Exclusive สัมภาษณ์ พ่อแม่เขาเลี้ยงลูกยังไงนะถึงดีอย่างนี้...มาเลี้ยงลูกให้เป็น Excellent boy แบบ ณเดชน์ + เจมส์ มาร์ กัน
http://pantip.com/topic/35428605
โบราณว่าไว้ กลัวไฟอย่าถามหาควัน วันก่อนคุยว่าลูกไม่หอบนานเป็นปีๆ เพราะได้เคล็ดลับดีๆ จากทั้ง "แม่แก้ว" และ "ณเดชน์" มาพิชิตโรคหอบในกระทู้ข้างต้น ปรากฏว่า ที่หายหน้าไป ปล่อยกระทู้ค้างเติ่งไว้ ไม่มาต่อให้จบ เป็นเพราะลูกไม่สบาย หอบกำเริบต้องหอบไปหาหมอถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้กระทู้ขาดความต่อเนื่อง กราบแนบอกขออภัยคนรออ่านกระทู้ด้วยนะคะ
ก็อย่างที่เรารู้ๆ กันนะคะว่า ทั้ง "ณเดชน์" และ "เจมส์ มาร์" นั้น เป็นผู้ชายที่ครบเครื่องมากที่สุด นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ทั้งคู่ยังเก่งและมีความสามารถรอบด้าน เล่นละครก็ดี ร้องเพลงก็เพราะมาก เล่นกีฬาและเต้นก็เก่ง แถมยังเล่นดนตรีได้อีกหลายอย่าง ครอบครัวก็มีฐานะดี ที่สำคัญทั้งสองคนมีความนอบน้อมถ่อมตัว วางตัวดี มีทัศนคติที่ดี มีอารมณ์ขัน มีบุคลิกเยี่ยม แถมไหว้สวยและไม่เลือกคนไหว้อีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีไหวพริบ ปฏิภาณแก้ไขปัญหา อารมณ์ดี ขี้เล่น (เจมส์ มาร์ เพิ่งมีช่วงหลังๆ) เวลาตอบคำถามสื่อ ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ได้น่ารักมาก หน้ายิ้มตลอดแม้จะเจอคำถามแย่ๆ ฯลฯ แต่ทั้งคู่ก็สามารถเอาพลังบวกสยบพลังลบได้ ทั้งยังตอบตรงทุกประเด็น ไม่เสแสร้ง แถมบัวก็ไม่ช้ำน้ำก็ไม่ขุ่นด้วย
ที่ จขกท.ชื่นชมมากที่สุดคือ ทั้งคู่มีความเป็นธรรมชาติในตัวเองสูง ไม่ปล่อยให้ปัจจัยภายนอกมาทำให้ตัวเองหวั่นไหวจนเสียจุดยืน ทั้งยังมุ่งมั่นไม่หวั่นไหวแม้จะเจอคำคน ไม่เคยถอดใจที่เจอคำด่าที่ทำให้เสียกำลังใจ ณเดชน์เอง ตอนเล่นละครเรื่องแรกก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเปรี้ยง แถมยังถูกวิจารณ์ว่าหน้ายาวประหลาดๆ เช่นเดียวกับเจมส์มาร์ที่เจอพายุคำคนที่ตัดสินแค่ "หน้าปก" ยังมิทันได้พลิกอ่านเนื้อใน เป็นหน่อทิ่มแทงจิตใจก่อนที่จะได้ยลผลงานเสียด้วยซ้ำ แต่ทั้งคู่ก็มุ่งมั่นไม่หวั่นไหวแม้จะเจอคำคน ไม่เคยถอดใจที่เจอคำด่าที่ทำให้เสียกำลังใจ กว่าจะมายืนจุดนี้ได้ ทั้งคู่ก็มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองและทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ และผ่านอะไรมาไม่ใช่น้อย
เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งคู่ยังมีความ "แมน" มีความเป็น "สุภาพบุรุษ" ที่อบอุ่นและอ่อนโยนอยู่ในตัวสูงอีกด้วย เรียกว่าทั้งสองคนมีของดี ๆ อยู่ในตัวทั้งหมด หาใครเทียบได้ยากจริง ๆ
อะไรจะ perfect ขนาดนี้ แน่นอนค่ะว่า ถ้าได้สองคนนี้มาเป็น ผ เอ๊ย เป็นน้อง เป็นลูก เป็นหลานเรา เราคงภูมิใจอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้แหละค่ะ ที่ จขกท. เลือกเอา 2 คนนี้มาเป็นไอดอลของลูกชาย ดังที่ได้เขียนไว้ในกระทู้ก่อนค่ะ
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ
แต่อย่างว่านะคะ เด็กก็ยังคือเด็กค่ะ เราต้องปล่อยให้เด็กเป็นเด็กตามวัยและธรรมชาติของเขา และถึงเราจะชอบทั้ง "ณเดชน์" และ "เจมส์ มาร์" จนถึงกับเอามาสอนลูกเรา ก็ไม่ได้หมายความว่า ลูกจะเป็นเหมือนพี่ทั้งสองคน เพราะคนเราย่อมมีความเป็นปัจเจก มีความแตกต่างระหว่างบุคคล ข้อดีของพี่ทั้งสองเป็นแค่การเอามา “เติม” สิ่งที่ลูกยังไม่มี และแม่ก็มีความสุขที่ได้คัดสรรสิ่งดีๆ จากพี่ๆ มาระบายสีบนผ้าขาวผืนน้อยผืนนี้ ส่วนสีไหนที่ไม่สวย หรือสีไหนที่ลูกไม่ชอบ ก็จะไม่เอามาระบายให้เจ้าของผ้าไม่มีความสุขกับสีสันของชีวิตตัวเองค่ะ
มาดูกันนะคะว่า มี "สี" ไหนบ้าง ที่ลูกไม่ยอม "เปลี่ยนสี" ทำตามไอดอลของเขา และมีสีไหนที่แม่ไม่ยอมระบายไปบนผ้าใบชีวิตของลูกบ้าง
ขอเริ่มจาก พี่เจมส์ มาร์ ก่อนค่ะ
Exclusive เลี้ยงลูกตามแบบพ่อแม่ซุปตาร์ : เรื่องฮาๆ ที่แม่และลูก ไม่ยอมทำตาม ไอดอล เจมส์ มาร์+ ณเดชน์ (ขวัญใจของแม่)
http://pantip.com/topic/35428605
โบราณว่าไว้ กลัวไฟอย่าถามหาควัน วันก่อนคุยว่าลูกไม่หอบนานเป็นปีๆ เพราะได้เคล็ดลับดีๆ จากทั้ง "แม่แก้ว" และ "ณเดชน์" มาพิชิตโรคหอบในกระทู้ข้างต้น ปรากฏว่า ที่หายหน้าไป ปล่อยกระทู้ค้างเติ่งไว้ ไม่มาต่อให้จบ เป็นเพราะลูกไม่สบาย หอบกำเริบต้องหอบไปหาหมอถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้กระทู้ขาดความต่อเนื่อง กราบแนบอกขออภัยคนรออ่านกระทู้ด้วยนะคะ
ก็อย่างที่เรารู้ๆ กันนะคะว่า ทั้ง "ณเดชน์" และ "เจมส์ มาร์" นั้น เป็นผู้ชายที่ครบเครื่องมากที่สุด นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ทั้งคู่ยังเก่งและมีความสามารถรอบด้าน เล่นละครก็ดี ร้องเพลงก็เพราะมาก เล่นกีฬาและเต้นก็เก่ง แถมยังเล่นดนตรีได้อีกหลายอย่าง ครอบครัวก็มีฐานะดี ที่สำคัญทั้งสองคนมีความนอบน้อมถ่อมตัว วางตัวดี มีทัศนคติที่ดี มีอารมณ์ขัน มีบุคลิกเยี่ยม แถมไหว้สวยและไม่เลือกคนไหว้อีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีไหวพริบ ปฏิภาณแก้ไขปัญหา อารมณ์ดี ขี้เล่น (เจมส์ มาร์ เพิ่งมีช่วงหลังๆ) เวลาตอบคำถามสื่อ ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ได้น่ารักมาก หน้ายิ้มตลอดแม้จะเจอคำถามแย่ๆ ฯลฯ แต่ทั้งคู่ก็สามารถเอาพลังบวกสยบพลังลบได้ ทั้งยังตอบตรงทุกประเด็น ไม่เสแสร้ง แถมบัวก็ไม่ช้ำน้ำก็ไม่ขุ่นด้วย
ที่ จขกท.ชื่นชมมากที่สุดคือ ทั้งคู่มีความเป็นธรรมชาติในตัวเองสูง ไม่ปล่อยให้ปัจจัยภายนอกมาทำให้ตัวเองหวั่นไหวจนเสียจุดยืน ทั้งยังมุ่งมั่นไม่หวั่นไหวแม้จะเจอคำคน ไม่เคยถอดใจที่เจอคำด่าที่ทำให้เสียกำลังใจ ณเดชน์เอง ตอนเล่นละครเรื่องแรกก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเปรี้ยง แถมยังถูกวิจารณ์ว่าหน้ายาวประหลาดๆ เช่นเดียวกับเจมส์มาร์ที่เจอพายุคำคนที่ตัดสินแค่ "หน้าปก" ยังมิทันได้พลิกอ่านเนื้อใน เป็นหน่อทิ่มแทงจิตใจก่อนที่จะได้ยลผลงานเสียด้วยซ้ำ แต่ทั้งคู่ก็มุ่งมั่นไม่หวั่นไหวแม้จะเจอคำคน ไม่เคยถอดใจที่เจอคำด่าที่ทำให้เสียกำลังใจ กว่าจะมายืนจุดนี้ได้ ทั้งคู่ก็มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองและทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ และผ่านอะไรมาไม่ใช่น้อย
เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งคู่ยังมีความ "แมน" มีความเป็น "สุภาพบุรุษ" ที่อบอุ่นและอ่อนโยนอยู่ในตัวสูงอีกด้วย เรียกว่าทั้งสองคนมีของดี ๆ อยู่ในตัวทั้งหมด หาใครเทียบได้ยากจริง ๆ
อะไรจะ perfect ขนาดนี้ แน่นอนค่ะว่า ถ้าได้สองคนนี้มาเป็น ผ เอ๊ย เป็นน้อง เป็นลูก เป็นหลานเรา เราคงภูมิใจอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้แหละค่ะ ที่ จขกท. เลือกเอา 2 คนนี้มาเป็นไอดอลของลูกชาย ดังที่ได้เขียนไว้ในกระทู้ก่อนค่ะ
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ
แต่อย่างว่านะคะ เด็กก็ยังคือเด็กค่ะ เราต้องปล่อยให้เด็กเป็นเด็กตามวัยและธรรมชาติของเขา และถึงเราจะชอบทั้ง "ณเดชน์" และ "เจมส์ มาร์" จนถึงกับเอามาสอนลูกเรา ก็ไม่ได้หมายความว่า ลูกจะเป็นเหมือนพี่ทั้งสองคน เพราะคนเราย่อมมีความเป็นปัจเจก มีความแตกต่างระหว่างบุคคล ข้อดีของพี่ทั้งสองเป็นแค่การเอามา “เติม” สิ่งที่ลูกยังไม่มี และแม่ก็มีความสุขที่ได้คัดสรรสิ่งดีๆ จากพี่ๆ มาระบายสีบนผ้าขาวผืนน้อยผืนนี้ ส่วนสีไหนที่ไม่สวย หรือสีไหนที่ลูกไม่ชอบ ก็จะไม่เอามาระบายให้เจ้าของผ้าไม่มีความสุขกับสีสันของชีวิตตัวเองค่ะ
มาดูกันนะคะว่า มี "สี" ไหนบ้าง ที่ลูกไม่ยอม "เปลี่ยนสี" ทำตามไอดอลของเขา และมีสีไหนที่แม่ไม่ยอมระบายไปบนผ้าใบชีวิตของลูกบ้าง
ขอเริ่มจาก พี่เจมส์ มาร์ ก่อนค่ะ