หลังจากได้ดูคุณอุบล แห่งพิษสวาท ก็บอกได้คำเดียวว่า ณ นาทีนี้ บทนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับคุณนุ่นวรนุชอีกแล้ว
ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจ บังเอิญได้ดูพิศวาสตอนล่าสุดที่ผ่านมา
เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เออ ทำไมเราไม่ลองตามรอยอัคนี ไปดูซิว่า เมื่อก่อนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์อยู่ตรงไหน
เรือนพระอรรคกับคุณอุบลอยู่ตรงไหน เหตุการณ์ปืนใหญ่เกิดที่ใด บริเวณไหน คิดแล้วก็ตื่นเต้น
ไม่รอช้าคว้ากล้องรีบขับรถบึ่งไป จังหวัดอยุธยาทันที
อยุธยา เป็นอดีตราชธานีของไทย ศูนย์กลางความเจริญของราชอาณาจักร
เป็นเกาะเมืองล้อมรอบด้วยแม่น้ำ 3 สาย ทิศเหนือ(ด้านบนของรูป) คือ แม่น้ำลพบุรี
ทิศตะวันตก (ด้านซ้ายของรูป) และทิศใต้(ด้านล่างรูป) เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันออก (ด้านขวาของรูป) เป็นแม่น้ำป่าสัก
พระราชวังโบราณ อยู่ด้านบนของเกาะเมือง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
เมื่อพระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา เมื่อปี 1893 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ สร้างพระที่นั่ง 3 องค์ ได้แก่
พระที่นั่งไพฑูรย์มหาปราสาท พระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาท และ พระที่นั่งไอศวรรย์มหาปราสาท
ในเขตวัดพระศรีสรรเพชญ์ในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงยกบริเวณพระราชวังเดิม
ได้แก่ พระที่นั่ง 3 องค์นั้น ให้เป็นพุทธาวาส หรือก็คือวัดพระศรีสรรเพชญ์แล้วจึงโปรดเกล้าฯ
ให้ย้ายพระราชวังมาสร้างใหม่ทางด้านเหนือของพระราชวังเดิม ใกล้แม่น้ำลพบุรี คูเมืองด้านเหนือ
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งเบญจรัตนมหาปราสาทและพระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท เป็นพระที่นั่ง 2 องค์แรก
ทรงขยายให้วังหลวงกว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิม โดยให้เขตพระราชวังไปเชื่อมติดกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์
แล้วก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาปราสาทเพิ่มอีก 2 องค์ คือพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ และ พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์
ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงสร้างพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ขึ้นเป็นที่ประทับอีกองค์หนึ่ง
(พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานครนั้น รัชกาลที่ 1 ได้สร้างเลียนแบบพระบรมมหาราชวังในกรุงศรีอยุธยาครับ)
ไม่นานก็มาถึงพระราชวังโบราณครับ ถ้าใครมาไม่ถูก ไม่ว่าจะมาเองหรือจ้างรถมา มาให้ถึงวัดมงคลบพิตรได้
ก็ถึงพระราชวังโบราณละครับ ผมตามรอยคุณอัคนีมา โดยคุณอัคนี คือ พระอรรค
อดีตแม่ทัพคู่บัลลังค์ของขุนหลวงในพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ดังนั้น เส้นทาง ที่ผมจะเริ่มเดินจากทางเข้า ด้านทิศใต้ เพื่อไปยังพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ซึ่งอยู่ทางฝั่งเหนือของพระราชวังครับ
ทางเข้าครับ เสียค่าเข้า 10 บาทนะครับ
นี่คือแนวกำแพงพระราชวังโบราณครับ ถ้านึกไม่ออก ก็ให้ถึงกำแพงสีขาวที่ล้อมรอบพระบรมมหาราชวังในปัจจุบันครับ
เดินตรงเข้าไปด้านซ้ายมือของเราคือ วัดพระศรีสรรเพชญ์ครับ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ แต่คงต้องเป็นวันหลังนะครับ เพราะเป้าหมายเราคือ พระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์
ออกจากวัดประตุทิศเหนือ อ้อมไปทางด้านขวาครับ
ตรงที่ลูกศรหยุดคือ เขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นที่ตั้งของ พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ และส่วนราชการต่าง ๆ
เช่น ศาลาลูกขุน ศาลหลวง ศาลาสารบัญชี เป็นต้นครับ
พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์
จากนั้นก็เดินกลับมาด้านหน้าของพระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ เพื่อตรงไปยังพระที่นั่งวิหารสมเด็จ
พระที่นั่งวิหารสมเด็จ สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้รับราชทูตเมืองละแวก(กัมพูชา) ต่อมาสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
พระที่นั่งถูกฟ้าผ่าจนไหม้เสียหาย จึงโปรดเกล้าให้สร้างพระที่นั่งองค์ใหม่พระราชทานนามว่า พระที่นั่งวิหารสมเด็จ
ถัดมาคือพระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท (องค์จำลองที่เมืองโบราณครับ)
พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของราชสำนักและเป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองของพระมหากษัตริย์
แต่พระที่นั่งองค์นี้เสียหายทั้งองค์เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 จนในปัจจุบันเหลือแต่ฐาน และ กำแพงบางส่วนเท่านั้น
ถัดมาด้านเหนือสุดของพระราชวังโบราณ คือ พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ครับ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเป็นปราสาทจตุรมุข ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรพยุหยาตราชลมารค
เมื่อพระเจ้าเอกทัศน์ เมื่อขึ้นครองราชบัลลังค์ ชอบประทับอยู่ที่นี่ ชาววังจึงขนานท่านว่า สมเด็จพระสุริยาศน์อมรินทร์ครับ
(พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สร้างลอกแบบจากพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์)
ด้านหน้าพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ด้านหลังพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ข้างในพระที่นั่งที่หากมองออกไปทางแม่น้ำลพบุรี ก็จะเห็นวัดหน้าพระเมรุครับ
ถ้าดูในละครพิษสวาทตอนแรกเลย เป็นช่วงกองทัพพม่าโดยการนำของพระเจ้าอลองพญาของพม่ายกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา
และได้ตั้งทัพยิงปืนใหญ่ที่วัดหน้าพระเมรุ ข้ามฝั่งมายังพระราชวังใกล้พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ถ้าเรามองจากมุมของพระเจ้าเอกทัศน์ที่หันไปทางประตูเมืองที่พระอรรคจะจะต้องออกไปรบ
คุณอุบลก็คงรำบวงสรวงอยู่บริเวณนี้
พระอรรคก็คงขี่ม้าออกไปรบทางประตูทิศเหนือ ตรงข้ามวัดพระหน้าพระเมรุเนื่องจาก
พระเจ้าอลองพระยาบัญชาการรบอยู่ที่นั่น
ถ้าดูในละครจะพบว่าฉากแรกเลยที่พระเอกออกรบแล้วปืนใหญ่ฝั่งพม่าแตก
น่าจะเป็นปี 2303 ปีที่พระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์จากแรงระเบิดจากปืนใหญ่ ณ วัดหน้าพระเมรุ
(สืบเนื่องมาตอนต้นเรื่องคุณอุบลบอกว่าสงครามเริ่มในปลายปี 2302)
ดังนั้น เมื่อเราดูจากแผนผังและสถานที่จริง และคำพูดของพระเอกที่ว่า
ดังนั้น วัดราชบดินทร์ น่าจะอยู่ที่ติดกำแพงวังทิศใต้ หลังพระตำหนักสวนกระต่ายครับ
และข้ามคลองท่อไป คือ ที่ดินพระราชทานผืนใหญ่ครับ
ที่ดินพระราชทานผืนใหญ่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นเรือนพระอรรค ปัจจุบันคือ บ้านของประชาชนทั่วไปครับ
และถ้าสังเกตุดีๆและย้อนกลับไปดูผังที่ผมทำ จะพบว่าถ้าเรือนพระอรรคอยู่ตรงนี้จริง จะเป็นชัยภูมิที่ดีมาก
ด้านทิศเหนือของที่ดินติดวัดวรโพธิ์ เดิมชื่อวัดระฆังในสมัยพระเจ้าบรมโกศได้มีการปลูกต้นโพธิ์ซึ่งได้จากเกาะลังกา
จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดวรโพธิ์
ด้านทิศตะวันออกของที่ดินติดกับวัดวรเชษฐาราม สถานที่ ปลงพระศพ สมเด็จพระนเรศวร
สมเด็จพระเอกาทศรถ สร้างอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเชษฐา ที่ได้สวรรคตลงขณะยกทัพไปเมืองตองอู
และวัดโลกยสุธา
ในละครบอกว่า พระเจ้าเอกทัศน์ บัญชาการให้ให้สร้างอุโมงค์ใต้พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ เชื่อมต่อไปยังวัดราชบดินทร์
เมื่อกรุงจะแตก พระอรรคจึงพาคุณอุบลลงอุโมงที่วัดราชบดินทร์แล้วไปโผล่ใต้พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ในห้องพระคลังมหาสมบัติ
ก่อนจะหลอกให้เมียสาบานแล้วฟันคอให้กลายเป็นคุณอุบลเฝ้าทรัพย์มาจนทุกวันนี้
เมื่อได้คำตอบทุกอย่างแล้ว ผมก็เดินทางกลับกรุงเทพด้วยความสบายใจ...นี่ผมไม่ได้อินไปใช่ไหมครับ อิอิ
ตามหาเรือนพระอรรคกับคุณอุบล แห่งพิษสวาท ณ พระราชวังโบราณ
ด้วยความซาบซึ้งและประทับใจ บังเอิญได้ดูพิศวาสตอนล่าสุดที่ผ่านมา
เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เออ ทำไมเราไม่ลองตามรอยอัคนี ไปดูซิว่า เมื่อก่อนพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์อยู่ตรงไหน
เรือนพระอรรคกับคุณอุบลอยู่ตรงไหน เหตุการณ์ปืนใหญ่เกิดที่ใด บริเวณไหน คิดแล้วก็ตื่นเต้น
ไม่รอช้าคว้ากล้องรีบขับรถบึ่งไป จังหวัดอยุธยาทันที
อยุธยา เป็นอดีตราชธานีของไทย ศูนย์กลางความเจริญของราชอาณาจักร
เป็นเกาะเมืองล้อมรอบด้วยแม่น้ำ 3 สาย ทิศเหนือ(ด้านบนของรูป) คือ แม่น้ำลพบุรี
ทิศตะวันตก (ด้านซ้ายของรูป) และทิศใต้(ด้านล่างรูป) เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันออก (ด้านขวาของรูป) เป็นแม่น้ำป่าสัก
พระราชวังโบราณ อยู่ด้านบนของเกาะเมือง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
เมื่อพระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา เมื่อปี 1893 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ สร้างพระที่นั่ง 3 องค์ ได้แก่
พระที่นั่งไพฑูรย์มหาปราสาท พระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาท และ พระที่นั่งไอศวรรย์มหาปราสาท
ในเขตวัดพระศรีสรรเพชญ์ในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงยกบริเวณพระราชวังเดิม
ได้แก่ พระที่นั่ง 3 องค์นั้น ให้เป็นพุทธาวาส หรือก็คือวัดพระศรีสรรเพชญ์แล้วจึงโปรดเกล้าฯ
ให้ย้ายพระราชวังมาสร้างใหม่ทางด้านเหนือของพระราชวังเดิม ใกล้แม่น้ำลพบุรี คูเมืองด้านเหนือ
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งเบญจรัตนมหาปราสาทและพระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท เป็นพระที่นั่ง 2 องค์แรก
ทรงขยายให้วังหลวงกว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิม โดยให้เขตพระราชวังไปเชื่อมติดกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์
แล้วก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาปราสาทเพิ่มอีก 2 องค์ คือพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ และ พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์
ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงสร้างพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ขึ้นเป็นที่ประทับอีกองค์หนึ่ง
(พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานครนั้น รัชกาลที่ 1 ได้สร้างเลียนแบบพระบรมมหาราชวังในกรุงศรีอยุธยาครับ)
ไม่นานก็มาถึงพระราชวังโบราณครับ ถ้าใครมาไม่ถูก ไม่ว่าจะมาเองหรือจ้างรถมา มาให้ถึงวัดมงคลบพิตรได้
ก็ถึงพระราชวังโบราณละครับ ผมตามรอยคุณอัคนีมา โดยคุณอัคนี คือ พระอรรค
อดีตแม่ทัพคู่บัลลังค์ของขุนหลวงในพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ดังนั้น เส้นทาง ที่ผมจะเริ่มเดินจากทางเข้า ด้านทิศใต้ เพื่อไปยังพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ซึ่งอยู่ทางฝั่งเหนือของพระราชวังครับ
ทางเข้าครับ เสียค่าเข้า 10 บาทนะครับ
นี่คือแนวกำแพงพระราชวังโบราณครับ ถ้านึกไม่ออก ก็ให้ถึงกำแพงสีขาวที่ล้อมรอบพระบรมมหาราชวังในปัจจุบันครับ
เดินตรงเข้าไปด้านซ้ายมือของเราคือ วัดพระศรีสรรเพชญ์ครับ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ แต่คงต้องเป็นวันหลังนะครับ เพราะเป้าหมายเราคือ พระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์
ออกจากวัดประตุทิศเหนือ อ้อมไปทางด้านขวาครับ
ตรงที่ลูกศรหยุดคือ เขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นที่ตั้งของ พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ และส่วนราชการต่าง ๆ
เช่น ศาลาลูกขุน ศาลหลวง ศาลาสารบัญชี เป็นต้นครับ
พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์
จากนั้นก็เดินกลับมาด้านหน้าของพระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ เพื่อตรงไปยังพระที่นั่งวิหารสมเด็จ
พระที่นั่งวิหารสมเด็จ สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้รับราชทูตเมืองละแวก(กัมพูชา) ต่อมาสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
พระที่นั่งถูกฟ้าผ่าจนไหม้เสียหาย จึงโปรดเกล้าให้สร้างพระที่นั่งองค์ใหม่พระราชทานนามว่า พระที่นั่งวิหารสมเด็จ
ถัดมาคือพระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท (องค์จำลองที่เมืองโบราณครับ)
พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของราชสำนักและเป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองของพระมหากษัตริย์
แต่พระที่นั่งองค์นี้เสียหายทั้งองค์เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 จนในปัจจุบันเหลือแต่ฐาน และ กำแพงบางส่วนเท่านั้น
ถัดมาด้านเหนือสุดของพระราชวังโบราณ คือ พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ครับ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเป็นปราสาทจตุรมุข ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรพยุหยาตราชลมารค
เมื่อพระเจ้าเอกทัศน์ เมื่อขึ้นครองราชบัลลังค์ ชอบประทับอยู่ที่นี่ ชาววังจึงขนานท่านว่า สมเด็จพระสุริยาศน์อมรินทร์ครับ
(พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สร้างลอกแบบจากพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์)
ด้านหน้าพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ด้านหลังพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ข้างในพระที่นั่งที่หากมองออกไปทางแม่น้ำลพบุรี ก็จะเห็นวัดหน้าพระเมรุครับ
ถ้าดูในละครพิษสวาทตอนแรกเลย เป็นช่วงกองทัพพม่าโดยการนำของพระเจ้าอลองพญาของพม่ายกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา
และได้ตั้งทัพยิงปืนใหญ่ที่วัดหน้าพระเมรุ ข้ามฝั่งมายังพระราชวังใกล้พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์
ถ้าเรามองจากมุมของพระเจ้าเอกทัศน์ที่หันไปทางประตูเมืองที่พระอรรคจะจะต้องออกไปรบ
คุณอุบลก็คงรำบวงสรวงอยู่บริเวณนี้
พระอรรคก็คงขี่ม้าออกไปรบทางประตูทิศเหนือ ตรงข้ามวัดพระหน้าพระเมรุเนื่องจาก
พระเจ้าอลองพระยาบัญชาการรบอยู่ที่นั่น
ถ้าดูในละครจะพบว่าฉากแรกเลยที่พระเอกออกรบแล้วปืนใหญ่ฝั่งพม่าแตก
น่าจะเป็นปี 2303 ปีที่พระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์จากแรงระเบิดจากปืนใหญ่ ณ วัดหน้าพระเมรุ
(สืบเนื่องมาตอนต้นเรื่องคุณอุบลบอกว่าสงครามเริ่มในปลายปี 2302)
ดังนั้น เมื่อเราดูจากแผนผังและสถานที่จริง และคำพูดของพระเอกที่ว่า
ดังนั้น วัดราชบดินทร์ น่าจะอยู่ที่ติดกำแพงวังทิศใต้ หลังพระตำหนักสวนกระต่ายครับ
และข้ามคลองท่อไป คือ ที่ดินพระราชทานผืนใหญ่ครับ
ที่ดินพระราชทานผืนใหญ่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นเรือนพระอรรค ปัจจุบันคือ บ้านของประชาชนทั่วไปครับ
และถ้าสังเกตุดีๆและย้อนกลับไปดูผังที่ผมทำ จะพบว่าถ้าเรือนพระอรรคอยู่ตรงนี้จริง จะเป็นชัยภูมิที่ดีมาก
ด้านทิศเหนือของที่ดินติดวัดวรโพธิ์ เดิมชื่อวัดระฆังในสมัยพระเจ้าบรมโกศได้มีการปลูกต้นโพธิ์ซึ่งได้จากเกาะลังกา
จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดวรโพธิ์
ด้านทิศตะวันออกของที่ดินติดกับวัดวรเชษฐาราม สถานที่ ปลงพระศพ สมเด็จพระนเรศวร
สมเด็จพระเอกาทศรถ สร้างอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเชษฐา ที่ได้สวรรคตลงขณะยกทัพไปเมืองตองอู
และวัดโลกยสุธา
ในละครบอกว่า พระเจ้าเอกทัศน์ บัญชาการให้ให้สร้างอุโมงค์ใต้พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ เชื่อมต่อไปยังวัดราชบดินทร์
เมื่อกรุงจะแตก พระอรรคจึงพาคุณอุบลลงอุโมงที่วัดราชบดินทร์แล้วไปโผล่ใต้พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ในห้องพระคลังมหาสมบัติ
ก่อนจะหลอกให้เมียสาบานแล้วฟันคอให้กลายเป็นคุณอุบลเฝ้าทรัพย์มาจนทุกวันนี้
เมื่อได้คำตอบทุกอย่างแล้ว ผมก็เดินทางกลับกรุงเทพด้วยความสบายใจ...นี่ผมไม่ได้อินไปใช่ไหมครับ อิอิ