"คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่" คุณคิดว่าส่งผลกับสังคมไทยไหม


      สวัสดีครับ  ผมเองเป็นคนที่เกิดมากับสังคมที่  ปลูกฝังความเชื่อทั้งมีประโยชน์  และไม่มีประโยชน์ครับ  มีคำหนึ่งผมสังเกตุเห็นว่า  มีพลังในการหยุดยั้งคนมีเหตุผลมาก  จนทำให้คนที่มีเหตุผลกลายเป็นคนไม่ดี  และทำให้ไม่กล้าแสดงเหตุผล  ผมก็เลยอยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่คิดยังไงกับคำนี้  และถ้าเราไม่เชื่อหรือสงสัยสิ่งใด  โดยสิ่งนั้นมีผลกับเราโดยตรง  เขาเอาความเชื่อมายัดเยียดให้เราปฏิบัติตาม  และความเชื่อนั้น  ขัดกับหลักพุทธศาสนามาก  เราแสดงเหตุผลอธิบาย  ถือเป็นการลบหลู่ไหมในความคิดของท่าน  
   ยกตัวอย่าง  1 เงินคุณครูในโรงเรียนหาย  แล้วไป มอหา (คือการให้ร่างทรงทางภาคอีสานบอกว่า ใครเป็นคนขโมยลักษณะคนขโมยเป็นยังไง)  ร่างทรงก็บอกลักษณะนักเรียนที่ขโมย  คุณครูก็เรียกคนลักษณะตามร่างทรงบอก  มาเค้นเอาความจริง  ผมแย้งว่ามันเชื่อได้หรือครับ  มันจะเป็นการปลักปลำนักเรียนนะครับ  ร่างทรงรู้จริงหรือเปล่า  คุณครูตอบว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  คือจริงๆ  ผมไม่ได้คิดลบหลู่หรอกครับ  เพียงสงสารนักเรียนครับไม่มีหลักฐาน  ไม่มีพยานแล้วไปตราหน้าว่าเขาขโมย  
    ยกตัวอย่าง 2 แม่ยายผมได้ยินเสียงผี  มาเล่าให้ฟัง  ผมบอกว่าไม่ใช่เสียงผี  มันคือเสียงไม้ยูคาสีกันครับ  ตอนกลางคืนผมก็เคยได้ยิน  และเคยไปยืนดูด้วย  เพื่อค้นหาที่มาของเสียง  แม่ยายบอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  คือจริงๆ  ไม่อยากให้ท่านกลัวผีครับ  และเมื่อท่านกลัว  ท่านจะ  ไปนิมนต์พระกระเทยมาทำพิธี  ท่านค่อนข้างเชื่อในพระกระเทย  เพราะพระกระเทยทำให้วัดสวยงามครับ  แล้วพระกระเทยก็กำหนดว่า  จะต้องใส่ซองไม่น้อยกว่า 1000 บาท  แล้วก็ยังมีค่า  วัสดุอุปกรณ์อีกหลายอย่างครับ  เลยต้องแสดงเหตุผลให้ท่านฟัง  ว่าไม่ใช่เสียงผีครับ  
    ยกตัวอย่าง 3  ประเพณีอีสานจะมีการเลี้ยงปู่ตา  ถือเป็นบุญบ้านเล็กๆ ครับ  โดยจะมีการเชือดคอไก่  แล้วปล่อยให้เลือดไหลออกจนหมด  ไก่ก็ดิ้นทุรนทุลายจนตาย  ผมก็ไม่อยากให้แม่ทำเพราะมันเป็นบาป  แล้วอธิบายให้แม่ฟังว่าแบบนี้มันไม่ใช่บุญ  แล้วก็ซื้อเหล้าขาวไปกินเมากันในศาลปู่ตา  ประเพณีนั้นผมไม่ได้ห้ามหรือต่อต้าน  หรือเปลี่ยนความคิดชาวบ้านหรอกครับ  หรือลบหลู่อย่างใดหรอก  เพียงแต่ไม่อยากให้แม่ทำบาป  แม่ก็บอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  ผมเลยสงสัยว่า  คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่นั้น  มันทำให้คนเราไม่พิจารณา  หลักคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเลยเหรอ  จริงๆ  ผมอยากให้แม่ไปซื้อไก่ในตลาดที่เขาฆ่าเรียบร้อยครับ  ในส่วนนี้อยากจะเปลี่ยนความเห็นให้ท่านครับ  
    ยกตัวอย่าง  4 ในรถยนต์ผมจะไม่มีพระครับ   ผมลองทดสอบดูว่า  หากลองเอาพระมาอยู่ในใจเรา  คือการเอาหลักคำสอนมาปฏิบัติครับ  มีสติในการขับไม่ดื่มเหล้า  ไม่ประมาท  ตั้งตนอยู่ในศึล 5 ครับ  แล้วรถก็ไม่ได้ให้พระที่ไหนเจิมครับ  ขับกลับบ้านให้พ่อแม่อวยพรให้  พ่อแม่ก็บอกให้เอาไปเจิมกับพระ  ผมเลยบอกว่า  ผมให้ผู้ที่ประเสริฐกว่าพระเจิมให้แล้ว  แม่ถามว่าใคร  ผมบอกว่าพ่อแม่ครับ  แม่บอกอยากให้มีของรักษา  ผมเลยตอบแม่ว่า  ศีลจะรักษาผมครับแม่  แม่ก็บอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  ผมไม่ลบหลู่อะไรหรอกครับ  เพียงแต่ยึดหลักพระพุทธเจ้าครับ  แต่บุคคลที่เขาเอารถไปเจิม  หรือห้อยพระ  ผมก็ไม่เคยตำหนิท่านเหล่านั้น  หรือพูดสั่งสอน  ไม่ก้าวล่วงความเชื่อท่านด้วย  ปัจจุบันรถผม 10 ปีแล้วครับ  ระยะเดินทาง 2.8 แสนกิโลเมตรครับ  แต่ไม่เคยขับไปชนคนอื่น  และคนอื่นก็ไม่เคยขับมาชนด้วยครับ  
    ยกตัวอย่าง 5 มีญาติคนหนึ่งเขาป่วยเป็นโรคติดต่อ  แล้วไม่ยอมไปรักษาเพราะกลัวคนอื่นรู้  ก็พยายามไปสะเดาะห์เคราะห์แก้กรรม  เวลาผ่านไป 10 ปี  ร่างกายทรุดใกล้ตาย  ผมลองเข้าไปค้นหาความรู้เกี่ยวกับโรคนี้  ปรากฏว่า  ปัจจุบันมียากินแล้ว  แต่ทางญาติ  จะไปนิมนต์พระมาสวดส่ง  เพื่อให้ตายเร็วหมดเวรหมดกรรมครับ  ผมเลยไปเล่าให้แฟนฟังว่า  ลองพาไปโรงพยาบาลไหม  เพราะทุกวันนี้มียาแล้ว  ทำพิธีกรรมมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก  ลองพาไปดู  ในเครือญาติก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก  แฟนก็เลยบอกว่า  ทางพิธีกรรมก็ลองมาหมดแล้ว  ไม่ได้ผล  ลองทางการแพทย์ดูบ้างไม่เสียหาย  เขาก็บอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  สุดท้ายก็ยอมพาไปหาหมอ  อาการหนักอยู่ 3 วัน  แล้วก็ฟื้น  ปัจจุบันมีชีวิตอยู่ปกติ  ร่างกายแข็งแรง  และหมอบอกว่าอยู่ได้ไปเรื่อยๆ  จริงๆ  เรื่องความเชื่อผมจะไม่ค่อยเข้าไปเกี่ยวข้อง  แต่ถ้าเป็นความเป็นความตาย  ญาติพี่น้องตัวเอง  ถ้าพอจะช่วยได้  ก็อยากจะช่วย  จะเมตตา  และกรุณาก่อน  ถึงจะอุเบกขาครับ  ถ้าปล่อยวางเลย  ไม่ยุ่งไม่สนใครจะเป็นจะตายก็ไม่สน  ก็จะเกิดความรู้สึกผิดในใจครับ   เมื่อความเมตตาของเรา  ไม่ส่งผลดีต่อผู้รับ ผู้รับก็ไม่ยอมรับ  จากนั้นผมจะถอยออกมา  แล้วอุเบกขาครับ  วางเฉยครับ
      จากตัวอย่างที่ยกมานั้น  หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  จะไม่กล้าแสดงเหตุผล  เพราะกลัวหรืออะไรก็แล้วแต่  ถึงแม้การแสดงเหตุผลของเรา  จะช่วยชีวิตคน  หรือช่วยปกป้อนคนไม่ได้มีความผิด  เช่นตัวอย่างแรก  ไม่มีใครกล้าปกป้องนักเรียน  ที่เป็นผู้ต้องหา  ตามที่หมอทรงกล่าวหา  ถ้าใครไม่เชื่อ  คนนั้นลบหลู่  ผมเลยคิดว่า  หากเราไม่เชื่อแล้วเรามีเหตุผลอธิบายให้เขาฟัง  ด้วยท่าทางที่สุภาพ  เพื่อประโยชน์แก่บุคคลหรือสังคม  ถือเป็นการลบหลู่ไหม  แล้วคำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่  ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มีเหตุผล  ตามหลักที่ชาวพุทธควรเป็นไหม  หากบางเรื่องมันเกินปัญญาเราที่จะพิจารณาได้  เราก็ยึดเอาหลักคำสอนเป็นแนวพิจารณาก่อนเชื่อ  จะดีไหมครับ  แต่ถ้าใช้ทั้งหลักพราหม์ หลักหมอผี หลักพุทธ หลักโหราศาตร์  นำมาพิจารณาก่อนเชื่อ  รู้สึกว่าแต่ละศาสตร  มักจะขัดแย้งกันครับ  แต่ถ้าเราเอาหลักพุทธมาพิจารณาแล้ว  แสดงเหตุผลแบบชาวพุทธ  ก็มักจะได้ยินคำว่า  ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เสมอ  ท่านว่าจริงไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปรัชญา ทำบุญ ศาสนา ศาสนาพุทธ บทความ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่