ด้วยความที่อยากมี passive income เหมือนคนทั่วๆ ไปเลยตัดสินใจซื้ออาคารพาณิชย์ใกล้บ้าน 1 คูหาในซอยเพชรเกษม 48 แล้วปล่อยเช่า
โชคดีที่ได้เจอคนกำลังปล่อยขายเลยตัดสินใจซื้อทันทีแบบไม่ลังเล หลังจากซื้อแล้วก็ทำการต่อเติมและซ่อมแซมบ้านใหม่เกือบทั้งหลัง
เพราะสภาพเดิมค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมแต่แลกกับทำเลที่ติดถนนก็เลยคิดว่ายอมเสียค่ารีโนเวทใหม่ยังไงก็คุ้ม
เบ็ดเสร็จหมดค่ารีโนเวทไปประมาณ 350,000 บาท หลังรีโนเวทเสร็จก็ไปประกาศปล่อยเช่าทันทีตามเวปต่างๆ
และแล้วความซวยก็บังเกิดเมื่อเจ้ากรรมนายเวรติดต่อมาขอดูบ้านและตกลงที่จะขอทำสัญญาเช่าในระยะเวลา 3 ปี
แต่ทางเราเห็นว่าระยะเวลามากเกินไปเลยต่อรองเหลือ 2 ปี ผู้เช่ารายนี้บอกว่าทำธุรกิจเลี้ยงและขายปลากระเบนสวยงาม
ซึ่งก่อนทำสัญญาก็ได้มีการตกลงกันว่าจะขอสร้างบ่อเลี้ยงปลาที่ชั้นล่างและขอเอาตู้เลี้ยงปลามาวางไว้ภายในบ้านบริเวณชั้น 2 และชั้น 3
รวมถึงขอเดินท่อติดกำแพงโดยในสัญญาระบุว่าหากมีการยกเลิกสัญญาจะทำการทุบบ่อปลา,ปูพื้นกระเบื้องใหม่และทำกำแพงให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม เพื่อความมั่นใจเราจึงให้ผู้เช่าวางเงินประกันค่าเช่า 3 เดือนและยอมให้ผู้เช่าทำตามที่ขอ ในวันทำสัญญาผู้เช่าไม่ได้เป็นคนมาทำสัญญาด้วยตัวเอง
ตอนแรกก็รู้สึกเอะใจแปลกๆ แต่ด้วยความที่เห็นว่าผู้เช่าพูดจาน่าเชื่อถือเลยตกลงยอมทำสัญญาพร้อมเงินค่าเช่าและเงินประกัน
ในช่วง 3 เดือนแรกผู้เช่าจ่ายค่าเช่าให้ตรงเวลาทุกครั้งที่ทวงถาม แต่เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4 ต้องรอประมาณ 5-7 วันถึงจะได้ค่าเช่า
เข้าเดือนที่ 4 เราจึงขอเข้าไปดูบ้าน สภาพบ้านที่เห็นตอนแรกรู้สึกเศร้าเลย บ้านที่เราเพิ่งทำมาใหม่ทำไมมันโทรมขนาดนี้
บ่อที่สร้างขึ้นมามีน้ำซึมออกมาตลอดเวลาทำให้พื้นและกำแพงบ้านเสียหายอย่างหนัก ช่วงเดือนที่ 4-9 ทุกเดือนต้องโทรทวงค่าเช่าทุกวัน
จนเข้าสู่เดือนที่ 9 จู่ๆผู้เช่าขอยกเลิกสัญญาเช่าโดยที่ค้างค่าเช่า 1 เดือน ระหว่างที่รอค่าเช่าทางเราให้ผู้เช่ามาเคลียร์เรื่องบ่อที่ทำไว้
แต่ผู้เช่าก็บ่ายเบี่ยงโน่นนี่หลอกให้เรารอจนสุดท้ายได้ค่าเช่าที่ค้างไว้ 1 เดือนซึ่งจ่ายช้ากว่าที่กำหนดเกือบเดือน
เมื่อได้ค่าเช่ามาแล้วทางเราก็ทวงถามเรื่องการทุบบ่อ แต่ผู้เช่าก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าจะติดต่อช่างมาทำเองแล้วก็เงียบหายไป
จนสุดท้ายเรารอไม่ไหวเพราะล่วงเลยมาเกือบ 2 เดือนจึงตัดสินใจยึดเงินประกันแล้วจัดการรีโนเวทบ้านใหม่เอง
หลังจากทุบบ่อเสร็จเราได้โทรไปหาเขาเพื่อบอกว่าค่าใช้จ่ายและสิ่งที่ต้องทำต่อไป ปฏิกิริยาของเขาคือบอกให้หักเงินประกันไปก่อน
ที่เหลือเดี๋ยวเขาจะโอนเพิ่มให้แต่ขอติดต่อช่างปูกระเบื้องเองแต่และขอมาถอดแอร์ 2 ตัวที่ติดไว้ก่อน แต่เราไม่ยอมให้เขาเข้ามาถอดแอร์เด็ดขาดถ้ายังไม่จ่ายเงินค่ารีโนเวทมา (คราวนี้ไม่โง่และเชื่อในคำพูดอีกแล้ว) หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
เราจึงตัดสินใจทำเองทั้งหมดไม่รอและไม่ติดต่อเขาอีกแล้ว จนถึงตอนนี้เราได้บ้านสภาพเดิมกลับมาแล้ว ตอนแรกว่าจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป
แต่คิดไปคิดมาขอเตือนคนอื่นๆดีกว่าเพราะได้ยินว่าตอนนี้คนๆนี้กำลังเช่าบ้านอีกที่หนึ่งอยู่ย่านฝั่งธน
ที่ผ่านมาเราต้องเสียเวลา เสียเงินและเสียสุขภาพจิตกับผู้เช่าคนนี้แบบสุดๆ เพียงเพราะความเชื่อใจและไว้ใจว่าเขาจะเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ
จึงอยากขอเตือนหากใครพบเจอผู้เช่ารายนี้ลักษณะเป็นผู้ชายที่ใช้ชื่อว่า เร (ไม่รู้ว่าชื่อจริงหรือเปล่า) พูดไทยไม่ค่อยชัด เบอร์โทร 080-5900055 รู้สึกว่าจะไม่ใช่คนไทย มาติดต่อขอเช่าบ้านให้ระวังไว้ให้ดี เพราะคนๆนี้จะพูดจาให้ดูดีเพื่อทำให้เราไว้ใจ แต่สุดท้ายก็ไร้ความรับผิดชอบและทิ้งภาระทุกอย่างไว้ให้คนอื่นต้องรับผิดชอบแทน
สรุปสิ่งที่ต้องจัดการเองคือทุบบ่อปลาจำนวน 2 บ่อ,ปูกระเบื้องพื้นใหม่ทั้งชั้น,รื้อท่อน้ำออกทั้งหมด,ทาสีใหม่ทั้งหมด,ซ่อมประตูและม่านบังตาและเคลียร์ขยะทั้งหมดที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้าพร้อมค่าเช่าที่ค้างไว้ 1 เดือนและค่าน้ำค่าไฟที่ค้างไว้ 2 เดือนหักจากเงินประกันแล้วรวมเป็นเงินประมาณ 50,000 บาท
สภาพบ่อเจ้าปัญหา
ค่าทุบบ่อและค่าขนเศษซากไปทิ้ง 30,000 บาท
สภาพบ้านก่อนให้เช่า
สภาพหลังจากรีโนเวทใหม่
ประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้รู้ว่าเราไม่ควรไว้ใจและเชื่อใจใครง่ายๆเพียงเพราะคำพูดแค่ลมปาก ต่อไปนี้ถ่าจะปล่อยบ้านให้ใครเช่าคงต้องทำสัญญาและตรวจสอบผู้เช่าให้ละเอียดกว่านี้ ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ผู้เช่าต่อเติมหรือดัดแปลงบ้านของเราเด็ดขาด เพราะถ้าเจอผู้เช่าแย่ๆแบบนี้จะได้ไม่คุ้มเสีย
ขอแชร์ประสบการณ์การปล่อยบ้านให้เช่าและเตือนระวังผู้เช่าที่มาในรูปแบบเจ้ากรรมนายเวร
โชคดีที่ได้เจอคนกำลังปล่อยขายเลยตัดสินใจซื้อทันทีแบบไม่ลังเล หลังจากซื้อแล้วก็ทำการต่อเติมและซ่อมแซมบ้านใหม่เกือบทั้งหลัง
เพราะสภาพเดิมค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมแต่แลกกับทำเลที่ติดถนนก็เลยคิดว่ายอมเสียค่ารีโนเวทใหม่ยังไงก็คุ้ม
เบ็ดเสร็จหมดค่ารีโนเวทไปประมาณ 350,000 บาท หลังรีโนเวทเสร็จก็ไปประกาศปล่อยเช่าทันทีตามเวปต่างๆ
และแล้วความซวยก็บังเกิดเมื่อเจ้ากรรมนายเวรติดต่อมาขอดูบ้านและตกลงที่จะขอทำสัญญาเช่าในระยะเวลา 3 ปี
แต่ทางเราเห็นว่าระยะเวลามากเกินไปเลยต่อรองเหลือ 2 ปี ผู้เช่ารายนี้บอกว่าทำธุรกิจเลี้ยงและขายปลากระเบนสวยงาม
ซึ่งก่อนทำสัญญาก็ได้มีการตกลงกันว่าจะขอสร้างบ่อเลี้ยงปลาที่ชั้นล่างและขอเอาตู้เลี้ยงปลามาวางไว้ภายในบ้านบริเวณชั้น 2 และชั้น 3
รวมถึงขอเดินท่อติดกำแพงโดยในสัญญาระบุว่าหากมีการยกเลิกสัญญาจะทำการทุบบ่อปลา,ปูพื้นกระเบื้องใหม่และทำกำแพงให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม เพื่อความมั่นใจเราจึงให้ผู้เช่าวางเงินประกันค่าเช่า 3 เดือนและยอมให้ผู้เช่าทำตามที่ขอ ในวันทำสัญญาผู้เช่าไม่ได้เป็นคนมาทำสัญญาด้วยตัวเอง
ตอนแรกก็รู้สึกเอะใจแปลกๆ แต่ด้วยความที่เห็นว่าผู้เช่าพูดจาน่าเชื่อถือเลยตกลงยอมทำสัญญาพร้อมเงินค่าเช่าและเงินประกัน
ในช่วง 3 เดือนแรกผู้เช่าจ่ายค่าเช่าให้ตรงเวลาทุกครั้งที่ทวงถาม แต่เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 4 ต้องรอประมาณ 5-7 วันถึงจะได้ค่าเช่า
เข้าเดือนที่ 4 เราจึงขอเข้าไปดูบ้าน สภาพบ้านที่เห็นตอนแรกรู้สึกเศร้าเลย บ้านที่เราเพิ่งทำมาใหม่ทำไมมันโทรมขนาดนี้
บ่อที่สร้างขึ้นมามีน้ำซึมออกมาตลอดเวลาทำให้พื้นและกำแพงบ้านเสียหายอย่างหนัก ช่วงเดือนที่ 4-9 ทุกเดือนต้องโทรทวงค่าเช่าทุกวัน
จนเข้าสู่เดือนที่ 9 จู่ๆผู้เช่าขอยกเลิกสัญญาเช่าโดยที่ค้างค่าเช่า 1 เดือน ระหว่างที่รอค่าเช่าทางเราให้ผู้เช่ามาเคลียร์เรื่องบ่อที่ทำไว้
แต่ผู้เช่าก็บ่ายเบี่ยงโน่นนี่หลอกให้เรารอจนสุดท้ายได้ค่าเช่าที่ค้างไว้ 1 เดือนซึ่งจ่ายช้ากว่าที่กำหนดเกือบเดือน
เมื่อได้ค่าเช่ามาแล้วทางเราก็ทวงถามเรื่องการทุบบ่อ แต่ผู้เช่าก็ยังบ่ายเบี่ยงว่าจะติดต่อช่างมาทำเองแล้วก็เงียบหายไป
จนสุดท้ายเรารอไม่ไหวเพราะล่วงเลยมาเกือบ 2 เดือนจึงตัดสินใจยึดเงินประกันแล้วจัดการรีโนเวทบ้านใหม่เอง
หลังจากทุบบ่อเสร็จเราได้โทรไปหาเขาเพื่อบอกว่าค่าใช้จ่ายและสิ่งที่ต้องทำต่อไป ปฏิกิริยาของเขาคือบอกให้หักเงินประกันไปก่อน
ที่เหลือเดี๋ยวเขาจะโอนเพิ่มให้แต่ขอติดต่อช่างปูกระเบื้องเองแต่และขอมาถอดแอร์ 2 ตัวที่ติดไว้ก่อน แต่เราไม่ยอมให้เขาเข้ามาถอดแอร์เด็ดขาดถ้ายังไม่จ่ายเงินค่ารีโนเวทมา (คราวนี้ไม่โง่และเชื่อในคำพูดอีกแล้ว) หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
เราจึงตัดสินใจทำเองทั้งหมดไม่รอและไม่ติดต่อเขาอีกแล้ว จนถึงตอนนี้เราได้บ้านสภาพเดิมกลับมาแล้ว ตอนแรกว่าจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป
แต่คิดไปคิดมาขอเตือนคนอื่นๆดีกว่าเพราะได้ยินว่าตอนนี้คนๆนี้กำลังเช่าบ้านอีกที่หนึ่งอยู่ย่านฝั่งธน
ที่ผ่านมาเราต้องเสียเวลา เสียเงินและเสียสุขภาพจิตกับผู้เช่าคนนี้แบบสุดๆ เพียงเพราะความเชื่อใจและไว้ใจว่าเขาจะเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ
จึงอยากขอเตือนหากใครพบเจอผู้เช่ารายนี้ลักษณะเป็นผู้ชายที่ใช้ชื่อว่า เร (ไม่รู้ว่าชื่อจริงหรือเปล่า) พูดไทยไม่ค่อยชัด เบอร์โทร 080-5900055 รู้สึกว่าจะไม่ใช่คนไทย มาติดต่อขอเช่าบ้านให้ระวังไว้ให้ดี เพราะคนๆนี้จะพูดจาให้ดูดีเพื่อทำให้เราไว้ใจ แต่สุดท้ายก็ไร้ความรับผิดชอบและทิ้งภาระทุกอย่างไว้ให้คนอื่นต้องรับผิดชอบแทน
สรุปสิ่งที่ต้องจัดการเองคือทุบบ่อปลาจำนวน 2 บ่อ,ปูกระเบื้องพื้นใหม่ทั้งชั้น,รื้อท่อน้ำออกทั้งหมด,ทาสีใหม่ทั้งหมด,ซ่อมประตูและม่านบังตาและเคลียร์ขยะทั้งหมดที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้าพร้อมค่าเช่าที่ค้างไว้ 1 เดือนและค่าน้ำค่าไฟที่ค้างไว้ 2 เดือนหักจากเงินประกันแล้วรวมเป็นเงินประมาณ 50,000 บาท
สภาพบ่อเจ้าปัญหา
ค่าทุบบ่อและค่าขนเศษซากไปทิ้ง 30,000 บาท
สภาพบ้านก่อนให้เช่า
สภาพหลังจากรีโนเวทใหม่
ประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้รู้ว่าเราไม่ควรไว้ใจและเชื่อใจใครง่ายๆเพียงเพราะคำพูดแค่ลมปาก ต่อไปนี้ถ่าจะปล่อยบ้านให้ใครเช่าคงต้องทำสัญญาและตรวจสอบผู้เช่าให้ละเอียดกว่านี้ ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ผู้เช่าต่อเติมหรือดัดแปลงบ้านของเราเด็ดขาด เพราะถ้าเจอผู้เช่าแย่ๆแบบนี้จะได้ไม่คุ้มเสีย