ตอนแรกกะจะไม่ไปดู แต่เห็นกระแสแรงเลยต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองซะหน่อยเลยเพิ่งมาได้ดูวีค 2 ลองอ่านดูนะครับ
พล็อตเรื่อง 7/10
หนังว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งมีพ่อ แม่และลูกสาว พ่อแม่แยกทางกันเพราะพ่อไม่มีเวลาใส่ใจครอบครัว ลูกสาวที่อยู่บ้านพ่ออยากกลับไปหาแม่ พ่อจึงต้องนั่งรถไฟไปส่งลูกที่ปูซานแต่ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นและมันได้มาถึงรถไฟขบวนนี้ด้วย พวกเขาต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้พร้อมทั้งหาสถานที่ปลอดภัย ตามสไตล์หนังซอมบี้ทั่วไปจะไม่ค่อยมีเนื้อหาซับซ้อนอะไรมาก เน้นที่การเอาตัวรอดและให้คนดูชวนลุ้น ชวนแหวะ ส่วนเรื่องนี้จะสอดแทรกดราม่าเข้าไปด้วย ไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น ในหนังเน้นอุปสรรคต่างๆค่อนข้างเยอะตามเรื่องตามราวซะมากกว่า
การดำเนินเรื่อง 8.5/10
หนังเข้าเรื่องได้รวดเร็วกำลังดี ชวนให้เราได้ลุ้นและติดตามได้ตลอดทั้งเรื่องแต่ก็พอมีช่วงให้เราได้หยุดพักหายใจบ้าง หนังยังเน้นดราม่าค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับด้านมืดในจิตใจมนุษย์จากความกลัว สิ้นหวัง การเอาตัวรอด นี่คือสิ่งที่หนังทำได้ถึงจริงๆ ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมได้เกือบทั้งหมด แต่ยังไงก็ดีหนังยังมีความไม่สมเหตุสมผลในบางฉากอยู่เหมือนกัน บางเรื่องเป็นความไม่สมเหตุสมผลทั่วๆไปของหนังแนวนี้ เช่น วิ่งหนีไม่ปิดประตู ต้องมาปิดบานสุดท้าย เป็นต้น บางเรื่องก็ไม่สมเหตุสมผลแบบดูยัดเยียดให้มันดูลุ้น น่าตกใจหรือดราม่าซึ่งเดี๋ยวจะสปอยไว้ After Review หลังสรุปนะครับ
ซอมบี้เรื่องนี้มีความคล้ายกับ World War Z มากๆคือเน้นจำนวนเยอะแห่มาเป็นฝูงวิ่งทับกับระเนระนาดด้วยความรุนแรง หนังเรื่องนี้ไม่มีความแปลกใหม่อะไรแต่มีลูกเล่นใหม่ซะมากกว่าซึ่งเอามาใช้ได้อย่างดีเยี่ยม มีฉากบีบหัวใจที่ชวนให้เราลุ้นเอาใจช่วยกันสายตัวแทบขาด สะกดอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด โดยเฉพาะฉากความมืดในอุโมงค์ยอดมากๆ หนังเข้าใจสร้างปัญหาแต่ละอย่างได้ค่อนข้างน่าสนใจ ทำให้เราอยากรู้ อยากดูและลุ้นตัวโก่งกันเลยว่าจะแก้ปัญหากันยังไง ด้านเทคนิคการถ่ายทำก็พัฒนาขึ้นถึงแม้บางฉากจะยังไม่ค่อยเนียนก็ตามแต่ก็โอเคครับ
ตัวละคร 8/10
ตัวละครแทบทุกตัวในหนังแสดงและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดี เข้าถึงอารมณ์ของเหตุการณ์นั้นๆได้โอเคเลยและยังพัฒนาตามเนื้อเรื่องอีกด้วยเช่นจากคนที่คิดแต่จะเอาตัวเองรอดมาตลอดหลังจากผ่านอะไรมาด้วยกันก็เริ่มคิดที่จะช่วยคนอื่นบ้าง และตามสไตล์หนังแนวนี้ก็ยังไม่พ้นที่จะต้องมีตัวละครงี่เง่าเสมอ ซึ่งบางทีก็รู้สึกรำคาญเหมือนกันไม่ค่อยชอบตัวละครแบบนี้สักเท่าไหร่ คอยสร้างปัญหาแบบงี่เง่าๆ ทำอะไรไร้เหตุผลให้ดูขัดใจเล่น สู้ไปสร้างเหตุการณ์ให้ตัวละครฉลาด มีไหวพริบแก้ปัญหาน่าจะดูสนุกกว่า ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษเลยคือพระเอกของเรื่องแสดงบทดราม่าได้ถึงและอินสุดๆ รองลงมาก็ลุงอ้วนนักบู๊แกน่าจะได้ใจคนดูไปเต็มๆกับความใจสู้และอื่นๆของแก ส่วนคนอื่นๆก็ทำได้ดีไม่แพ้ คนที่ทำตัวน่าเกลียดก็ทำให้คนดูเกลียดได้จริงๆ
สรุป 8/10
Train to Busan นับเป็นหนังก้าวสำคัญมากๆของวงการณ์ภาพยนตร์เกาหลีที่สามารถทำหนังแนวนี้ได้ทัดเทียมกับฮอลลีวู้ดและอาจจะดีกว่าบางเรื่องด้วยซ้ำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันช่างออกแนวสไตล์ World War Z ซะเหลือเกินเหมือนอาศัยแนวทางแล้วเอามาต่อยอดและประยุกต์ซึ่งก็ทำได้ดี หนังยังให้ข้อคิดหลายๆอย่างเกี่ยวกับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความน่าสมเพชในด้านมืดของจิตใจมนุษย์ หนังให้ความบันเทิงหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ การดิ้นรนเอาตัวรอด ดราม่า หนังมีการดำเนินเรื่องที่ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง มีฉากสำคัญให้ได้ลุ้นกันเยอะ มีลูกเล่นใหม่บ้างที่ทำให้หนังไม่ดูซ้ำซากกับเรื่องอื่นจนเกินไป ตัวละครทุกคนแสดงบทบาทได้ดี จะติอยู่อย่างคือความไม่สมเหตุสมผลบางฉากที่ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ซึ่งเดี๋ยวจะสปอยไว้ After Review หลังสรุปนะครับเอาเท่าที่นึกขึ้นได้ โดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่สนุกดี ใครที่ยังไม่ได้ดูก็น่าลองไปโดนกันนะครับ
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ -
https://www.facebook.com/NangDMeReview/
After Review
***** มีสปอยเนื้อหาในหนัง ถ้ายังไม่ได้ดูอย่าเพิ่งกดอ่านนะครับ *****
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พูดถึงฉากไม่สมเหตุสมผลที่ค่อนข้างขัดใจๆมากเลยคือ
- ความงี่เง่าเดิมๆของหนังแนวนี้ไม่เคยหายคือชอบยืนดูยืนจ้องมันอยู่นั่นแหละควรจะวิ่งตั้งนานแล้วจนสุดท้ายหนีไม่ทัน ถ้าคิดว่าการยืนดูของตัวละครทำให้คนดูได้เห็นเหตุการณ์ ก็ให้มันวิ่งแล้วหันหลังมามองนิดนึงก็น่าจะได้ อารมณ์ในใจมันแบบวิ่งซิวะ เพลงชาติขึ้นเหรอไงทำนองนั้น 55
- ในตอนที่ซอมบี้ตัวแรกกัดคนในรถไฟ ทุกคนแตกตื่น วิ่งกันอุตลุด วิ่งหนีกันไปตู้แล้วตู้เล่าแต่ไม่มีใครคิดจะปิดประตูสักคน จนมันเยอะขึ้นเรื่อยๆค่อยจะมาปิด.. น่าจะทำให้ตัวละครสักตัวฉลาดในการแก้ปัญหาหน่อยจะทำให้หนังดูสนุกขึ้นอีกเยอะ เหมือนที่นางเอกคนท้องสาดน้ำใส่กระจกแล้วหนังสือพิมพ์มาแปะไม่ให้ซอมบี้เห็นเนี่ยเจ๋งมากๆ
- ตามปกติแล้วรถไฟวิ่งออกจากชานชาลาจะต้องค่อยๆเร็วขึ้น ตอนลุงอ้วนบู๊กำลังวิ่งขึ้นรถไฟที่ดูจะไม่ทันแล้วลุงแกตัดสินใจหยิบโล่ หยิบไม้ตามพื้นและวิ่งช้าลงไปตีซอมบี้นิดนึงแต่ยังอุตส่าห์วิ่งกลับมาทันรถไฟพร้อมโล่กับไม้ หลอกคนดูนึกว่าจะเสียสละ.. เดิมวิ่งตัวเปล่าความเร็วรถไฟเพิ่งออกก็ไม่ทันอยู่แล้ว นี่รถไฟวิ่งไปสักพัก + ตัวเองลดความเร็วไปตีซอมบี้แล้ว + ถือโล่กับไม้ = ขึ้นรถไฟทัน..........คือร่ะ..
- ตอนที่พวกพระเอกไปช่วยลูกและนางเอกท้องจากตู้ 14 มาถึงตู้ที่ปลอดภัย(ขอสมมติเป็นตู้ 99 จำเลขตู้ไม่ได้ครับ) ทุกคนที่อยู่ในตู้ 99 ก่อนพวกพระเอกต่างไม่ไว้ใจพวกพระเอกกลัวว่าจะติดเชื้อจึงไม่อยากให้อยู่ร่วมตู้เดียวกันซึ่งตอนนั้นซอมบี้อยู่ตู้ข้างๆแล้ว แทนที่จะให้พวกพระเอกอยู่ตู้ 99 ที่ใกล้ซอมบี้แต่กลับให้ไปอยู่ตู้ถัดไปแล้วเอาตัวเองอยู่ใกล้ซอมบี้แทนซะงั้น ขนาดก่อนที่พระเอกมายังเว้นไว้ตู้นึงกันซอมบี้ซึ่งคือตู้ที่พระเอกกับลุงอ้วนกันซอมบี้ที่ประตูอยู่นั่นแหละ ซึ่งดูแล้วไม่ make sense มากๆ
- ในเหตุการณ์เดียวกันกับข้างบน ตู้ที่พระเอกกับลุงอ้วนกันซอมบี้ที่ประตูโดนซอมบี้ดันจนกระจกแตก แต่ตู้ 99 ซอมบี้ดันอยู่นานระหว่างดราม่ากลับไม่แตกไม่ร้าวซะงั้นต้องให้ป้าไปเปิดประตู
- ในฉากท้ายๆที่พระเอก นางเอกและลูกสาวอยู่บนรถไฟขบวนใหม่เจอกับซอมบี้อ้วนที่ทิ้งคนตายแทนตัวเองเป็นว่าเล่น ดูแล้วพระเอกไม่จำเป็นต้องช่วยนางเอกด้วยการเอามือป้องปากซอมบี้เลย ถ้าหนังทำให้เห็นว่าจะกัดโดนแล้วเอามือป้องให้ก็พอฟังขึ้นอยู่ นี่ยังห่างอีกตั้งเยอะแค่ใช้แขนรัดคออกมาก็น่าจะพอแล้ว เลยรู้สึกว่าดูยัดเยียดจะให้พระเอกตายไปหน่อยเพื่อจะได้ซึ้งๆ
- ในตอนสุดท้ายที่นางเอกกับลูกสาวพระเอกเดินผ่านอุโมงค์มืด ที่ปลายอุโมงค์มีทหารดั้งป้อมระวังภัยอยู่ เมื่อทหารได้รับคำสั่งว่าให้ตรวจสอบคนที่เดินผ่านอุโมงค์ก่อนว่าเป็นคนหรือซอมบี้ นี่ตรวจสอบกันในอุโมงค์มืดๆแล้วมันจะไปแยกคนกับซอมบี้ได้ยังไง ถ้าจะดูจากท่าเดินในเงา 2 คนนั้นก็ดูเดินเป็นคนปกติ ไม่ได้แขนขางอ หัวเอียง หัวสั่นเหมือนซอมบี้ ถ้าเดินปกติแล้วยังตัดสินเป็นคนไม่ได้แล้วต้องเป็นแบบไหนถึงจะเรียกว่าคนปกติแล้วไม่ยิง ตรงนี้เลยคิดว่าดูยัดเยียดให้คนดูตกใจและลุ้นว่า 2 คนนี้จะโดนฆ่าตอนจบเหรอทั้งที่วิธีการตรวจสอบมันดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ตอนแรกนึกว่าทหารตั้งค่ายปืนไกลจากปากอุโมงค์นิดนึงเผื่อเห็นรูปลักษณ์ไว้ตรวจสอบแล้วค่อยตัดสินใจยิงก็ยังพอฟังได้อยู่
[CR] [Review-No spoil] Train to Busan - ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง
ตอนแรกกะจะไม่ไปดู แต่เห็นกระแสแรงเลยต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองซะหน่อยเลยเพิ่งมาได้ดูวีค 2 ลองอ่านดูนะครับ
พล็อตเรื่อง 7/10
หนังว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งมีพ่อ แม่และลูกสาว พ่อแม่แยกทางกันเพราะพ่อไม่มีเวลาใส่ใจครอบครัว ลูกสาวที่อยู่บ้านพ่ออยากกลับไปหาแม่ พ่อจึงต้องนั่งรถไฟไปส่งลูกที่ปูซานแต่ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นและมันได้มาถึงรถไฟขบวนนี้ด้วย พวกเขาต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้พร้อมทั้งหาสถานที่ปลอดภัย ตามสไตล์หนังซอมบี้ทั่วไปจะไม่ค่อยมีเนื้อหาซับซ้อนอะไรมาก เน้นที่การเอาตัวรอดและให้คนดูชวนลุ้น ชวนแหวะ ส่วนเรื่องนี้จะสอดแทรกดราม่าเข้าไปด้วย ไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น ในหนังเน้นอุปสรรคต่างๆค่อนข้างเยอะตามเรื่องตามราวซะมากกว่า
การดำเนินเรื่อง 8.5/10
หนังเข้าเรื่องได้รวดเร็วกำลังดี ชวนให้เราได้ลุ้นและติดตามได้ตลอดทั้งเรื่องแต่ก็พอมีช่วงให้เราได้หยุดพักหายใจบ้าง หนังยังเน้นดราม่าค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับด้านมืดในจิตใจมนุษย์จากความกลัว สิ้นหวัง การเอาตัวรอด นี่คือสิ่งที่หนังทำได้ถึงจริงๆ ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมได้เกือบทั้งหมด แต่ยังไงก็ดีหนังยังมีความไม่สมเหตุสมผลในบางฉากอยู่เหมือนกัน บางเรื่องเป็นความไม่สมเหตุสมผลทั่วๆไปของหนังแนวนี้ เช่น วิ่งหนีไม่ปิดประตู ต้องมาปิดบานสุดท้าย เป็นต้น บางเรื่องก็ไม่สมเหตุสมผลแบบดูยัดเยียดให้มันดูลุ้น น่าตกใจหรือดราม่าซึ่งเดี๋ยวจะสปอยไว้ After Review หลังสรุปนะครับ
ซอมบี้เรื่องนี้มีความคล้ายกับ World War Z มากๆคือเน้นจำนวนเยอะแห่มาเป็นฝูงวิ่งทับกับระเนระนาดด้วยความรุนแรง หนังเรื่องนี้ไม่มีความแปลกใหม่อะไรแต่มีลูกเล่นใหม่ซะมากกว่าซึ่งเอามาใช้ได้อย่างดีเยี่ยม มีฉากบีบหัวใจที่ชวนให้เราลุ้นเอาใจช่วยกันสายตัวแทบขาด สะกดอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด โดยเฉพาะฉากความมืดในอุโมงค์ยอดมากๆ หนังเข้าใจสร้างปัญหาแต่ละอย่างได้ค่อนข้างน่าสนใจ ทำให้เราอยากรู้ อยากดูและลุ้นตัวโก่งกันเลยว่าจะแก้ปัญหากันยังไง ด้านเทคนิคการถ่ายทำก็พัฒนาขึ้นถึงแม้บางฉากจะยังไม่ค่อยเนียนก็ตามแต่ก็โอเคครับ
ตัวละคร 8/10
ตัวละครแทบทุกตัวในหนังแสดงและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดี เข้าถึงอารมณ์ของเหตุการณ์นั้นๆได้โอเคเลยและยังพัฒนาตามเนื้อเรื่องอีกด้วยเช่นจากคนที่คิดแต่จะเอาตัวเองรอดมาตลอดหลังจากผ่านอะไรมาด้วยกันก็เริ่มคิดที่จะช่วยคนอื่นบ้าง และตามสไตล์หนังแนวนี้ก็ยังไม่พ้นที่จะต้องมีตัวละครงี่เง่าเสมอ ซึ่งบางทีก็รู้สึกรำคาญเหมือนกันไม่ค่อยชอบตัวละครแบบนี้สักเท่าไหร่ คอยสร้างปัญหาแบบงี่เง่าๆ ทำอะไรไร้เหตุผลให้ดูขัดใจเล่น สู้ไปสร้างเหตุการณ์ให้ตัวละครฉลาด มีไหวพริบแก้ปัญหาน่าจะดูสนุกกว่า ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษเลยคือพระเอกของเรื่องแสดงบทดราม่าได้ถึงและอินสุดๆ รองลงมาก็ลุงอ้วนนักบู๊แกน่าจะได้ใจคนดูไปเต็มๆกับความใจสู้และอื่นๆของแก ส่วนคนอื่นๆก็ทำได้ดีไม่แพ้ คนที่ทำตัวน่าเกลียดก็ทำให้คนดูเกลียดได้จริงๆ
สรุป 8/10
Train to Busan นับเป็นหนังก้าวสำคัญมากๆของวงการณ์ภาพยนตร์เกาหลีที่สามารถทำหนังแนวนี้ได้ทัดเทียมกับฮอลลีวู้ดและอาจจะดีกว่าบางเรื่องด้วยซ้ำ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันช่างออกแนวสไตล์ World War Z ซะเหลือเกินเหมือนอาศัยแนวทางแล้วเอามาต่อยอดและประยุกต์ซึ่งก็ทำได้ดี หนังยังให้ข้อคิดหลายๆอย่างเกี่ยวกับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความน่าสมเพชในด้านมืดของจิตใจมนุษย์ หนังให้ความบันเทิงหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ การดิ้นรนเอาตัวรอด ดราม่า หนังมีการดำเนินเรื่องที่ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง มีฉากสำคัญให้ได้ลุ้นกันเยอะ มีลูกเล่นใหม่บ้างที่ทำให้หนังไม่ดูซ้ำซากกับเรื่องอื่นจนเกินไป ตัวละครทุกคนแสดงบทบาทได้ดี จะติอยู่อย่างคือความไม่สมเหตุสมผลบางฉากที่ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ซึ่งเดี๋ยวจะสปอยไว้ After Review หลังสรุปนะครับเอาเท่าที่นึกขึ้นได้ โดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่สนุกดี ใครที่ยังไม่ได้ดูก็น่าลองไปโดนกันนะครับ
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/
After Review
***** มีสปอยเนื้อหาในหนัง ถ้ายังไม่ได้ดูอย่าเพิ่งกดอ่านนะครับ *****
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้