1ฺ5ปีกับBLEACH ความรู้สึกหลังติดตามมายาวนาน และคำขอบคุณที่ติดค้าง

คำเตือน - กระทู้นี้ rant& rambling นะขรั่บ
==========================


จบลงไปแล้วกับ Bleach เทพมรณะ รวมทั้งหมดก็686ตอน ตีพิมพ์ลงรายสัปดาห์ตลอดมา กินร่วมเวลา15ปี
ตลอดช่วงเวลา15ปี ก็นับว่ายาวนานมากสำหรับแฟนอายุน้อยหลายๆคน แม้แต่สำหรับผู้เขียนเอง ระยะเวลาสิบกว่าปีก็เป็นส่วนสำคัญของชีวิต

การ์ตูนเรื่องนี้เคยเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนชีวิตของเรา

ย้อนไปสมัยประถมยังเป็นเด็กน้อยโลกแคบ การเดินไปยืมบูมจากญาติมาเพื่ออ่าน Zombie Powder เป็นอะไรที่สนุกมาก

ไม่เคยเห็นลายเส้นแบบนี้มาก่อนเลย การยิงบทพูดone-linerเท่ๆ คาแรกเตอร์แต่ละตัวที่ดูมีพื้นเพของตัวเอง มีความเถื่อนความรุนแรงที่แอบซ่อนอยู่
มองย้อนกลับไปตอนนี้มันช่างจูนิเบียวจริงๆ แต่ก็เป็นความทรงจำที่มีความสุข และนั่นก็เป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่เก็บเงินซื้อรวมเล่มเอง แม้ตอนนี้ก็ยังหยิบมาอ่านวันชอตท้ายเล่ม ย้อนอ่านฉากที่ชอบอยู่บ่อยๆ

เมื่อZombie Powderถูกตัดจบ (ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัดจบคืออะไร จั๊มป์คืออะไร ไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าไม่ชอบเรื่องนี้กัน lol) ก็ห่างเหินกับผลงานของคุโบะไทเทะไปพักใหญ่ จนเข้าช่วงที่ท่องเนต56kbไปก็ได้รู้จักกับ Bleach แค่เห็นหน้าแรกก็จำลายเส้นได้เลย ตอนนั้นคือตื่นเต้นและเฝ้ารอ ซึ่งก็รอนานจนเกือบลืม



ในที่สุดบูมก็นำมาแปลและตีพิมพ์ ด้วยเหตุว่าตอนแรกๆดูทรงไม่ค่อยสนุก เลยไม่ได้ตัดสินใจซื้อมา แต่ตอนนี้เนื้อหาที่ญี่ปุ่นเข้มข้น และก็มีเรื่องในบูมจบไปพอดี ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้ทันญี่ปุ่นจึงเป็นการลงสองตอนควบทุกสัปดาห์ ...ยังกับอัดกัญชาให้ทุกอาทิตย์ เรียกได้ว่าติดหนึบ

และในตอนนั้นเองก็มีกระทู้พันทิบอันหนึ่ง อัพเดตการ์ตูนจั๊มป์เรื่องต่างๆถึงตอนล่าสุด เวลานั้นที่ญี่ปุ่นบลีชดำเนินเรื่องไปถึงตอนบุกโซลโซไซตี้ อิจิโกะสู้กับเรนจิแล้ว ซ้ำคนโพสต์ยังคอมเมนต์ทิ้งท้ายว่าบลีชกำลังสนุกมากๆ

นั่นเป็นการจุดประกาย อยากรู้ อยากอ่าน อยากติดตามตอนล่าสุดเท่าที่จะมีให้อ่าน
จากที่เหนื่อยหน่ายกับภาษาอังกฤษแบบไม่กระดิกเลย เรียนได้ไม่ดีจนมีความรู้สึกว่าเกลียดมาก ทำได้ไม่ดีก็เลยไม่อยากสนใจ เปิดมาเจอภาษาอังกฤษยาวๆก็ปิด แปลไม่ออก จบ กลายเป็นมีดิคเล่มนึงตั้งหน้าคอม เข้าบอร์ดของฝรั่ง อ่านsummaryอ่านscanอ่านplot discussion คอยเปิดแปลทีละคำ อ่านทีละหน้าทีละช่อง นั่งงมเอาเอง ใช้เวลาทั้งปิดเทอมม.ต้นเพื่ออ่านทุกสิ่งอัน นอกจากเนื้อหาการ์ตูนแล้ว การได้อ่านคอมเมนต์นับไม่ถ้วนของแฟนๆต่างชาติตอนนั้นยังกับเป็นการเบิกเนตรโลกกว้าง

ก่อนหน้านั้นเราใช้ชีวิตแบบเด็กๆไปโรงเรียนกินเล่นตามกรอบระเบียบอันดีงาม โลกสวยใสๆมากฮ่ะ ไม่เคยใช้เวลาคิดเรื่องตัวเองและสังคมโลก อยู่ในกรอบความคิดทั่วไปว่าไปโรงเรียนสอบได้คือดี  เรียนเก่งคือดี คนอื่นก็จะชื่นชม ได้รับการยอมรับ
แต่การได้อ่านคอมเมนต์ของคนที่มีตัวตนจริงๆอีกมากมายจากคนละซีกโลกที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ปกป้องเหตุผลของตัวเอง ให้เกียรติความชอบและความต่างทางเหตุผลของคนอื่น มันทำให้เราประทับใจมาก ว่าคนพวกนี้คงอายุไม่มากน้อยกว่าเราไปเท่าไหร่ แต่ทำไมเขาเป็นผู้ใหญ่จัง และแม้จะเป็นการ์ตูน แต่ก็พูดคุยกับแบบเป็นเรื่องเป็นราว ถ้ามาทำในสังคมโรงเรียนไทยตอนนั้นคงโดนหาว่าไร้สาระบ้าบอ

เวลาผ่านไป มีเรื่องอื่นเข้ามาในชีวิตมากขึ้น จนการ์ตูนเป็นความสนใจลำดับท้ายๆ แต่ประสบการณ์ในตอนนั้นทำให้เข้าใจว่า มันไม่มีใครทำอะไรได้ตั้งแต่แรก (การรู้จักคำนี้แล้วคิดว่าเข้าใจ กับการเข้าใจจริงและลงมือทำมันต่างกันมาก) และโลกเรามีความรู้อีกหลากหลายแง่มุม ไม่ได้อยู่แต่ในตำรา ยังมีอาชีพอีกมากมายที่คนทั่วไปไม่เคยรู้จักและความสำเร็จของแต่ละคนก็ไม่ได้วัดด้วยกรอบของสังคม ตอนม.ต้นนั้นวาดรูปไปลงบอร์ด ฝรั่งบอกว่า เฮ้ย ยูออกแบบดีนะ น่าจะไปเป็นcharacter designer ตอนนั้นแบบ ห้ะ คือไรอะ ไม่รู้จัก ไปถามครูแนะแนวว่าชอบวาดรูปไปทำงานอะไรได้ ครูก็รู้จักแต่สายเพียวอาร์ต

ทักษะภาษาอังกฤษที่ได้มาตอนนั้นถูกต่อยอด (หลังจากนั้นไปติดเล่นเกมrpgอีก ภาษาอังกฤษเป็นตับๆนี่มาเลย อ่านทุกเม็ดจนอัพเลเวล แม่นึกว่าโดนสิงร่าง เพราะก่อนหน้าอ่านชื่อหนังภาษาอังกฤษง่ายๆยังอ่านไม่ออกเลย) จากที่ไม่เคยรู้ว่าเรียนไปทำไม ก็เข้าใจว่าวิชาต่างๆเป็นเครื่องมือที่จะพาเราฝ่าด่านการคัดกรองที่เรียน/ที่ทำงาน ไปหาความรู้/ประสบการณ์ที่เราต้องการ ได้อยู่ในที่ๆมีเพื่อนทัศนคติดีๆ หาสังคมที่เหมาะสมกับเรา
ทักษะภาษาในตอนนั้นเป็นพื้นฐานที่ทำให้ได้โอกาสการเรียนและการทำงานในสาขาที่เราชอบ แต่การประสบความสำเร็จในสายตาป้าข้างบ้านก็ไม่สำคัญเท่าเรารักและภูมิใจในสิ่งที่เราทำ

ไม่ได้เกินเลยไป หากจะบอกว่า การ์ตูนเรื่องนี้เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนชีวิตของเรา

ขอบคุณผู้เขียน Kubo ที่สร้างผลงานเรื่องนี้ แม้ในช่วงหลายปีหลังและตอนจบจะไม่ประทับใจเอาซะเลย จนไม่รู้จะหยิบกลับมาอ่านอีกมั้ย
แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ก็นำพาสิ่งดีงามเข้ามาในชีวิตเรา และอีกหลายๆคน และขอบคุณเพื่อนฝรั่งในตอนนั้นที่จำชื่อไม่ได้แล้วสักกะคน 55

เรื่องหน้าของไทเทะคุโบะ ก็คงจะยังติดตามต่อไป เพราะติดใจความเสร่อแต่เท่มานานแล้วตั้งแต่สมัยอาคุทาบิ เกมมะ
แต่ครั้งนี้จะใส่ฟิลเตอร์ไม่คิดมากรอเอาไว้  เพิ่มด้วยเซฟตี้เวสต์ลอยน้ำกันเรือล่มอีกหนึ่งตัว จะเลอะเทอะขนาดไหนก็มาเลย

ป.ล. เวลามีคนมาถามว่าเรียนภาษาจากไหน บอกว่าจากการ์ตูนกับเกม ผู้ใหญ่ไม่เคยเชื่อเลย lol

ป.ล.2 จุดผิดพลาดที่มีในบลีชช่วงหลังสำหรับเราคือ
-จบจืด พลอตclicheมาครบก็ยังไม่ว่าอะไร แต่นี่เหมือนไม่เคยวางแผนตอนจบมาก่อนเลย โดนตัดจบแล้วน่าจะวางโครงสี่ห้าตอนสุดท้ายได้ดีกว่านี้
-รู้สึกว่าที่หลักๆผิดหวังกันไม่ใช่แค่เรื่องใครคู่ใครเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการวางโครงเรื่อง การแต่งเรื่องของคนเขียน
-การวางบทตัวประกอบให้สู้กันยืดยาว ออกท่าไม้ตายแปลงร่าง แทบทุกตอน จำนวนตัวละครมหาศาลจำชื่อได้ไม่หมดใช้แล้วทิ้งใช้แล้วลืม
-จำนวนตอนฟิลเตอร์มหาศาล เนื้อหามีแต่น้ำเยอะมาก แก่นเรื่องคืออะไรก็ลืมๆไปแล้ว
-ฉากแอคชั่นทรงพลังที่เคยมีอิมแพคก็หายๆไปเพราะโชว์หน้าควบกันบ่อยเหลือเกิน ตัวประกอบยังโชว์
-ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครสำคัญหลักๆยังไม่ค่อยสุกงอมก็จับคู่ลงเอยกัน ในความคิดเรา จับคู่ได้โอเคตามบริบทแล้วค่ะ
อิจิโกะลูเคียอยู่คนละโลก แต่ละคนมีเพื่อนใกล้ชิดที่มีใจให้คอยดูแล สมมุติเป็นโลกเราจริงแล้วเปรียบเทียบเป็นอยู่ไกลคนละประเทศ ก็คงลงลอคนี้แหล่ะ สมควรแล้ว
-แต่ปัญหาเดิมคือ ไม่ได้วางแผน ไม่ได้วางโครงเรื่องมา หรือใส่ชนวนมาก่อน ให้มันมากพอที่คนอ่านจะอินไปด้วยได้ ก็เลยต่อไม่ติดจ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่