ขอเล่ารายละเอียดแบบย่อๆ นะครับ
1. ที่ดินเป็นที่ดินว่างเปล่าใช้ทำนา เมื่อก่อนตอนแม่มีชีวิตอยู่โฉนดเป็นชื่อแม่ และก่อนเสียประมาณ 1 - 2 ปี แม่ได้โอนให้เป็นชื่อน้องสาวทั้งหมด ทั้งที่นาและหัวป่า ต่อมาน้องสาวโดนคดีเรื่องซื้อรถ โอนลอยแล้วคนซื้อต่อหนีและตามหาไม่ได้ จึงถูกทางไฟแนนซ์ฟ้องร้องและยึดทรัพย์ในที่สุด จนกระทั่งกรมบังคับคดีนำทรัพย์สินที่ยึดขายทอดตลาด โดยทางน้องสาวที่มีคดีความอยู่ ได้มอบอำนาจให้น้องชายอีกคนเป็นผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนจำเลย และให้ไปกรมฯ เพื่อซื้อคืน
แต่เรื่องของเรื่องคือ มีกลุ่มนายทุน (น้องเล่าให้ฟัง) เข้ามาประมูลแข่ง ทีแรกก็จะมาถามหาในห้องประมูลว่าใครเป็นเจ้าทรัพย์ พอรู้ว่าใครเป็นเจ้าทรัพย์ก็จะเรียกเงินเพื่อไม่ให้กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้ประมูลแข่ง ครั้งแรกน้องชายก็ขอร้องว่าทรัพย์นี้เป็นทรัพย์มรดก และจะมาขอซื้อคืน ทางกลุ่มนายทุนเลยเรียกเงินมา 10,000 บาท พร้อมกับบอกว่าจะไม่ยกป้ายประมูลแข่ง น้องชายขอจ่าย 3,000 เพราะไม่มีเงินติดตัว พอให้เงินไปกับทางกลุ่มทุน สรุปวันนั้นกลุ่มทุนกลุ่มนี้เลยไม่ประมูล
พอมาวันนี้ น้องชายเตรียมเงินไป เพื่อที่จะซื้อคืน ได้เจอกับกลุ่มนายทุนอีกกลุ่ม และมาลูกไม้เดิม คราวนี้น้องไม่จ่าย จนกระทั่งราคาขึ้นไปเกินราคาที่ทางครอบครัวของพวกเราจะรับได้ เลยไม่ยกป้ายประมูลต่อ น้องเลยขอคัดค้านราคาไว้ก่อน พอการประมูลสิ้นสุดลง น้องเดินออกมาเพื่อที่จะกลับบ้าน กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้เดินตาม และเข้ามาพูดคุยเรื่องเงิน แต่คราวนี้เรียกเยอะมาก 30,000 บาท แล้วครั้งหน้าให้น้องมาประมูล เขาจะไม่ยกสู้ พร้อมกับให้นามบัตรมาพร้อมบอกว่าถ้าพร้อมเรื่องเงินให้โทรหา
ขอสอบถามคำถามดังนี้ครับ
1. มรดกของแม่ แต่เป็นชื่อน้องสาว เราจะมีสิทธิ์เรียกร้องต่อศาลในส่วนที่ควรจะเป็นของเราได้หรือไม่ครับ
2. ตอนนี้ถ้าไปเจรจากับไฟแนนซ์เพื่อขอชดใช้ ในหนี้ที่ยังค้าง จะสามารถทำได้หรือไม่ครับ (เคยเจรจา แต่ไฟแนนซ์เรียกมาตอนนั้นยังมีเงินไม่พอ)
3. กลุ่มนายทุนพวกนี้เป็นใคร เขาหากินบนหลังคนอื่นแบบนี้ในสถานที่ราชการได้ด้วยหรือครับ
สุดท้ายขอบพระคุณในทุกคำตอบครับ
ที่ดินมรดกแต่เป็นชื่อน้อง ถูกบังคับคดีขาย
1. ที่ดินเป็นที่ดินว่างเปล่าใช้ทำนา เมื่อก่อนตอนแม่มีชีวิตอยู่โฉนดเป็นชื่อแม่ และก่อนเสียประมาณ 1 - 2 ปี แม่ได้โอนให้เป็นชื่อน้องสาวทั้งหมด ทั้งที่นาและหัวป่า ต่อมาน้องสาวโดนคดีเรื่องซื้อรถ โอนลอยแล้วคนซื้อต่อหนีและตามหาไม่ได้ จึงถูกทางไฟแนนซ์ฟ้องร้องและยึดทรัพย์ในที่สุด จนกระทั่งกรมบังคับคดีนำทรัพย์สินที่ยึดขายทอดตลาด โดยทางน้องสาวที่มีคดีความอยู่ ได้มอบอำนาจให้น้องชายอีกคนเป็นผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนจำเลย และให้ไปกรมฯ เพื่อซื้อคืน
แต่เรื่องของเรื่องคือ มีกลุ่มนายทุน (น้องเล่าให้ฟัง) เข้ามาประมูลแข่ง ทีแรกก็จะมาถามหาในห้องประมูลว่าใครเป็นเจ้าทรัพย์ พอรู้ว่าใครเป็นเจ้าทรัพย์ก็จะเรียกเงินเพื่อไม่ให้กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้ประมูลแข่ง ครั้งแรกน้องชายก็ขอร้องว่าทรัพย์นี้เป็นทรัพย์มรดก และจะมาขอซื้อคืน ทางกลุ่มนายทุนเลยเรียกเงินมา 10,000 บาท พร้อมกับบอกว่าจะไม่ยกป้ายประมูลแข่ง น้องชายขอจ่าย 3,000 เพราะไม่มีเงินติดตัว พอให้เงินไปกับทางกลุ่มทุน สรุปวันนั้นกลุ่มทุนกลุ่มนี้เลยไม่ประมูล
พอมาวันนี้ น้องชายเตรียมเงินไป เพื่อที่จะซื้อคืน ได้เจอกับกลุ่มนายทุนอีกกลุ่ม และมาลูกไม้เดิม คราวนี้น้องไม่จ่าย จนกระทั่งราคาขึ้นไปเกินราคาที่ทางครอบครัวของพวกเราจะรับได้ เลยไม่ยกป้ายประมูลต่อ น้องเลยขอคัดค้านราคาไว้ก่อน พอการประมูลสิ้นสุดลง น้องเดินออกมาเพื่อที่จะกลับบ้าน กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้เดินตาม และเข้ามาพูดคุยเรื่องเงิน แต่คราวนี้เรียกเยอะมาก 30,000 บาท แล้วครั้งหน้าให้น้องมาประมูล เขาจะไม่ยกสู้ พร้อมกับให้นามบัตรมาพร้อมบอกว่าถ้าพร้อมเรื่องเงินให้โทรหา
ขอสอบถามคำถามดังนี้ครับ
1. มรดกของแม่ แต่เป็นชื่อน้องสาว เราจะมีสิทธิ์เรียกร้องต่อศาลในส่วนที่ควรจะเป็นของเราได้หรือไม่ครับ
2. ตอนนี้ถ้าไปเจรจากับไฟแนนซ์เพื่อขอชดใช้ ในหนี้ที่ยังค้าง จะสามารถทำได้หรือไม่ครับ (เคยเจรจา แต่ไฟแนนซ์เรียกมาตอนนั้นยังมีเงินไม่พอ)
3. กลุ่มนายทุนพวกนี้เป็นใคร เขาหากินบนหลังคนอื่นแบบนี้ในสถานที่ราชการได้ด้วยหรือครับ
สุดท้ายขอบพระคุณในทุกคำตอบครับ