เรียนกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาไทยพานิชย์ คุณจะนิยามการส่งข้อมูลบรูโรยังไงก็ได้แต่ต้องไม่กระทบกับลูกค้าคุณ

http://pantip.com/topic/35491589  

อ้างอิงจากกระทู้ข้างบน  รบกวนอ่านให้เข้าใจและรายละเอียดข้างในถ้าการร้องเรียนผ่าน ==> ใครใช้บัตรไทยพานิชย์ก็พิจารณาให้ดี

          หลังจากคุยกับเจ้าหน้าที่พักหนึ่งได้รับแจ้งและสรุปจากเจ้าหน้าที่ของท่านว่า ไม่สามารถแก้ใขให้ได้แล้วก็ยืนยันว่า Code 40 ที่ท่านส่งไปถูกต้องแล้ว ผมจะลองถามคุณอีกครั้งหนึ่ง ==> คุณจะเอานิยามที่คุณเป็นที่ตั้งมากกว่าผลกระทบของลูกค้าเหรอครับ  คิดได้เจริญจริงๆ
  
        มันจะถูกหรือผิด แต่เมื่อมันส่งผลกระทบโดยตรงกับการขอสินเชื่อลูกค้าซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณก็ต้องแก้ใข คุณจะแถเอานิยามคุณอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องเอาผลกระทบของลูกค้าเป็นหลัก ไม่เข้าใจวิธีคิดคุณ

        ถ้าคุณคิดว่าคุณถูก ทำใมธนาคารไทยพานิชย์ของคุณคิดถูกอยู่ธนาคารเดียว หรือรั้นที่จะส่งนิยามว่า 40 คือการชำระยอดเพื่อปิดบัญชี ทำใมธนาคารอื่นไม่ทำแบบคุณ

     - ผมสั่งยกเลิกบัตร ผมไม่ได้ปิดบัญชี บัญชีมันยังไม่ปิด ทำใมคุณมองว่าปิดบัญชี จะมองมุมไหนก็ตาม ทำใมไม่มองในมุมที่มันไม่เกิดปัญหา ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่เสียประโยชน์อะไร
     - ทำใมธนาคารอื่น ผมสั่งยกเลิกบัตร เค้าลงข้อมูลเป็นยกเลิกบัตร แล้วก็สั่งสถานะ 10 ทำใมเค้าทำได้ คุณไม่เหมือนเค้า หรือเค้าไม่เหมือนคุณ

     - เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งข้อมูลต้องทำงานหนักขึ้นแค่ไหนที่แค่จะแก้ข้อมูลลูกค้าแค่นี้ หรือไม่สนใจที่จะเสียลูกค้าไปทั้งที่กว่า Sale หรือกว่าจะโฆษณาหาคนทำบัตรกับคุณได้ (เพราะไม่ได้เป็นคนหาไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน)


                     สรุปไม่ว่าเรื่องจะจบยังไง พรุ่งนี้ผมก็จะไปปิดบัตรตามโค๊ต 40 ให้มันปิดบัญชีจริงๆ (ทั้งๆ ที่ควรจะได้ดอกเบี้ยต่อไป) รวมทั้ง Patinum แถมให้อีกใบเลยครับสิ้นเดือนนี้ (สิวๆ มากสำหรับธนาคาร ลูกค้าอย่างผมมันเล็กมากๆๆๆ คุณไม่สนใจหรอก)

             หวังว่าเรื่องจะถึงผู้บริหาร ตามลิ้งที่อ้างอิง (อย่างที่เขียน "หวังว่า")


ถ้าไม่ได้มีอะไรคืบหน้าอาจทำตามคำแนะนำธนาคาแห่งประเทศไทยอีกทีโดยการส่งจดหมายร้องเรียนไปที่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ==> เครดติบรูโร ==> ธปท  

                     จริงมานั่งคิดว่าช่างมันเหอะทาง ธอส เค้าก็โอเคแล้ว แต่มาคิดนั่งคิดดู เราก็นั่งอยู่เฉยๆ ของเรา เงินเราก็ไม่ได้ขอ เรายืมทุกบาททุกสตางค์เราก็ต้องคืนพร้อมผลประโยชน์คือดอกเบี้ย แล้วเมื่อเรากระทบทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไร มันก็ไม่ยุติธรรมทำใมแบงค์ไทยพานิชย์เพิกเฉย และเผื่อหลายคนที่ยังไม่รู้หรือไม่ใส่ใจเพราะอาจจะไม่ตรงจังหวะที่ขอสินเชื่อ

            การเอาเงินมาปิดเพื่อให้เป็นแก้ 40 เป็น 11 มันเป็นเรื่องปลายเหตุผมทำได้  ถึงปิดก็ต้องรอคุณส่งบรูโรอัพเดท แล้วสมมติบางแบงค์เค้าประเมิณไปแล้วคุยไม่ได้ไม่เสียเงินฟรีเหรอ


สุดท้าย:
การพิจารณาขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและธนาคาร ดังนั้น
" 40 คือ ถ้าเป็นปลาก็ปลาเน่าและปลาดีที่ปลาดีๆ ดันโดนไปจับใส่อยู่ข้องเดียวกันกับปลาเน่า บางคนเห็นข้องปลาอาจเลือกยกขึ้นมาดูแล้วเอาปลาดีๆ บางคนอาจยกข้องขึ้นดมแล้วได้กลิ่นเน่าอาจทิ้งทั้งข้องเลย"

ผลประโยชน์ที่ทาง SCB จะเสียจากเรื่องนี้ (จะจากการทำไม่ยอมแก้ใขอะไร หรือจะเกิดจะอีโก้ผู้บริหารฝ่ายแค่ส่งข้อมูลอัพเดทบรูโร)
   - แทนที่จะได้ประโยชน์จากเงินบัญชีเงินกู้ เมื่อลูกค้าไม่ขอสินเชื่อก็จะไม่เจอ แต่เมื่อลูกค้าจะขอสินเชื่อก็จะเจอปัญหานี้ และทางลูกค้า SCB เมื่อต้องการให้กลายเป็น 11 เพื่อจะกู้ (ตามเงื่อนใขแบงค์ที่ขอสินเชื่อ) ลูกค้าก็ต้องเอาเงินก้อนไปปิด แทนที่จะผ่อนชำระรายเดือนเหมือนเดิมโดยที่ทาง SCB ก็ยังได้ดอกเบี้ยอยู่ หลังปิด SCB ก็จะเสียเงินประโยชน์ตรงนี้ไปด้วย
   - สองความรู้สึก ลูกค้าที่เจอแบบนี้อาจจะขยาด หรือรู้สึกไม่ดีซึ่งอานส่งผลด้านการใช้งานบัตรของธนาคาไม่ว่าจะเป็นบัตรเก่า หรือสินเชื่อใหม่ๆ ที่ทางแบงค์ได้ทำออกมา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่