวนสารธารณะ Cubbon Park

สวนสารธารณะ Cubbon Park
[CR] หลงรักอินเดียใต้...บังกาลอร์
แม่บ้านคนนึงที่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์แค่หางจิ้งจก หัดทำไปเรื่อยๆ จนออกมาเป็นรูปเป็นร่างคร่าวๆ
เลยบังอาจเอาเรื่องราวที่ได้พบเจอมาบันทึกไว้โดยเขียนบอกเล่าจากประสบการณ์จริงที่ได้จาการไปโน่นมานี่อยู่บ่อยๆ
การไปเที่ยวต่างแดนบางทีมันก็น่าแค้นใจนะเพื่อนๆ เห็นสถานที่สวยๆ อยากหันไปแชร์กับคนข้างๆ เป็นภาษาต่างชาติก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะภาษาอังกฤษเรามัน สะเน็ก-สะเน็ก // ฟิช-ฟิช ได้แต่หันมาคุยกับคนในครอบครัว สวยอย่างโน้น งดงามอย่างนี้ เราว่า มันขาดอรรถรสในการท่องเที่ยวไปเยอะเลย
เลยเอามาเขียน มาแชร์เป็นภาษาไทย เผื่อใครเคยไปพบไปเห็นมา เราจะได้มาคุยกัน แบ่งปันประสบการณ์กันเป็นภาษาไทยจะได้เข้าใจแบบนัวๆ ไปโลดดด อรรถรส อาจจะเกิดตอนมีเพื่อนคุยนี่ล่ะ เก็บไว้คนเดียวมาหลายปีสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนเพราะทำงานและรีวิวไม่เป็นที่สำคัญไม่มีเวลา
ตอนนี้พอได้แล้วค่ะ ผิดพลาดเขียนไม่ดียังไงช่วยชี้แนะผู้รู้น้อยๆ ด้วยนะค๊าาาา
มีใครตกหลุมรักอินเดียใต้เหมือนเรามั่ง "บ้งกาลอร์" เสน่ห์มันเหลื่อร้ายจริงๆ
บังกาลอร์ (Bangalore) ชื่อใหม่ เบงคาลูรุ (Bangaluru) เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมด้าน IT และ Software ที่ใหญ๋ที่สุดและสร้างรายได้มากที่สุดให้อินเดีย เป็นเมืองเทคโนโลยีด้านการศึกษาและบังกาลอร์ยังเป็นเมืองที่ติดอันดับความสำคัญทางเศรฐกิจ1 ใน 5 ของอินเดีย อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีเพราะสูงจากระดับน้ำทะเล 914.4 เมตร วันที่ไป (12-14 สิงหาคม 2559) อากาศ ประมาณ 27-28 องศา สบ๊ายยย สบาย มิน่าคนเขาถึงสมองดี IT เป็นเลิศ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มไปทั้งเมือง
ไปน้อยวันพยายามเก็บความประทับใจให้มากที่สุด8
ถึงแล้วจ้าา อินเดียจ๋า เราเดินทางโดยสายการบิน #AirAsia ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เที่ยวบินจากกรุงเทพ-บังกาลอร์ มีวันละ 1 เที่ยวบิน กรุงเทพ - บังกาลอร์ เวลา 21:30 (FD 137)
บังกาลอร์ - กรุงเทพ เวลา 23:45 (FD 138)
เวลาที่อินเดียจะช้ากว่าไทยประมาณ 1:30 ชม.
พอถึงสนามบิน จะมีรถจากโรงแรมมารับถึงสนามบิน ซึ่งเราจองรถล่วงหน้าไว้แล้ว ราคาแล้วแต่รุ่นรถ ราคารถวันนั้น ประมาณ 2,000 บาท เนื่องจากไปอินเดียครั้งแรกไม่รู้บ้านเมืองเป็นยังไง เลยเอาสะดวกปลอดภัยไว้ก่อน ( เราใช้บริการรถโรงแรมทั้งไปและกลับมาสนามบิน เบ็ดเสร็จก็เกือบๆ 4,000)
BANGALORE PALACE
เป็นพระราชวังฤดูร้อนของสุลต่าน Tipu ซึ่งต้นแบบในการก่อสร้างมาจากพระราชวังวินเซอร์ในอังกฤษแต่เรายังไม่เคยไปอังกฤษ ยังไม่เคยเห็นพระราชวังวินเซอร์ แค่เห็นที่นี่ก็เรียกว่าวิจิตรงดงามมาก ที่นี่ อายุมากกว่า 100 ปีแล้ว เห็นครั้งแรกก็ตะลึงงึงงันไปกลับความงามที่แปลกตา ซึ่งเอกลักษณ์ของแต่ละที่ทำให้เรารับรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละวัฒนธรรม
B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
บริเวณหน้าพระราชวัง ของจริงสวยงามมาก มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะแยะ มีนักท่องเที่ยวเข้าออกทั้งวัน ทั้งคนอินเดียและต่างชาติ วันนั้นมีเราสองคนที่เป็นคนไทย เพราะนอกนั้นจะเห็นหน้าแขกๆ รึไม่ก็ฝรั่งไปเลย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีไม่เห็นนะคะ รึเค้าอาจจะไปเที่ยวที่อื่นกันอยู่ การเข้าชมจะมี Head Phone ให้เช่าซึ่งสามารถเลือกภาษาได้ การเช่า Head Phone ไม่ว่าจะเป้นชาติใดเค้าจะขอบัตรประชาชนเราเป็นประกัน ใช้เสร็จเอามาคืนพร้อมคืน ID Card
B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
B A N G A L O R E P A L A C E || บังกาลอร์พาเลท
บริเวณโดยรอบ ห้ามถ่ายรูปถ้าไม่ได้ซื้อบัตรผ่านถ่ายรูป ที่นี่เขาเข้มงวดมาก จะมีเจ้าหน้าที่ถือไม้กระบอง(ลักษณะเหมือนไม้พลองลูกเสือ เดินชี้ ขอดูบัตรผ่าน) ไม่มีพี่แกในรูปเพราะไม่กล้าถ่ายแก เดี๋ยวแกเอาไม้ชี้หน้าเอา พูดประกิตไม่เก่งซะด้วย
ซื้อบัตรเข้าชม 2 คน และถ้าจะถ่ายรูปต้องจ่ายตังเพิ่มค่ะ ใครไม่มีบัตรรึจะถ่ายรูปเค้าดุจริงๆ พูดรัวและเร็วด้วย
หน้ารัฐสภา แค่ได้แวะถ่ายรูปเฉยๆ ของจริงสวยงาม ยิ่งใหญ่ อลังการมาก
ไปต่อที่ ตลาด Malleswaram สีสรรแห่งอินเดีย
ที่นี่เหมือนตลาดบ้านเรา แต่สวยงามแปลกตาแน่นอนที่อาคารบ้านเรือน ความเก่า ความเป็นเอกลักษณ์ การวางสิ่งของ ของที่วางขาย สินค้าไม่เหมือนแน่นๆ เสน่ห์อยู่ตรงสีสรรสดใส รถเยอะ บีบแตรตลอดเวลา เคยเห็นแต่เค้าพูดกันจินตนาการไม่ออกจริงๆ ใครจะไปบีบแตรตลอดเวลาขนาดนั้น ใครควบคุมอารมณ์ไม่ดีสติแตกแน่ๆ แต่เราได้ยินได้เห็น ก็ได้แต่อมยิ้ม คือมันชอบมาก
คนคือคน รถคือรถ ถนนคือถนน ทุกอย่างรวมกันไม่มีแบ่งเลน ไม่มีฟุตบาท รถก็วิ่งเร็ว แตรก็ดังตลอดเวลา คนก็เดินพลุกกพล่านขวักไขว่ แต่คนไม่ชนรถ รถไม่ชนคน รถไม่ชนรถแน่นอน เราลุยมาแล้ว หุหุ ไม่เชื่อไปลองดู
M a l l e s w a r a m M a r k e t
M a l l e s w a r a m M a r k e t
M a l l e s w a r a m M a r k e t
M a l l e s w a r a m M a r k e t
M a l l e s w a r a m M a r k e t
M a l l e s w a r a m M a r k e t
M a l l e s w a r a m M a r k e t
Bull Tample
วัดวัวสีน้ำเงิน นนทิ หรือ อุสุภราช เป็นชื่อโคเผือกที่เป็นพาหนะของพระศิวะ กำเนิดมาจากเมื่อครั้งกวนเกษียณสมุทร ว่า นนทิ หรือ นันทิ และได้ถวายให้เป็นพระพาหนะแด่พระศิวะ นนทิ เป็นเทพที่ดูแลบรรดาสัตว์ 4 ขาต่าง ๆ ที่เชิงเขาไกรลาส และมักเนรมิตรตนให้เป็นโคเผือกสีขาวเพื่อเป็นพาหนะของพระศิวะเมื่อเสด็จไปยังที่ต่าง ๆโคอุสุภราชในความเชื่อของชาวฮินดูไม่เพียงแต่เป็นสัตว์พาหนะตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังได้รับการบูชาดุจดั่งเทพเจ้าองค์หนึ่ง ดังนั้น โคหรือวัวสำหรับชาวฮินดูจึงถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวฮินดูจึงไม่ฆ่าโคและกินเนื้อวัว ในพิธีการมงคลแบบฮินดู พราหมณ์จะนำมูลโคมาเจิมหน้าผาก ถือว่าเป็นมงคลประการที่ 7 และในวิหารบูชาพระศิวะมักมีรูปปั้นโคอุสุภราชนี้ประดิษฐานที่กลางวิหารด้วย ด้วยถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งขององค์พระศิวะ ภายในมีรูปปั้นวัวตัวใหญ่ตั้งเด่นอยู่และมีคนคอยดูแล คอยเก็บดอกไม้ ของไหว้ ถ้าเป็นบ้านเราน่าจะเรียกว่าพระ แต่ในฮินดูไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร ก่อนเข้าวัดก็ต้องถอดรองเท้าฝากไว้ ไม่มีค่าใช้จ่าย บริเวณวัดมีวัดมีสวนสาธารณะ ทางขึ้นวัดจะมีบันไดทางขึ้น มาที่นี่เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย
ที่นี่เค้าเป็นเมืองฮินดู บูชาวัวเป็นเทพเจ้า วัดนี้จะมีชื่อเสียงด้านสุขภาพ
ไปไหว้พระขอพร ขอให้สุขภาพดี
Bull Tample
Bull Tample
Bull Tample
วัว Big Bull Tample อยู่ในี้
ซุ้มขายของที่ระลึก จะว่าไปแล้วขงที่ขายก็คล้ายกับเมืองไทยนะ เอเซียของที่ขายน่าจะคล้ายๆกัน
พิพิธพันภัณฑ์ Mysore Government Museum
ถ่ายรูปได้แต่ภายนอก ห้ามเอากล้องเข้าไป
พิพิธภัณฑ์ไมซอร์ Mysore Government Museumเมืองบังกาลอร์ จัดตั้งขึ้นในปี 1865 โดยรัฐไมซอร์ด้วยคำแนะนำของศัลยแพทย์เอ็ดเวิร์ด บาฟอร์ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ในเมืองมัทราส และได้รับการสนับสนุนจากผู้บัญชาการของไมซอร์ LB Bowring เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอินเดีย และพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในอินเดียใต้ เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีและรวบรวมสิ่งของหายากของสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณคดีและธรณีวิทยารวมทั้งเครื่องประดับเก่าประติมากรรมเหรียญ และจารึก ค่าเข้าชมประมาณ 4 รูปี เป็นตึกสองชั้น ชั้นล่างมีแผนผังของป้อมแห่งเมืองศรีรังกาปัตนะ อุปกรณ์ เครื่องเรือน เหรียญ เงิน รูปปั้นของเทพเจ้า เช่น พระศิวะ พระแม่ปารวตี พระคเณศ พระวิษณุ พระแม่อุมา ออกจากตัวตึกเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โดยรวมแล้วเฉยๆ ป้ายกำกับและคำบรรยายต่างๆก็มีไม่ครบ แต่ตัวอาคารสีสรรสวยงามแปลกตา ข้างหลังพิพิธภัณฑ์จะป็นสวนสารธารณะ ต้นไม้ที่เมืองบังกาลอร์มีแต่ต้นใหญ กิ่งก้านให้ร่มเงา และร่มรื่นมาก
ถ่ายรูปได้แต่ภายนอก ห้ามเอากล้องเข้าไป
ค่าบัตรเข้าชมคนละ 4 รูปี
พิพิธพันภัณฑ์ Mysore Government Museum
พิพิธพันภัณฑ์ Mysore Government Museum
สวนสารธารณะ Cubbon Park
เป็นปอดของบังกาลอร์เลย วันหยุดเหมือนกับว่าหลายๆครอบครัวจะมาพักผ่อนและทำกิจกรรมที่นี่ โดยปกติ อากาศที่เมืองบังกาลอร์อากาศก็เย้นสบายอยู่แล้ว ได้มาที่นี่เหมือนเป็นกการพักผ่อนอีกอย่าง เหมือนๆกัยสวนรถไฟบ้านเรา มีปั่นจักรยาน มีเอาเสื่อ ของกินมาปิ๊กนิ๊ก และมีซุ้มขายผักผลไม้เพื่อสุขภาพด้วย อยู่ในสวนเย็นสบาย ต้นไม้สูงใหญ่มากอายุน่าจะเป็น 100 ปีได้มั้ง
สวนสารธารณะ Cubbon Park
สวนสารธารณะ Cubbon Park
สวนสารธารณะ Cubbon Park
สวนสารธารณะ Cubbon Park
สวนสารธารณะ Cubbon Park
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น