(ขออภัยในความเข้าใจผิดของกระผมเอง EOS M3 เป็น Mirrorless นะฮะ ไม่ใช่ Compact -_- )
ห่างหายไปนานเลยครับ สำหรับการโพสต์รูปในห้องพันทิพ
ซึ่งเอาจริง
ก่อนมีกล้องตัวแรกเป็นเจ้า Nikon D80 (ซึ่งเพิ่งจะขายทิ้งไปเมื่อไม่นาน)
ก็มาเรียนรู้ที่พันทิพนี่ล่ะครับ
จนวันนี้มีกล้องคอมแพคตัวใหม่ เลยเลือกจะมาโพสต์รูปที่นี่อีกที
โดยกล้องตัวใหม่นี่เรียกว่าข้ามค่ายกันสุดฤทธิ์
เพราะศึกษาแล้วค่ายเดิมผม
ไม่ยอมทำคอมแพคหรือ Mirrorless เจ๋งๆ ออกมาซ้ากที
จนได้ Canon EOS M3 มา
ในราคาที่เรียกว่าก็พอเจ็บ ๆ คัน ๆ .. หากเทียบกับที่ซื้อ Nikon D80 Kits
ในราคา 30,000+
เมื่อหลายปีก่อนเนอะ แต่พอได้ใช้แล้ว ก็เรียกว่าคุ้มอยู่ครับ
ลองไปดูภาพจากทริปดูงานที่ผมเพิ่งไปมาเมื่อตอนกลางเดือนมิถุนายนนี้กันดีกว่า
ไม่ลืมที่จะถ่ายภาพเพื่อน ๆ ก่อนเดินทางอีกเล็กน้อย จริง ๆ เดินทางกัน 40-50 คนครับ แต่ลงแค่นี้ดีกว่า
หลังจากเดินทางถึงเกาหลี รับกระเป๋า ผ่าน ตม. เนื่องจากการดูงานมันมีความเศร้าที่เราต้องไปเป็นทัวร์ เลยต้องมีอารมณ์ความชะโงกทัวร์กันพอสมควรครับ แรกเข้าก็พาเราไปทานข้าวกันก่อน .. หากจะถามถึงความอร่อย
ลองนึกเวลาเราเห็นคนจีนมาเป็นคันรถ เข้าไปร้านอาหารที่เราไม่เคยคิดจะเข้าอ่ะครับ ทำนองนั้นแหละ
หลังจากทานข้าวกันแล้ว เขาก็พาเราไปต่อที่เกาะนามิ โดยทริปนี้เนื่องจากผมเพิ่งสอย EOS M3 นี่มาไม่นาน เลยใช้กล้องเหมือนตอนใช้ DSLR คือ Program รัว ๆ ในช่วงต้น จนหลัง ๆ ก็เริ่มใช้โหมด A บ้าง
ซึ่งยอมรับโดยส่วนตัวครับ ว่าการจับถือของ EOS M3 นี่ถือว่าถนัดมืออยู่นะครับ
หากน้า ๆ สงสัยว่าเกาะนามิคืออะไร ที่ไหน ดูรูปต่อไปนี้ เดี๋ยวก็ “อ๋อ” ขึ้นมาเองครับ แต่แบบนะ เขาไปกันตอนหิมะตกครับ แต่เวลาดูงานของผมมันดันได้ตอนช่วงนี้พอดี -_-
ที่รู้สึกชอบเลย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจให้ซื้อตอนแรก คือการที่เราแตะ LCD เพื่อถ่ายภาพได้เลย นึกอารมณ์ตอนเราใช้ iPhone ถ่ายรูปนะครับ แตะ แล้วถ่ายได้เลย ไม่ต้องมาเลื่อนจุดที่ปุ่มด้านหลังแบบอารมณ์ DSLR ละ
ทำให้เวลาถ่ายภาพดอกไม้ ใบหญ้า สนุกขึ้นเยอะครับ อีกเรื่องคือการวัดแสง เมื่อก่อนนี้ กว่าจะย้อนแสงใบไม้นี่คือปวดหัว แต่เดี๋ยวนี้กับคอมแพค แค่เราแตะจุดที่ต้องการโฟกัส และใช้โหมด A มันก็ได้ของมันเองครับ
ปัญหาต่อไปคืออยู่ที่เลนส์แล้วล่ะ ว่าระยะใกล้สุดที่ถ่ายได้เท่าไหร่ ซึ่งเรื่องของเลนส์ ผมว่าบรรดาโปรฯ น้าๆ หลายท่านอาจจะไม่ค่อยเครียด เพราะมันดันเปลี่ยนเลนส์กับ EOS ได้เลยน่ะสิ ... Nikon1 ยังต้องซื้อ Adapter เลยฮะ ถ้าจะใช้กับ Lens Mount ปกติของเขา

หลังจากนั้นแล้วยังไง ทัวร์ก็มาส่งเราที่สวนสนุก พร้อมบัตรเครื่องเล่นแบบ Unlimited
ดีใจกันใช่มั้ยครับ .. ครับ เขามาส่งตอนหกโมง สวนสนุกปิดสองทุ่ม หึ
ในด้านการเซลฟี่ ผมว่าสาว ๆ น่าจะชอบนะ เพราะเวลาเราบิดจอมาถ่ายภาพตัวเอง แล้วมันได้เห็นเต็ม ๆ แบบไม่มีอะไรบังจอคือปกติน้อยมากกก จะถ่ายตัวเอง แต่รูปนี้จำเป็นจริง ๆ เพราะว่าอยู่บนกระเช้า จะให้ใครถ่ายให้ก็คงไม่ได้ครับ
ลอง Continuous Shot บน EOS M3 แล้วมาต่อเป็น GIF ถือว่าโอเคอยู่นะครับ
(ตอนถ่ายผมไม่แน่ใจว่าผมกดค้างหรือกดทีละรูป)
กว่าจะถึงที่พัก เนื่องจาก Everland และเกาะนามิอยู่นอกกรุงโซล แล้วคือดึกมากแล้ว เลยทำให้ไม่ได้หาอะไรที่ดีกว่านั้น .. จบที่มาม่าครับ ลองถ่ายกลางคืนดูก็โอเคนะครับ
ดึก เริ่มง่วง ก็อยากจะแชร์รูปให้ที่บ้านดู ยุคนี้ก็มีแอพฯ ให้สามารถดูดรูปเข้ามือถือได้ไม่ยากอ่ะเนอะ ของ Canon ก็จะเป็นตัวนี้ครับ Canon Camera Connect ซึ่งเอาจริง แอพฯ ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากค่ายอื่นนะผมว่า ทำได้เหมือน ๆ กันครับ โอนรูปออกจากล้อง, ถ่ายรูปผ่านมือถือ ซึ่งผมมีแต่ iphone งะ ใช้เชื่อมต่อผ่าน WIFI ไม่มี NFC เลยไม่รู้ว่าการโอนรูปด้วย NFC จะสะดวกกว่านี้มั้ยนะครับ แต่ผมก็โอนแค่ตอนถึงที่พัก ผมก็ถือว่าช่วยผมได้มากอยู่แหละ ถ้าเวลาเดินทาง ต้องใช้ iPhone ต่อ WIFI กับ Pocket WIFI ซึ่งคงไม่ได้เชื่อมต่อกล้อง
ลิ้งค์สำหรับโหลดแอพฯ ครับ (เฉพาะ iOS นะ)
https://itunes.apple.com/us/app/canon-camera-connect/id944097177?mt=8
สำหรับวันต่อมา เนื่องจากเป็นการมาแบบทัวร์ ก็จะมีสถานที่บังคับค่อนข้างเยอะ
ถ้าน้า ๆ สงสัยว่ามาทำไม ก็คณะดูดเงินผมไว้ดูงานส่วนนึงครับ ถ้าไม่มาก็จะทิ้งเงินเปล่า
หรือถ้ามา ก็จะจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ซึ่งก็คิดซะว่า.. ดีกว่าเสียเงินไปเปล่า ๆ เนอะ
เช้าเขาจะพาไปดูการเก็บสาหร่าย แล้วก็ปิดการขายเราในห้องปิดตายครับ
ด้วยความเบื่อ ก็ถ่ายอะไรไปเรื่อยเนอะ ที่เกาหลีจะใช้เงินวอน ซึ่งเขาจ่ายกันระดับ หมื่นวอน แสนวอนฮะ
นับทีก็แปลงค่ากันสนุกหน่อยนึง ซึ่งผมไม่ได้ซื้อ ผมก็รอคณะเดินทางไปพลาง ๆ
หลังจากถ่ายแต่โหมด A กับ P สลับไปมา ตลอดทริป จึงได้รู้ว่า มันมีโหมดถ่ายภาพอาหาร(ว่ะ)ครับ
ซึ่งก็ง่ายไปอีกครับ แค่แตะบนจอเลือกส่วนที่ต้องการโฟกัส แล้วหมุน Command Dial ด้านบนกล้อง ก็สามารถเลือกสีที่ต้องการได้เลย ถ้าจะให้พูดแบบโปรฯ หน่อย ก็คือการ Shift White Balance ครับ แต่นี่เป็นการหมุนสีตามต้องการเลย ซึ่งเราก็ดูบนจอได้เลย ว่าสีแบบไหนอาหารน่าทานสุด
ดูจากภาพได้ครับ ซ้ายเป็นก่อนรู้ว่ามีโหมดนี้ ขวาลองเลื่อนไปที่ Scene Mode ถึงเจอ ดูน่าทานขึ้นมั้ยครับ?
หลังจากนั้นทัวร์ก็พาเราไปวัง อะไรสักอย่าง ซึ่งไม่ใช่วังหลักแต่เป็นวังที่มีความสำคัญลำดับสองของเกาหลี (ฟังมาอีกที) สิ่งที่สังเกตได้ค่อนข้างชัดจากกล้องตัวนี้ คือสีสันที่ได้ ตอนดูที่หลังจอผมว่าก็มีความสดระดับนึง พอมา Process ภาพและดูผ่านแมค ผมว่ามันค่อนข้ามสดใสสมจริงกว่า Nikon D80 และ iPhone6 ที่ผมใช้อยู่พอสมควรนะครับ และความลึกของเฉดสีก็กว้างกว่า.. หรือวังเขาเพิ่งทาสีบูรณะใหม่ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจไปอีก
ลองถ่ายคนที่สภาพแสงตอนบ่ายบ้านเค้า อาจเพราะบ้านเขาอากาศเย็นกว่าเรามั้ย (ไม่แน่ใจ) อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะราว 20-25 องศาครับ ผมว่าแสงสวยพอสมควร อันนี้ถ่ายจากโหมด A ปกตินะครับ ภาพที่ลง ๆ นี่แค่ลดขนาดและใส่ลายน้ำเท่านั้นนะครับ
หลังจากนั้น ทัวร์ก็เอาเราไปปล่อยที่เมียงดง ให้เราเดินช็อป 45 นาที ผมว่าสายช็อปคงรู้นะ ว่า 45 นาทีนี่มันทำอะไรได้ที่ไหนล่ะ! การถ่ายภาพมุมสูง ไม่ยากสำหรับกล้องคอมแพคยุคนี้ ถ้าเป็น DSLR เราคงต้องเดาแหละ (D80 ไม่มี Liveview) EOS M3 เราก็แค่ยืดแขนให้สุด มองจอหลังกล้อง แล้วก็แชะได้เลย
เมียงดงจะเป็นเหมือนอารมณ์สยามฯ บ้านเราอ่ะครับ แค่ตรงกลางถนนจะมีร้านค้าขายของ ทั้งอาหารและเสื้อผ้ามากมาย แล้วตามตึกก็เป็นพวกสินค้าแบรนด์ เปิดตั้งแต่ 10.00 น. ปิดเอาประมาณ 22.30 น. ครับ
เหมือนความเก็บกด สองวันโดยทัวร์ชะโงกตลอด วันที่สาม เป็นวันฟรีเดย์ (อิสระ) เลยเลือกทานอาหารตามใจแต่มื้อเช้าครับ จำชื่ออะไรไม่ได้นะ แต่รู้ว่าชุดนี้ ทานได้สองคน คนละประมาณ 200-300 บาทไทยครับ เป็นเหมือนเนื้อผัดอะไรสักอย่างครับ
เที่ยงก็ยังคงกินตามใจอยู่ มื้อเช้าแถวที่พัก มื้อเที่ยงมากินแถวฮงอิกครับ ผู้ร่วมเดินทางเกิดอยากช็อป
มื้อนี้เป็นเหมือนบาร์บีคิว ปิ้งย่างเกาหลี ซึ่งก็ตกหัวละ 200-300 บาทเหมือนเดิมครับ แปลกดี (ไม่ได้บอกว่าแพงนะครับ แค่เหมือนค่าครองชีพบ้านเขา จะมื้อละ 200-300 บาทเป็นปกติ)
สองภาพนี้ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพอาหารทั้งคู่ ชอบสีไหนมากกว่ากันฮะ?
เมนูนี้น่าจะเป็นไข่ตุ๋นครับ พูนหม้อมาเลย ใครอยากตามรอย เชิญดูชื่อร้านที่ภาพได้เลย
ฮงอิกจะเป็นย่านช็อปปิ้งอีกเช่นเคยครับ ซึ่งจะมีมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ ๆ ก็จะมีการแสดงตามถนน และย่านช็อปปิ้งที่คนเยอะไม่ต่างจากเมียงดงเท่าไหร่ครับ
แล้วเราก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลี ไปร่วมชั่วโมง เพื่อไปวัดอะไรสักอย่างกับกลุ่มเพื่อน ๆ
ที่บอกว่าวัดอะไรสักอย่าง เพราะจำชื่อไม่ได้ครับ
วันที่ผมไปถึงเป็นวันเสาร์ ก็มีคนเกาหลีมาทำบุญที่วัดพอสมควรครับ ลองถ่ายวีดิโอการสวดมนต์มาให้น้าๆ ดูกันด้วยครับ น่าจะแตกต่างเพราะเขานับถือพุทธแบบคนละนิกายกับบ้านเราครับ
[CR] ดูงานแดนโสมกับกล้องคอมแพคตัวใหม่จากค่ายสีแดง
ห่างหายไปนานเลยครับ สำหรับการโพสต์รูปในห้องพันทิพ ซึ่งเอาจริง
ก่อนมีกล้องตัวแรกเป็นเจ้า Nikon D80 (ซึ่งเพิ่งจะขายทิ้งไปเมื่อไม่นาน) ก็มาเรียนรู้ที่พันทิพนี่ล่ะครับ
จนวันนี้มีกล้องคอมแพคตัวใหม่ เลยเลือกจะมาโพสต์รูปที่นี่อีกที
โดยกล้องตัวใหม่นี่เรียกว่าข้ามค่ายกันสุดฤทธิ์ เพราะศึกษาแล้วค่ายเดิมผม
ไม่ยอมทำคอมแพคหรือ Mirrorless เจ๋งๆ ออกมาซ้ากที จนได้ Canon EOS M3 มา
ในราคาที่เรียกว่าก็พอเจ็บ ๆ คัน ๆ .. หากเทียบกับที่ซื้อ Nikon D80 Kits ในราคา 30,000+
เมื่อหลายปีก่อนเนอะ แต่พอได้ใช้แล้ว ก็เรียกว่าคุ้มอยู่ครับ
ลองไปดูภาพจากทริปดูงานที่ผมเพิ่งไปมาเมื่อตอนกลางเดือนมิถุนายนนี้กันดีกว่า
ไม่ลืมที่จะถ่ายภาพเพื่อน ๆ ก่อนเดินทางอีกเล็กน้อย จริง ๆ เดินทางกัน 40-50 คนครับ แต่ลงแค่นี้ดีกว่า
หลังจากเดินทางถึงเกาหลี รับกระเป๋า ผ่าน ตม. เนื่องจากการดูงานมันมีความเศร้าที่เราต้องไปเป็นทัวร์ เลยต้องมีอารมณ์ความชะโงกทัวร์กันพอสมควรครับ แรกเข้าก็พาเราไปทานข้าวกันก่อน .. หากจะถามถึงความอร่อย
ลองนึกเวลาเราเห็นคนจีนมาเป็นคันรถ เข้าไปร้านอาหารที่เราไม่เคยคิดจะเข้าอ่ะครับ ทำนองนั้นแหละ
หลังจากทานข้าวกันแล้ว เขาก็พาเราไปต่อที่เกาะนามิ โดยทริปนี้เนื่องจากผมเพิ่งสอย EOS M3 นี่มาไม่นาน เลยใช้กล้องเหมือนตอนใช้ DSLR คือ Program รัว ๆ ในช่วงต้น จนหลัง ๆ ก็เริ่มใช้โหมด A บ้าง
ซึ่งยอมรับโดยส่วนตัวครับ ว่าการจับถือของ EOS M3 นี่ถือว่าถนัดมืออยู่นะครับ
หากน้า ๆ สงสัยว่าเกาะนามิคืออะไร ที่ไหน ดูรูปต่อไปนี้ เดี๋ยวก็ “อ๋อ” ขึ้นมาเองครับ แต่แบบนะ เขาไปกันตอนหิมะตกครับ แต่เวลาดูงานของผมมันดันได้ตอนช่วงนี้พอดี -_-
ที่รู้สึกชอบเลย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจให้ซื้อตอนแรก คือการที่เราแตะ LCD เพื่อถ่ายภาพได้เลย นึกอารมณ์ตอนเราใช้ iPhone ถ่ายรูปนะครับ แตะ แล้วถ่ายได้เลย ไม่ต้องมาเลื่อนจุดที่ปุ่มด้านหลังแบบอารมณ์ DSLR ละ
ทำให้เวลาถ่ายภาพดอกไม้ ใบหญ้า สนุกขึ้นเยอะครับ อีกเรื่องคือการวัดแสง เมื่อก่อนนี้ กว่าจะย้อนแสงใบไม้นี่คือปวดหัว แต่เดี๋ยวนี้กับคอมแพค แค่เราแตะจุดที่ต้องการโฟกัส และใช้โหมด A มันก็ได้ของมันเองครับ
ปัญหาต่อไปคืออยู่ที่เลนส์แล้วล่ะ ว่าระยะใกล้สุดที่ถ่ายได้เท่าไหร่ ซึ่งเรื่องของเลนส์ ผมว่าบรรดาโปรฯ น้าๆ หลายท่านอาจจะไม่ค่อยเครียด เพราะมันดันเปลี่ยนเลนส์กับ EOS ได้เลยน่ะสิ ... Nikon1 ยังต้องซื้อ Adapter เลยฮะ ถ้าจะใช้กับ Lens Mount ปกติของเขา
หลังจากนั้นแล้วยังไง ทัวร์ก็มาส่งเราที่สวนสนุก พร้อมบัตรเครื่องเล่นแบบ Unlimited
ดีใจกันใช่มั้ยครับ .. ครับ เขามาส่งตอนหกโมง สวนสนุกปิดสองทุ่ม หึ
ในด้านการเซลฟี่ ผมว่าสาว ๆ น่าจะชอบนะ เพราะเวลาเราบิดจอมาถ่ายภาพตัวเอง แล้วมันได้เห็นเต็ม ๆ แบบไม่มีอะไรบังจอคือปกติน้อยมากกก จะถ่ายตัวเอง แต่รูปนี้จำเป็นจริง ๆ เพราะว่าอยู่บนกระเช้า จะให้ใครถ่ายให้ก็คงไม่ได้ครับ
ลอง Continuous Shot บน EOS M3 แล้วมาต่อเป็น GIF ถือว่าโอเคอยู่นะครับ
(ตอนถ่ายผมไม่แน่ใจว่าผมกดค้างหรือกดทีละรูป)
กว่าจะถึงที่พัก เนื่องจาก Everland และเกาะนามิอยู่นอกกรุงโซล แล้วคือดึกมากแล้ว เลยทำให้ไม่ได้หาอะไรที่ดีกว่านั้น .. จบที่มาม่าครับ ลองถ่ายกลางคืนดูก็โอเคนะครับ
ดึก เริ่มง่วง ก็อยากจะแชร์รูปให้ที่บ้านดู ยุคนี้ก็มีแอพฯ ให้สามารถดูดรูปเข้ามือถือได้ไม่ยากอ่ะเนอะ ของ Canon ก็จะเป็นตัวนี้ครับ Canon Camera Connect ซึ่งเอาจริง แอพฯ ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากค่ายอื่นนะผมว่า ทำได้เหมือน ๆ กันครับ โอนรูปออกจากล้อง, ถ่ายรูปผ่านมือถือ ซึ่งผมมีแต่ iphone งะ ใช้เชื่อมต่อผ่าน WIFI ไม่มี NFC เลยไม่รู้ว่าการโอนรูปด้วย NFC จะสะดวกกว่านี้มั้ยนะครับ แต่ผมก็โอนแค่ตอนถึงที่พัก ผมก็ถือว่าช่วยผมได้มากอยู่แหละ ถ้าเวลาเดินทาง ต้องใช้ iPhone ต่อ WIFI กับ Pocket WIFI ซึ่งคงไม่ได้เชื่อมต่อกล้อง
ลิ้งค์สำหรับโหลดแอพฯ ครับ (เฉพาะ iOS นะ)
https://itunes.apple.com/us/app/canon-camera-connect/id944097177?mt=8
สำหรับวันต่อมา เนื่องจากเป็นการมาแบบทัวร์ ก็จะมีสถานที่บังคับค่อนข้างเยอะ
ถ้าน้า ๆ สงสัยว่ามาทำไม ก็คณะดูดเงินผมไว้ดูงานส่วนนึงครับ ถ้าไม่มาก็จะทิ้งเงินเปล่า
หรือถ้ามา ก็จะจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ซึ่งก็คิดซะว่า.. ดีกว่าเสียเงินไปเปล่า ๆ เนอะ
เช้าเขาจะพาไปดูการเก็บสาหร่าย แล้วก็ปิดการขายเราในห้องปิดตายครับ
ด้วยความเบื่อ ก็ถ่ายอะไรไปเรื่อยเนอะ ที่เกาหลีจะใช้เงินวอน ซึ่งเขาจ่ายกันระดับ หมื่นวอน แสนวอนฮะ
นับทีก็แปลงค่ากันสนุกหน่อยนึง ซึ่งผมไม่ได้ซื้อ ผมก็รอคณะเดินทางไปพลาง ๆ
หลังจากถ่ายแต่โหมด A กับ P สลับไปมา ตลอดทริป จึงได้รู้ว่า มันมีโหมดถ่ายภาพอาหาร(ว่ะ)ครับ
ซึ่งก็ง่ายไปอีกครับ แค่แตะบนจอเลือกส่วนที่ต้องการโฟกัส แล้วหมุน Command Dial ด้านบนกล้อง ก็สามารถเลือกสีที่ต้องการได้เลย ถ้าจะให้พูดแบบโปรฯ หน่อย ก็คือการ Shift White Balance ครับ แต่นี่เป็นการหมุนสีตามต้องการเลย ซึ่งเราก็ดูบนจอได้เลย ว่าสีแบบไหนอาหารน่าทานสุด
ดูจากภาพได้ครับ ซ้ายเป็นก่อนรู้ว่ามีโหมดนี้ ขวาลองเลื่อนไปที่ Scene Mode ถึงเจอ ดูน่าทานขึ้นมั้ยครับ?
หลังจากนั้นทัวร์ก็พาเราไปวัง อะไรสักอย่าง ซึ่งไม่ใช่วังหลักแต่เป็นวังที่มีความสำคัญลำดับสองของเกาหลี (ฟังมาอีกที) สิ่งที่สังเกตได้ค่อนข้างชัดจากกล้องตัวนี้ คือสีสันที่ได้ ตอนดูที่หลังจอผมว่าก็มีความสดระดับนึง พอมา Process ภาพและดูผ่านแมค ผมว่ามันค่อนข้ามสดใสสมจริงกว่า Nikon D80 และ iPhone6 ที่ผมใช้อยู่พอสมควรนะครับ และความลึกของเฉดสีก็กว้างกว่า.. หรือวังเขาเพิ่งทาสีบูรณะใหม่ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจไปอีก
ลองถ่ายคนที่สภาพแสงตอนบ่ายบ้านเค้า อาจเพราะบ้านเขาอากาศเย็นกว่าเรามั้ย (ไม่แน่ใจ) อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะราว 20-25 องศาครับ ผมว่าแสงสวยพอสมควร อันนี้ถ่ายจากโหมด A ปกตินะครับ ภาพที่ลง ๆ นี่แค่ลดขนาดและใส่ลายน้ำเท่านั้นนะครับ
หลังจากนั้น ทัวร์ก็เอาเราไปปล่อยที่เมียงดง ให้เราเดินช็อป 45 นาที ผมว่าสายช็อปคงรู้นะ ว่า 45 นาทีนี่มันทำอะไรได้ที่ไหนล่ะ! การถ่ายภาพมุมสูง ไม่ยากสำหรับกล้องคอมแพคยุคนี้ ถ้าเป็น DSLR เราคงต้องเดาแหละ (D80 ไม่มี Liveview) EOS M3 เราก็แค่ยืดแขนให้สุด มองจอหลังกล้อง แล้วก็แชะได้เลย
เมียงดงจะเป็นเหมือนอารมณ์สยามฯ บ้านเราอ่ะครับ แค่ตรงกลางถนนจะมีร้านค้าขายของ ทั้งอาหารและเสื้อผ้ามากมาย แล้วตามตึกก็เป็นพวกสินค้าแบรนด์ เปิดตั้งแต่ 10.00 น. ปิดเอาประมาณ 22.30 น. ครับ
เหมือนความเก็บกด สองวันโดยทัวร์ชะโงกตลอด วันที่สาม เป็นวันฟรีเดย์ (อิสระ) เลยเลือกทานอาหารตามใจแต่มื้อเช้าครับ จำชื่ออะไรไม่ได้นะ แต่รู้ว่าชุดนี้ ทานได้สองคน คนละประมาณ 200-300 บาทไทยครับ เป็นเหมือนเนื้อผัดอะไรสักอย่างครับ
เที่ยงก็ยังคงกินตามใจอยู่ มื้อเช้าแถวที่พัก มื้อเที่ยงมากินแถวฮงอิกครับ ผู้ร่วมเดินทางเกิดอยากช็อป
มื้อนี้เป็นเหมือนบาร์บีคิว ปิ้งย่างเกาหลี ซึ่งก็ตกหัวละ 200-300 บาทเหมือนเดิมครับ แปลกดี (ไม่ได้บอกว่าแพงนะครับ แค่เหมือนค่าครองชีพบ้านเขา จะมื้อละ 200-300 บาทเป็นปกติ)
สองภาพนี้ถ่ายจากโหมดถ่ายภาพอาหารทั้งคู่ ชอบสีไหนมากกว่ากันฮะ?
เมนูนี้น่าจะเป็นไข่ตุ๋นครับ พูนหม้อมาเลย ใครอยากตามรอย เชิญดูชื่อร้านที่ภาพได้เลย
ฮงอิกจะเป็นย่านช็อปปิ้งอีกเช่นเคยครับ ซึ่งจะมีมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ ๆ ก็จะมีการแสดงตามถนน และย่านช็อปปิ้งที่คนเยอะไม่ต่างจากเมียงดงเท่าไหร่ครับ
แล้วเราก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลี ไปร่วมชั่วโมง เพื่อไปวัดอะไรสักอย่างกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่บอกว่าวัดอะไรสักอย่าง เพราะจำชื่อไม่ได้ครับ
วันที่ผมไปถึงเป็นวันเสาร์ ก็มีคนเกาหลีมาทำบุญที่วัดพอสมควรครับ ลองถ่ายวีดิโอการสวดมนต์มาให้น้าๆ ดูกันด้วยครับ น่าจะแตกต่างเพราะเขานับถือพุทธแบบคนละนิกายกับบ้านเราครับ