ผมเรียน applied chemistry จากมหาลัยชื่อดังจากญี่ปุ่น(โปรแกรมอินเตอร์ เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ได้ภาษาญี่ปุ่นไม่มาก) เรียนคล้ายๆวิทยาเคมี ไม่เคยฝึกงาน เคยแต่ทำในแล็บเคมีสังเคราะห์เต็มเวลา เป็นระยะเวลา2เทอม ไม่มีพื้นด้านวิศวะ/อุตสาหกรรม แต่สนใจหันมาทำงานด้านวิศวกรรมให้กับบริษัทไทย/ข้ามชาติในธุรกิจอุตสาหกรรมเคมี/ปิโตรเคมี เช่นเป็น process engineer เลยสนใจจะเรียนต่อป.โท chemical engineering ครับ
1. ระหว่างป.โท chem eng จากมหาลัย top 15 จาก UK (เรียนแบบไม่ได้ทุน), chem eng จุฬา, วิทยาลัยปิโตรฯของจุฬา (สาขา polymer sci หรือ petrochemical technology) คิดว่าเรียนที่ไหนดีสุดครับ แต่ละที่มีข้อดียังไงบ้าง
ความเห็นส่วนตัว: ไม่เคยฝึกงานครับ ถ้าจบป.โทจาก uni top 15 จาก UK น่าจะได้เครดิตเรื่องภาษากับชื่อมหาลัยบ้าง แต่ค่าใช้จ่าย 1.5-2ล้าน พ่อยินดีส่งเสีย แต่ผมต้องคิดให้รอบคอบเพราะจำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ แต่ถ้าจบป.โท chem eng จุฬาต้องใช้เวลา2-3 ปี ค่าใช้จ่ายประมาณ2แสน (คิดซะว่าเรียน 5-6 เทอม เพราะต้องลงคอร์สพื้นฐานป.ตรี) คงจะดูไม่โก้เท่าจบนอก ถ้าตัดเรื่องโอกาสที่เราจะได้ไปผจญโลกกว้างในต่างประเทศ (ผมผจญภัยมาพอควรแล้วตอนอยู่ป.ตรี4ปีที่ญี่ปุ่น) แล้วมองแต่เรื่องความคุ้มค่าและโอกาสก้าวหน้าทางการงาน (โปรโมทขึ้นไปตำแหน่งสูงๆ ถ้าให้ดีก็บริษัทชั้นนำอย่าง PTT SCG, หรือบริษัทข้ามชาติ) จบจากที่ไหนได้เปรียบกว่าครับ
2. ในกรณีที่ไม่ไปโตในสายโรงงาน แต่จับงานในออฟฟิศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ/ลูกค้าสัมพันธ์มากขึ้น (แต่ยังอยู่ในบริษัทกลุ่มเคมี/ปิโตรเคมีเหมือนเดิมนะ) เช่น business development analyst/ commercial analyst แล้วโตในสายงานธุรกิจ ง่ายๆคืองานวางแผนที่เกี่ยวข้องกับโลกธุรกิจมากขึ้นน่ะครับ ไม่ใช่งานโรงงานพวก production/QC/R&D คิดว่าจบป.โท chem eng จะมีประโยชน์มากแค่ไหนครับ
ประเด็นคือผมเคยเห็นบ.ในกลุ่มปิโตรเคมีรับคนจบป.ตรีวิทยาเคมี(ไม่ใช่วิศวะ) ไปทำ business analyst ได้เหมือนกัน เลยไม่รู้ว่าถ้าผมเรียนป.โท chemeng เนี่ยเป็นประโยชน์ต่อสายงานแค่ไหน แล้วถ้าทำงานโรงงาน3-5 ปีแล้วผันมาทำงานนั่งโต๊ะเป็น analyst จะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เคยทำงานในโรงงานยังไงหรอครับ พูดตามตรงผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะโตสายโรงงาน วันนึงอาจย้ายมาทำงานในออฟฟิศก็ได้ตอนที่แก่แล้วทำงานโรงงานไม่ไหว หรืออยู่นิคมอุตสาหกรรมนานๆ ทนมลพิษไม่ไหวเสียสุขภาพ อาจย้ายมาทำงานในกรุงเทพ (จริงๆคือเกรงว่าตัวเองจะทำงานโรงงานได้ไม่เกิน 3-5ปีอะครับ ถ้าเหนื่อยมาก แต่ก็คิดว่าง่านวิศวะท้าทายน่ะครับ เลยยังตัดสินใจไม่ได้)
ขอบคุณครับ
จบป.ตรีแนววิทยาศาสตร์เคมี อยากทำงานด้านวิศวกรรม (เช่น process engineer) เลยอยากต่อป.โท chemical engineering แนะนำทีครับ
1. ระหว่างป.โท chem eng จากมหาลัย top 15 จาก UK (เรียนแบบไม่ได้ทุน), chem eng จุฬา, วิทยาลัยปิโตรฯของจุฬา (สาขา polymer sci หรือ petrochemical technology) คิดว่าเรียนที่ไหนดีสุดครับ แต่ละที่มีข้อดียังไงบ้าง
ความเห็นส่วนตัว: ไม่เคยฝึกงานครับ ถ้าจบป.โทจาก uni top 15 จาก UK น่าจะได้เครดิตเรื่องภาษากับชื่อมหาลัยบ้าง แต่ค่าใช้จ่าย 1.5-2ล้าน พ่อยินดีส่งเสีย แต่ผมต้องคิดให้รอบคอบเพราะจำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ แต่ถ้าจบป.โท chem eng จุฬาต้องใช้เวลา2-3 ปี ค่าใช้จ่ายประมาณ2แสน (คิดซะว่าเรียน 5-6 เทอม เพราะต้องลงคอร์สพื้นฐานป.ตรี) คงจะดูไม่โก้เท่าจบนอก ถ้าตัดเรื่องโอกาสที่เราจะได้ไปผจญโลกกว้างในต่างประเทศ (ผมผจญภัยมาพอควรแล้วตอนอยู่ป.ตรี4ปีที่ญี่ปุ่น) แล้วมองแต่เรื่องความคุ้มค่าและโอกาสก้าวหน้าทางการงาน (โปรโมทขึ้นไปตำแหน่งสูงๆ ถ้าให้ดีก็บริษัทชั้นนำอย่าง PTT SCG, หรือบริษัทข้ามชาติ) จบจากที่ไหนได้เปรียบกว่าครับ
2. ในกรณีที่ไม่ไปโตในสายโรงงาน แต่จับงานในออฟฟิศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ/ลูกค้าสัมพันธ์มากขึ้น (แต่ยังอยู่ในบริษัทกลุ่มเคมี/ปิโตรเคมีเหมือนเดิมนะ) เช่น business development analyst/ commercial analyst แล้วโตในสายงานธุรกิจ ง่ายๆคืองานวางแผนที่เกี่ยวข้องกับโลกธุรกิจมากขึ้นน่ะครับ ไม่ใช่งานโรงงานพวก production/QC/R&D คิดว่าจบป.โท chem eng จะมีประโยชน์มากแค่ไหนครับ
ประเด็นคือผมเคยเห็นบ.ในกลุ่มปิโตรเคมีรับคนจบป.ตรีวิทยาเคมี(ไม่ใช่วิศวะ) ไปทำ business analyst ได้เหมือนกัน เลยไม่รู้ว่าถ้าผมเรียนป.โท chemeng เนี่ยเป็นประโยชน์ต่อสายงานแค่ไหน แล้วถ้าทำงานโรงงาน3-5 ปีแล้วผันมาทำงานนั่งโต๊ะเป็น analyst จะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เคยทำงานในโรงงานยังไงหรอครับ พูดตามตรงผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะโตสายโรงงาน วันนึงอาจย้ายมาทำงานในออฟฟิศก็ได้ตอนที่แก่แล้วทำงานโรงงานไม่ไหว หรืออยู่นิคมอุตสาหกรรมนานๆ ทนมลพิษไม่ไหวเสียสุขภาพ อาจย้ายมาทำงานในกรุงเทพ (จริงๆคือเกรงว่าตัวเองจะทำงานโรงงานได้ไม่เกิน 3-5ปีอะครับ ถ้าเหนื่อยมาก แต่ก็คิดว่าง่านวิศวะท้าทายน่ะครับ เลยยังตัดสินใจไม่ได้)
ขอบคุณครับ