สวัสดีค่ะ มีเรื่องจะมาปรึกษา
คือเราค่อนข้างเป็นคนวิตกกังวลจนกลัวว่าจะกลายกลายเป็นโรคเครียดโรคซึมเศร้า
เรื่องอาการวิตกกังวลอย่างแรกเลยก็คือ
เมื่อช่วง5-6ปีก่อน ที่บ้านเคยเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้วตัวนึงค่ะ อายุกำลังน่ารักซุกซนราวๆ4-5เดือน
บ้านของเราค่อนข้างกว้าง พื้นที่หน้าบ้านคือหักเลี้ยวซ้ายขวาถอยรถกลับรถบนพื้นที่บ้านได้เลย
วันนั้นพ่อจะออกไปสวนก็เลยถอยรถเตรียมออกไปข้างนอก
เราที่นั่งเล่นคอมอยู่บนบ้านได้ยินเสียงตึง! แล้วก็ดัง เอ๊งๆๆ สักพักก็เงียบไป ตอนนั้นก็เริ่มใจไม่ดีแล้วค่ะ
พอลงไปจากบ้านในนี่วูบหล่นไปอยู่กับตาตุ่ม เห็นหมาที่เลี้ยงไว้นอนนิ่งอยู่ท้ายรถ มันยังไม่ตายแต่ก็หายใจอยู่
เลือดไหลออกจากจมูกจากตา พวกของเสียก็ไหลออกมากอง สักพักตัวก็แข็ง เราเป็นคนช่วยพ่อเอาไปฝังที่สวนในบ้าน
ในใจย้อนนึกกลับไปว่า ถ้าเราเรียกมันมาเล่นใกล้ๆหรือรั้งมันไว้ตอนพ่อถอยรถมันก็คงไม่ตาย
ย้อนความกลับไปตอนช่วงประมาณ9-10ขวบ
พ่อขับรถยนต์รถในหมูบ้านต่างจังหวัดถนนแคบๆ ลูกหมาตัวเล็กๆเล่นอยู่บนถนน
พ่อเป็นคนขับก็บีบแตรไล่ และคิดว่ามันคงไปแล้ว แต่ก็คิดผิด
ตอนที่รถเคลื่อนไปข้างหน้า เราได้ยินเสียงกึกอยู่ใต้ท้องรถเหมือนเหยียบอะไรไป
พอลงไปดูก็เห็นลูกหมาตัวนั้นทั้งร้องทั้งดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน แล้วก็ตายค่ะ
เสียงกึกตอนที่ล้อทับร่างนั้นยังดังวนเวียนในหัวไม่หาย คิดถ้าให้นึกภาพนี่นึกออกแทบจะทันที
ย้อนกลับหมาหลังจากที่หมาพันธุ์บางแก้วตายนะคะ
ที่บ้านก็นำลูกหมาสองตัวมาเลี้ยงพร้อมกันค่ะ
ตัวนึงเป็นลูกสุนัขพันธุ์เล็กน่าจะเป็นพุดเดิ้ลผสมชิสุตัวสีดำๆกลมๆเล็กๆเหมือนหนอนยังไม่หย่านมแม่ดี
อายุคงจะราวเดือนเศษๆ เดินไม่แข็งแรงนักเมื่อเปรียบเทียบกับอีกตัวที่วิ่งเล่นปร๋อ
ส่วนอีกตัวเป็นหมาบ้านธรรมดาชื่อจ้าว ตัวโตกว่าหน่อยหย่านมแม่แล้ว
เราเลี้ยงมันทั้งคู่ได้ประมาณเดือนกว่าๆ ในใจตอนนั้นเริ่มระวังว่ารถจะเหยียบอีกมั้ย
บ้านเราห่างจากถนนใหญ่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ว่าก็เกิดเหตุอีกแล้วค่ะ
วันนั้นแม่กลับบ้านมาดึก เจ้าหนอนน้อยกลมๆสีดำวิ่งเตาะแตะออกไปรับแม่ที่โรงรถ
เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะอยู่บนบ้าน ได้ยินอีกที เอ๊ง! ในใจนี่เหมือนวูบไม่คิดอะไรแล้ว
เราไม่กล้าลงไป ไม่กล้าลงไปดูมัน นึกภาพตอนเจ้าโซลหมาบางแก้วขึ้นมา อยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออก นึกสงสาร
สาเหตุที่เหยียบก็คือเจ้าหนอนน้อยกลมๆเหมือนบุ้งนั้นตัวเล็กมาก อีกทั้งยังสีดำ
แม่คงมองไม่เห็นและไม่คิดว่ามันจะวิ่งเตาะแตะเข้ามาก็เลยไม่ทันระวัง
เราไม่กล้ามองแม่ที่เอามันไปฝังค่ะ ยังทำใจไม่ได้
จากนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เวลาพ่อแม่ขับรถเข้าบ้าน หรือถอยรถออกไปทำธุระ เราก็จะเกิดอาการเกร็งและกังวลตลอด
พยายามจะรั้งเจ้าจ้าวไว้อยู่ใกล้ตัว คอยสอดส่องว่ามันไปป้วนเปี้ยนแถวรถมั้ย ไปแอบนอนหลับใต้ท้องรถหรือเปล่า
แต่จ้าวนั้นชื่นชอบการออกไปส่งรถค่ะ เวลาเห็นรถก็ชอบวิ่งไปรับเหมือนอยากเอาใจเจ้านาย นึกๆไปก็คล้ายการเอาหน้า
บางทีเราอยู่บนบ้านก็จะนั่งเกร็ง กลัวว่าจะโดนเหยียบ เสียง กึก! เอ๊ง! ดังวนในหัว
เวลาอยู่บนรถ ดูมันวิ่งออกมารับก็กลัวว่าจะวิ่งวนหน้าวนหลังแล้วเหยียบมันเข้า
ในสมองได้ยินเสียงกึกๆตอนที่รถทับร่างมันตลอดเวลา บางทีก็กลัวจะได้ยินเสียงแว่วดังเอ๊งขึ้น
คือเป็นยังไงอาการก็ไม่ดีขึ้น วิตกกังวลไปเองแบบนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน
แม้จะรู้ว่ามันโตพอที่จะวิ่งหนีรถไม่ให้รถเหยียบก็ตามที
ส่วนอีกเรื่องก็คือ เราค่อนข้างเป็นคนคิดล่วงหน้าไปเองตลอดเวลาที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ค่ะ
จะชอบคิดไปว่าตอนที่เราขี่อยู่ รถคันหน้าจะเบรกกะทันหัน แล้วรถเราก็พุ่งชนในลักษณะต่างๆนาๆ
มองดูรถที่สวนเลนมาแล้วก็เผลอคิดตลอด
ยิ่งเวลาขี่ตามรถกระบะเราชอบนึกไปว่าเขาจะหกเลี้ยวมาชน พุ่งมาชน
คิดภาพตัวเองอยู่ใต้ซากรถออกเลยค่ะ ส่วนมากจะมีแต่ภาพสมองไหลเพราะเสพข่าวเยอะเกินไป
ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีสภาพดีๆในหัว ยิ่งตอนขับรถช่วงดึกๆหลังจากหนึ่งทุ่มขึ้นไป เราจะต้องพกโทรศัพท์ไว้
กลัวว่าถ้ารถชนจะไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร กลัวไม่มีใครบอกพ่อแม่
แต่ที่คิดไปมากกว่านั้นก็คือ เราชอบนึกไปว่ารถข้างหน้าจะเป็นคู่อริ(ซึ่งก็ไม่เคยมี)
กลัวว่าจะนึกพิเรนทร์หยิบปืนขึ้นมายิงเราเข้า
กลัวประเภทที่ว่าลูกกระสุนปืนจะฝังเข้ากลางหัวเราเลยค่ะ5555
เรื่องนี้เคยปรึกษาแม่นะคะว่าเราเป็นพวกโรคจิตอ่อนๆหรือเปล่า วิตกเกินไปหรือเปล่าถึงระแวงไปทั่ว
แต่ว่าพยายามคิดว่ามันไม่มีผลกระทบอะไรต่อเรามาก
พยายามคิดเรื่องอื่นตอนขี่รถไม่ให้จิตเป็นกังวลมากเกินไป
นอกจากนี้ก็ยังมีโรคระแวงที่มาจากการกลัวการถูทำร้ายค่ะ
ถ้าเราออกจากบ้านช่วงหัวค่ำก็จะพกคัตเตอร์ พกกรรไกร หรือไม่ก็พบของมีคมอย่างไม่บรรทัดฟุตเหล็ก อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจไว้
บางทีถ้ากลัวมากๆเราก็จะกดเบอร์โทรพ่อแม่ไว้เลยค่ะ เผื่อมีอะไรอย่างน้อยก็อุ่นใจ
ไม่ใช่แค่ช่วงค่ำนะคะ กลางวันแสกๆก็เป็น ทุกวันนี้ถ้าเผลอนึกได้ขึ้นมาก็จะพกของพวกนี้ติดตัวเสมอ
แต่ช่วงนี้ก็พยายามห้ามใจไม่ให้ระแวงจนเกินเหตุแล้ว
เรากลัวเรื่องพวกนี้มากๆจนบางครั้งเราตื่นนอนมา เราจะเอามือไปอังจมูกแม่ อังจมูกน้อง เวลาที่ทั้งคู่นอนนิ่งมากๆ
จะคอยดูจังหวะการหายใจ ดูจนแน่ใจว่าหายใจแล้วเราก็ค่อยสบายใจหน่อย
มีครั้งหนึ่งตอนที่ยายไม่สบายนอนนิ่งมากๆ อัตราจังหวะการหายใจช้าและเนิบนาบมากๆ
เราจะค่อยๆมองว่ายายที่นอนอยู่บนเตียงยังหายใจอยู่มั้ย ค่อยๆสังเกตช่วงอกที่กระเพื่อมขึ้นลง
เห็นว่าหายใจก็ผ่อนคลายลงไปหน่อย
บางทีเราก็เครียดเวลาที่ปล่อยให้แม่เดินทางคนเดียวตอนดึกๆ
ในสมองนี่คิดภาพเหตุการณ์ร้ายๆไว้ร้อยแปดกระบวนภาพ
กลัวว่าจะง่วงจนหลับใน กลัวว่าจะสายตาไม่ดีในวันฟ้าสลัว หรือกินแอลกอฮฮล์จนขับรถไม่ไหว รถชน รถพุ่งลงข้างทางว่าไปนั่น
เพื่อความมั่นใจเราก็จะโทรเช็คตลอด จนกลายเป็นเหมือนกังวลจนเกินเหตุ
ซึ่งเรื่องทั้งหลายส่วนมากนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องความอยู่ความตายทั้งนั้น
เราค่อนข้างทำใจรับกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ใช้ชีวิตแบบอยากให้ทุกๆวันมีวันพรุ่งนี้
เราค่อนข้างกลัวการสูญเสีย กลัวว่าจะไม่ได้ตื่นมา กลัวว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้
(กลัวขนาดเดินข้ามสะพานลอยทีไร ในหัวนี่มีแต่ภาพสะพานแตกสะพานแยกจนเราหล่นลงไปให้รถข้างล่างทับ5555)
หรือกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมีใครบางคนขาดหายไปจากชีวิต
มันไม่ได้เป็นปัญหามากเท่าไหร่ พยายามที่จะไม่คิด แต่บางครั้งก็ก่อกวนจิตใจเหมือนกัน
แต่เรื่องเดียวที่คิดไม่ตกคือเราจะเกร็งมากๆตอนพ่อแม่ขับรถเข้า-ออกบ้าน
กลัวว่าเจ้าจ้าวจะโดนเหยียบเข้าสักวันจนแทบนั่งไม่อยู่กับที่
พยายามห้ามใจแล้วห้ามใจอีกก็อดคิดอดกังวลไม่ได้
ไม่แน่ใจว่าวิตกกังวลเกินเหตุ ย้ำคิดย้ำทำ หรือว่าเป็นจิตเภทอ่อนๆ
คือทั้งหมดนี้เราอยากจะรู้ว่าเราควรบอกแม่ตรงๆว่าให้เราไปพบจิตแพทย์ดีมั้ย
เพราะแม่มีเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์อยู่ ถึงขั้นต้องกินยารักษาบำบัดเลยมั้ย
หรือแค่สวดมนต์ทำสมาธิไม่ให้จิตฟุ้งซ่านเป็นกังวล
เรากลัวว่าเราจะเป็นโรควิตกกังวลเกินไปจนกลายเป็นโรคเครียดโรคซึมเศร้าน่ะค่ะ
เราค่อนข้างเป็นคนวิตกกังวลจนเกินเหตุ ควรปรึกษาจิตแพทย์ดีมั้ยคะ
คือเราค่อนข้างเป็นคนวิตกกังวลจนกลัวว่าจะกลายกลายเป็นโรคเครียดโรคซึมเศร้า
เรื่องอาการวิตกกังวลอย่างแรกเลยก็คือ
เมื่อช่วง5-6ปีก่อน ที่บ้านเคยเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้วตัวนึงค่ะ อายุกำลังน่ารักซุกซนราวๆ4-5เดือน
บ้านของเราค่อนข้างกว้าง พื้นที่หน้าบ้านคือหักเลี้ยวซ้ายขวาถอยรถกลับรถบนพื้นที่บ้านได้เลย
วันนั้นพ่อจะออกไปสวนก็เลยถอยรถเตรียมออกไปข้างนอก
เราที่นั่งเล่นคอมอยู่บนบ้านได้ยินเสียงตึง! แล้วก็ดัง เอ๊งๆๆ สักพักก็เงียบไป ตอนนั้นก็เริ่มใจไม่ดีแล้วค่ะ
พอลงไปจากบ้านในนี่วูบหล่นไปอยู่กับตาตุ่ม เห็นหมาที่เลี้ยงไว้นอนนิ่งอยู่ท้ายรถ มันยังไม่ตายแต่ก็หายใจอยู่
เลือดไหลออกจากจมูกจากตา พวกของเสียก็ไหลออกมากอง สักพักตัวก็แข็ง เราเป็นคนช่วยพ่อเอาไปฝังที่สวนในบ้าน
ในใจย้อนนึกกลับไปว่า ถ้าเราเรียกมันมาเล่นใกล้ๆหรือรั้งมันไว้ตอนพ่อถอยรถมันก็คงไม่ตาย
ย้อนความกลับไปตอนช่วงประมาณ9-10ขวบ
พ่อขับรถยนต์รถในหมูบ้านต่างจังหวัดถนนแคบๆ ลูกหมาตัวเล็กๆเล่นอยู่บนถนน
พ่อเป็นคนขับก็บีบแตรไล่ และคิดว่ามันคงไปแล้ว แต่ก็คิดผิด
ตอนที่รถเคลื่อนไปข้างหน้า เราได้ยินเสียงกึกอยู่ใต้ท้องรถเหมือนเหยียบอะไรไป
พอลงไปดูก็เห็นลูกหมาตัวนั้นทั้งร้องทั้งดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน แล้วก็ตายค่ะ
เสียงกึกตอนที่ล้อทับร่างนั้นยังดังวนเวียนในหัวไม่หาย คิดถ้าให้นึกภาพนี่นึกออกแทบจะทันที
ย้อนกลับหมาหลังจากที่หมาพันธุ์บางแก้วตายนะคะ
ที่บ้านก็นำลูกหมาสองตัวมาเลี้ยงพร้อมกันค่ะ
ตัวนึงเป็นลูกสุนัขพันธุ์เล็กน่าจะเป็นพุดเดิ้ลผสมชิสุตัวสีดำๆกลมๆเล็กๆเหมือนหนอนยังไม่หย่านมแม่ดี
อายุคงจะราวเดือนเศษๆ เดินไม่แข็งแรงนักเมื่อเปรียบเทียบกับอีกตัวที่วิ่งเล่นปร๋อ
ส่วนอีกตัวเป็นหมาบ้านธรรมดาชื่อจ้าว ตัวโตกว่าหน่อยหย่านมแม่แล้ว
เราเลี้ยงมันทั้งคู่ได้ประมาณเดือนกว่าๆ ในใจตอนนั้นเริ่มระวังว่ารถจะเหยียบอีกมั้ย
บ้านเราห่างจากถนนใหญ่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ว่าก็เกิดเหตุอีกแล้วค่ะ
วันนั้นแม่กลับบ้านมาดึก เจ้าหนอนน้อยกลมๆสีดำวิ่งเตาะแตะออกไปรับแม่ที่โรงรถ
เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะอยู่บนบ้าน ได้ยินอีกที เอ๊ง! ในใจนี่เหมือนวูบไม่คิดอะไรแล้ว
เราไม่กล้าลงไป ไม่กล้าลงไปดูมัน นึกภาพตอนเจ้าโซลหมาบางแก้วขึ้นมา อยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออก นึกสงสาร
สาเหตุที่เหยียบก็คือเจ้าหนอนน้อยกลมๆเหมือนบุ้งนั้นตัวเล็กมาก อีกทั้งยังสีดำ
แม่คงมองไม่เห็นและไม่คิดว่ามันจะวิ่งเตาะแตะเข้ามาก็เลยไม่ทันระวัง
เราไม่กล้ามองแม่ที่เอามันไปฝังค่ะ ยังทำใจไม่ได้
จากนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เวลาพ่อแม่ขับรถเข้าบ้าน หรือถอยรถออกไปทำธุระ เราก็จะเกิดอาการเกร็งและกังวลตลอด
พยายามจะรั้งเจ้าจ้าวไว้อยู่ใกล้ตัว คอยสอดส่องว่ามันไปป้วนเปี้ยนแถวรถมั้ย ไปแอบนอนหลับใต้ท้องรถหรือเปล่า
แต่จ้าวนั้นชื่นชอบการออกไปส่งรถค่ะ เวลาเห็นรถก็ชอบวิ่งไปรับเหมือนอยากเอาใจเจ้านาย นึกๆไปก็คล้ายการเอาหน้า
บางทีเราอยู่บนบ้านก็จะนั่งเกร็ง กลัวว่าจะโดนเหยียบ เสียง กึก! เอ๊ง! ดังวนในหัว
เวลาอยู่บนรถ ดูมันวิ่งออกมารับก็กลัวว่าจะวิ่งวนหน้าวนหลังแล้วเหยียบมันเข้า
ในสมองได้ยินเสียงกึกๆตอนที่รถทับร่างมันตลอดเวลา บางทีก็กลัวจะได้ยินเสียงแว่วดังเอ๊งขึ้น
คือเป็นยังไงอาการก็ไม่ดีขึ้น วิตกกังวลไปเองแบบนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน
แม้จะรู้ว่ามันโตพอที่จะวิ่งหนีรถไม่ให้รถเหยียบก็ตามที
ส่วนอีกเรื่องก็คือ เราค่อนข้างเป็นคนคิดล่วงหน้าไปเองตลอดเวลาที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ค่ะ
จะชอบคิดไปว่าตอนที่เราขี่อยู่ รถคันหน้าจะเบรกกะทันหัน แล้วรถเราก็พุ่งชนในลักษณะต่างๆนาๆ
มองดูรถที่สวนเลนมาแล้วก็เผลอคิดตลอด
ยิ่งเวลาขี่ตามรถกระบะเราชอบนึกไปว่าเขาจะหกเลี้ยวมาชน พุ่งมาชน
คิดภาพตัวเองอยู่ใต้ซากรถออกเลยค่ะ ส่วนมากจะมีแต่ภาพสมองไหลเพราะเสพข่าวเยอะเกินไป
ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีสภาพดีๆในหัว ยิ่งตอนขับรถช่วงดึกๆหลังจากหนึ่งทุ่มขึ้นไป เราจะต้องพกโทรศัพท์ไว้
กลัวว่าถ้ารถชนจะไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร กลัวไม่มีใครบอกพ่อแม่
แต่ที่คิดไปมากกว่านั้นก็คือ เราชอบนึกไปว่ารถข้างหน้าจะเป็นคู่อริ(ซึ่งก็ไม่เคยมี)
กลัวว่าจะนึกพิเรนทร์หยิบปืนขึ้นมายิงเราเข้า
กลัวประเภทที่ว่าลูกกระสุนปืนจะฝังเข้ากลางหัวเราเลยค่ะ5555
เรื่องนี้เคยปรึกษาแม่นะคะว่าเราเป็นพวกโรคจิตอ่อนๆหรือเปล่า วิตกเกินไปหรือเปล่าถึงระแวงไปทั่ว
แต่ว่าพยายามคิดว่ามันไม่มีผลกระทบอะไรต่อเรามาก
พยายามคิดเรื่องอื่นตอนขี่รถไม่ให้จิตเป็นกังวลมากเกินไป
นอกจากนี้ก็ยังมีโรคระแวงที่มาจากการกลัวการถูทำร้ายค่ะ
ถ้าเราออกจากบ้านช่วงหัวค่ำก็จะพกคัตเตอร์ พกกรรไกร หรือไม่ก็พบของมีคมอย่างไม่บรรทัดฟุตเหล็ก อย่างน้อยก็จะได้อุ่นใจไว้
บางทีถ้ากลัวมากๆเราก็จะกดเบอร์โทรพ่อแม่ไว้เลยค่ะ เผื่อมีอะไรอย่างน้อยก็อุ่นใจ
ไม่ใช่แค่ช่วงค่ำนะคะ กลางวันแสกๆก็เป็น ทุกวันนี้ถ้าเผลอนึกได้ขึ้นมาก็จะพกของพวกนี้ติดตัวเสมอ
แต่ช่วงนี้ก็พยายามห้ามใจไม่ให้ระแวงจนเกินเหตุแล้ว
เรากลัวเรื่องพวกนี้มากๆจนบางครั้งเราตื่นนอนมา เราจะเอามือไปอังจมูกแม่ อังจมูกน้อง เวลาที่ทั้งคู่นอนนิ่งมากๆ
จะคอยดูจังหวะการหายใจ ดูจนแน่ใจว่าหายใจแล้วเราก็ค่อยสบายใจหน่อย
มีครั้งหนึ่งตอนที่ยายไม่สบายนอนนิ่งมากๆ อัตราจังหวะการหายใจช้าและเนิบนาบมากๆ
เราจะค่อยๆมองว่ายายที่นอนอยู่บนเตียงยังหายใจอยู่มั้ย ค่อยๆสังเกตช่วงอกที่กระเพื่อมขึ้นลง
เห็นว่าหายใจก็ผ่อนคลายลงไปหน่อย
บางทีเราก็เครียดเวลาที่ปล่อยให้แม่เดินทางคนเดียวตอนดึกๆ
ในสมองนี่คิดภาพเหตุการณ์ร้ายๆไว้ร้อยแปดกระบวนภาพ
กลัวว่าจะง่วงจนหลับใน กลัวว่าจะสายตาไม่ดีในวันฟ้าสลัว หรือกินแอลกอฮฮล์จนขับรถไม่ไหว รถชน รถพุ่งลงข้างทางว่าไปนั่น
เพื่อความมั่นใจเราก็จะโทรเช็คตลอด จนกลายเป็นเหมือนกังวลจนเกินเหตุ
ซึ่งเรื่องทั้งหลายส่วนมากนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องความอยู่ความตายทั้งนั้น
เราค่อนข้างทำใจรับกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ใช้ชีวิตแบบอยากให้ทุกๆวันมีวันพรุ่งนี้
เราค่อนข้างกลัวการสูญเสีย กลัวว่าจะไม่ได้ตื่นมา กลัวว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้
(กลัวขนาดเดินข้ามสะพานลอยทีไร ในหัวนี่มีแต่ภาพสะพานแตกสะพานแยกจนเราหล่นลงไปให้รถข้างล่างทับ5555)
หรือกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมีใครบางคนขาดหายไปจากชีวิต
มันไม่ได้เป็นปัญหามากเท่าไหร่ พยายามที่จะไม่คิด แต่บางครั้งก็ก่อกวนจิตใจเหมือนกัน
แต่เรื่องเดียวที่คิดไม่ตกคือเราจะเกร็งมากๆตอนพ่อแม่ขับรถเข้า-ออกบ้าน
กลัวว่าเจ้าจ้าวจะโดนเหยียบเข้าสักวันจนแทบนั่งไม่อยู่กับที่
พยายามห้ามใจแล้วห้ามใจอีกก็อดคิดอดกังวลไม่ได้
ไม่แน่ใจว่าวิตกกังวลเกินเหตุ ย้ำคิดย้ำทำ หรือว่าเป็นจิตเภทอ่อนๆ
คือทั้งหมดนี้เราอยากจะรู้ว่าเราควรบอกแม่ตรงๆว่าให้เราไปพบจิตแพทย์ดีมั้ย
เพราะแม่มีเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์อยู่ ถึงขั้นต้องกินยารักษาบำบัดเลยมั้ย
หรือแค่สวดมนต์ทำสมาธิไม่ให้จิตฟุ้งซ่านเป็นกังวล
เรากลัวว่าเราจะเป็นโรควิตกกังวลเกินไปจนกลายเป็นโรคเครียดโรคซึมเศร้าน่ะค่ะ