เหตุการณ์ลัษณะนี้ เกิดขึ้น จนเป็นความเคยชิน
- ตำรวจ ขอไกล่กลี่ย แทนผู้กระทำผิด
- ตำรวจ ดำเนินคดีผู้เสียหาย แทนที่จะดำเนินคดีคนทำผิด
2 กรณีนี้ เราได้อ่านข่าว อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ตายอีก 10 ชาติ จะเห็นการปฎิรูปตำรวจไหม
ทำผิด แค่โดนย้าย ไปทำผิดท้องที่อื่นต่อ โดยไม่มีการลงโทษ

............ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559 หญิงชาวขอนแก่นร้องต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่ากล้องวงจรปิดแสดงภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2538 เวลา ประมาณ 14.00 น. ขณะที่เด็กนักเรียนหญิง ด.ญ.ปวรรณา ภูคลองพลอย อายุ 13 ปี และ ด.ญ.เนตรนภา ส่งแก้ว 14 ปี ถูกรถปิคอัพเลี้ยวตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด โดยไม่เปิดไฟเลี้ยง จนรถจักรยานยนต์ล้มลงกระเด็นไปเสาป้ายชื่อซอย โดยมีพลเมืองดีวิ่งออกยกรถที่ทับขาน้องออกและนำส่งโรงพยาบาล
...............โดย ด.ญ.เนตรนภา เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนได้ขัขขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำ
โดยมีเพื่อนคือ ด.ญ.ปวรรณา นั่งซ้อนท้ายจากตลาดบ้านดอน โดยขับขี่ไปตามถนนสายกสิกรทุ่งสร้าง
พอมาถึงบริเวณหน้ากองพันทหารม้าที่ 6 ก็มีรถปิคอัพโตโยต้าสำดำแบบสี่ประตู หมายเลขทะเบียน กพ 3889 เลี้ยวตัดหน้าตนอย่างกระชันชิด
จนเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกันรถของตนกระเด็นไปติดปับเสาป้ายเข้าซอยแผ่นดินไทย ส่วนเพื่อนที่ซ้อนท้ายกระเด็นไปตกห่างจากตนประมาณ 3 เมตร
พลเมืองดีได้ช่วยเหลือโดยยกรถที่ทับขาตนอยู่ออก แล้วนำส่งโรงพยาบาล โดยมี นางเยาวเรศ เนื่องดี แม่ของตนเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ย่อยศิลา อ.เมืองขอนแก่น
.................ซึ่งหลังเกิดเหตุตนทราบจากแม่ตนภายหลังว่าผู้ขับขี่รถปิคอัพคันที่ตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของตน ชื่อนางอุทัยวรรณ จุลรัตน์
แต่สิ่งที่แปลกใจคือแทนที่ตนจะเป็นผู้กล่าวแต่กลับตกเป็นผู้ต้องหา ในข้อหาขับขี่รถไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถโดยประมาท
ทางด้าน นางเยาวเรศ เนื่องลี แม่ของ ดญ.เนตรนภา ส่งแก้ว ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้า ว่าตนต้องการขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ให้กับลูกของตน เนื่องด้วยลูกสาวของตนบาดเจ็บ ต้องเสียเวลามาให้ปากคำกับตำรวจตั้งหลายครั้ง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
............หลังเกิดเหตุตำรวจนิ่งเฉยทำไม หรือต้องรอให้เด็กอายุถึง 14 และ 15 ปีก่อน แต่กลับมาเร่งทำคดีในปีนี้ ที่สำคัญทำไมไม่เรียกตัวนางอุทัยวรรณ จุลรัตน์ ผู้ขับขี่รถปิคอัพที่ขับตัดหน้าลูกสาวตนมาดำเนินคดี พอตนถามหาก็บอกว่าไม่สามารถจับตัวได้ เขาไม่อยู่ในพื้นที่ และบอกให้ตนไปหาหลักฐานมา ตนก็ไปตามหาจนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว แต่ตำรวจก็บอกว่าเปิดดูไม่ได้ไวรัสกิน ตนก็เอาไปให้ใหม่อีก ตำรวจก็บอกว่าไวรัสกินอีก แต่กลับมาฟ้องลูกสาวตนกลายเป็นผู้ต้องหาอีกในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท แต่คนร้ายตัวจริงกลับปล่อยหนีลอยนวล ส่วนแม่ของดญ.ปวรรณา คนที่ซ้อนท้ายเล่าให้ฟังว่า หลังเกิดเหตุตนก็ได้เดินทางไปที่สภ.ย่อย ต.ศิลา เช่นกัน โดยตำรวจขอไกล่เกลี่ยบอกว่าจะเรี่ยไรเงินตำรวจที่อยู่ด้วยกันให้น้อง ทั้งคนคนละ 2000 บาท เพราะอยากช่วยเหลือน้อง และให้คดีจบ ๆ ไป ซึ่งตนไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้มีเรื่องมีราวมาถึงปีนี้.... ดูต่อได้ที่ :
http://www.khonkaenlink.info/home/news/2621.html
++ ตกลงตำรวจ เขามีไว้เพื่อช่วย ใคร? ++
- ตำรวจ ขอไกล่กลี่ย แทนผู้กระทำผิด
- ตำรวจ ดำเนินคดีผู้เสียหาย แทนที่จะดำเนินคดีคนทำผิด
2 กรณีนี้ เราได้อ่านข่าว อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ตายอีก 10 ชาติ จะเห็นการปฎิรูปตำรวจไหม
ทำผิด แค่โดนย้าย ไปทำผิดท้องที่อื่นต่อ โดยไม่มีการลงโทษ
............ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559 หญิงชาวขอนแก่นร้องต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่ากล้องวงจรปิดแสดงภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2538 เวลา ประมาณ 14.00 น. ขณะที่เด็กนักเรียนหญิง ด.ญ.ปวรรณา ภูคลองพลอย อายุ 13 ปี และ ด.ญ.เนตรนภา ส่งแก้ว 14 ปี ถูกรถปิคอัพเลี้ยวตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด โดยไม่เปิดไฟเลี้ยง จนรถจักรยานยนต์ล้มลงกระเด็นไปเสาป้ายชื่อซอย โดยมีพลเมืองดีวิ่งออกยกรถที่ทับขาน้องออกและนำส่งโรงพยาบาล
...............โดย ด.ญ.เนตรนภา เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนได้ขัขขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำ
โดยมีเพื่อนคือ ด.ญ.ปวรรณา นั่งซ้อนท้ายจากตลาดบ้านดอน โดยขับขี่ไปตามถนนสายกสิกรทุ่งสร้าง
พอมาถึงบริเวณหน้ากองพันทหารม้าที่ 6 ก็มีรถปิคอัพโตโยต้าสำดำแบบสี่ประตู หมายเลขทะเบียน กพ 3889 เลี้ยวตัดหน้าตนอย่างกระชันชิด
จนเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกันรถของตนกระเด็นไปติดปับเสาป้ายเข้าซอยแผ่นดินไทย ส่วนเพื่อนที่ซ้อนท้ายกระเด็นไปตกห่างจากตนประมาณ 3 เมตร
พลเมืองดีได้ช่วยเหลือโดยยกรถที่ทับขาตนอยู่ออก แล้วนำส่งโรงพยาบาล โดยมี นางเยาวเรศ เนื่องดี แม่ของตนเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ย่อยศิลา อ.เมืองขอนแก่น
.................ซึ่งหลังเกิดเหตุตนทราบจากแม่ตนภายหลังว่าผู้ขับขี่รถปิคอัพคันที่ตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของตน ชื่อนางอุทัยวรรณ จุลรัตน์
แต่สิ่งที่แปลกใจคือแทนที่ตนจะเป็นผู้กล่าวแต่กลับตกเป็นผู้ต้องหา ในข้อหาขับขี่รถไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถโดยประมาท
ทางด้าน นางเยาวเรศ เนื่องลี แม่ของ ดญ.เนตรนภา ส่งแก้ว ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้า ว่าตนต้องการขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ให้กับลูกของตน เนื่องด้วยลูกสาวของตนบาดเจ็บ ต้องเสียเวลามาให้ปากคำกับตำรวจตั้งหลายครั้ง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
............หลังเกิดเหตุตำรวจนิ่งเฉยทำไม หรือต้องรอให้เด็กอายุถึง 14 และ 15 ปีก่อน แต่กลับมาเร่งทำคดีในปีนี้ ที่สำคัญทำไมไม่เรียกตัวนางอุทัยวรรณ จุลรัตน์ ผู้ขับขี่รถปิคอัพที่ขับตัดหน้าลูกสาวตนมาดำเนินคดี พอตนถามหาก็บอกว่าไม่สามารถจับตัวได้ เขาไม่อยู่ในพื้นที่ และบอกให้ตนไปหาหลักฐานมา ตนก็ไปตามหาจนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว แต่ตำรวจก็บอกว่าเปิดดูไม่ได้ไวรัสกิน ตนก็เอาไปให้ใหม่อีก ตำรวจก็บอกว่าไวรัสกินอีก แต่กลับมาฟ้องลูกสาวตนกลายเป็นผู้ต้องหาอีกในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย และขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท แต่คนร้ายตัวจริงกลับปล่อยหนีลอยนวล ส่วนแม่ของดญ.ปวรรณา คนที่ซ้อนท้ายเล่าให้ฟังว่า หลังเกิดเหตุตนก็ได้เดินทางไปที่สภ.ย่อย ต.ศิลา เช่นกัน โดยตำรวจขอไกล่เกลี่ยบอกว่าจะเรี่ยไรเงินตำรวจที่อยู่ด้วยกันให้น้อง ทั้งคนคนละ 2000 บาท เพราะอยากช่วยเหลือน้อง และให้คดีจบ ๆ ไป ซึ่งตนไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้มีเรื่องมีราวมาถึงปีนี้.... ดูต่อได้ที่ : http://www.khonkaenlink.info/home/news/2621.html